บทที่ 78 การพูดคุยเรื่องการร่วมงานกับห้างลิซซี่

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 78
การพูดคุยเรื่องการร่วมงานกับห้างลิซซี่
นี่เป็นการพูดคุยธรรมดา แต่กลับทำให้โม่ฉางเฟิงรู้สึกเชื่อใจ ในเวลานี้เธอมั่นใจในตัวเองมาก, มีวิสัยทัศน์, กล้าหาญ, มีสมองและมีวิธีมากมาย ดังนั้นความคิดของโม่ฉางเฟิงจึงที่มีต่อเธอจึงไปไกลกว่าอายุของเธอมาก
โม่อ้ายหลี่พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณปู่ หนูเชื่อในตัวมู่หรงเสวี่ย”
โม่ฉางเฟิงมองไปที่ท่าทางมั่นใจของเด็กสาวทั้งสอง คิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดอะไรออกมา “ในเมื่ออ้ายหลี่เชื่อในตัวหนู งั้นก็ปล่อยให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่มั่นใจได้เลยว่าตระกูลโม่จะคอยปกป้องพวกหนูอย่างเต็มที่ จงมั่นใจและกล้าที่จะลงมือทำ”
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “คุณปู่โม่ขอบคุณนะคะที่เชื่อในตัวหนู หนูจะไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ!”
โม่ฉางเฟิงมองท่าทางกล้าหาญของเธอและรับรู้ได้เลยว่าตระกูลมู่หรงสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ดีจริงๆ “งั้นฉันจะคอยดูความสำเร็จของพวกหนูแล้วกันนะ!”
โม่ฉางเฟิงรู้อยู่ในหัวใจว่าถึงแม้ตระกูลโม่จะยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีศัตรูอยู่มากมายด้วยเช่นกัน เขาอยู่คอยปกป้องหลานทั้งสองไปตลอดไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้พวกเขาได้เติบโต เดิมทีเขาอยากให้อ้ายหลี่ได้เรียนก่อนอีกสักสองปี แต่ตอนนี้ในเมื่อเธอเดินเข้ามาบอกด้วยตัวเอง นอกจากนี้เขาก็เชื่อใจในตัวเด็กสาวมู่หรงนี่ด้วย ถ้าเขาจะอยู่ช่วยพวกเธอไปตลอดชีวิตไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังมีโอกาสได้ดูแลพวกเธอต่อไปอีกหลายปี

มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “จะต้องมีวันนั้นแน่นอนค่ะ”
โม่อ้ายหลี่จับมือมู่หรงเสวี่ยอย่างมีความสุขแล้วก็ขยิบดวงตาเปล่งประกายไปให้เธอ “เสี่ยวเสวี่ย คุณปู่สัญญากับพวกเราแล้ว ขอบคุณนะที่ยอมให้ฉันได้ทำตามเป้าหมายแล้วเธอจะไม่เสียใจเลยในอนาคต”

เธออยู่ในครอบครัวทหารและนักการเมือง คุณปู่ของเธอเป็นผู้นำของรุ่นและพี่ชายของเธอก็ได้รับมรดกจากคุณปู่ของเธอมาอย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ตระกูลโม่จะเข้าร่วมในกองทัพแต่ก็ยังมีธุรกิจของตัวเองด้วย ลูกหลานในตระกูลต่างก็โดดเด่นกันหมด การอยู่ในครอบครัวแบบนี้เธอต้องอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างที่คิดไม่ถึงเลย ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน เธอไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตโดยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของคุณปู่และพี่ชาย

อย่างไรก็ตามความคิดที่สร้างสรรค์ของมู่หรงเสวี่ยได้เข้ามาชี้ทางอันสดใสให้กับชีวิตของเธอซึ่งทำให้โลกทั้งใบของเธอสว่างไสวในพริบตาและทำให้เธอมีเป้าหมายในการต่อสู้นับจากนี้

มู่หรงเสวี่ยเองก็พูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณเธอด้วยเหมือนกันนะ” ขอบคุณที่เข้ามาเป็นเพื่อนในชีวิตนี้ของฉัน
โม่ฉางเฟิงมองเด็กสาวทั้งสอง ความเป็นเพื่อนและความฝันเปล่งประกายอยู่ในสายตาของเขา!
มู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม หลานของเขาโชคดีมากที่ได้เธอมาเป็นเพื่อน!
วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยหยิบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เธอพัฒนาเองออกมาจากมิติลับหนึ่งชุดและขับรถตรงไปที่ห้างลิซซี่

ห้างลิซซี่คือทางเลือกแรกสำหรับสาวๆทุกคนที่อยู่ตั้งแต่ชนชั้นกลางไปจนถึงชั้นสูง ห้างนี้มีอยู่ทั่วโลก ถ้าอยากที่จะโปรโมทสินค้าให้กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่ดีที่สุดคือการร่วมมือกับห้างลิซซี่
มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในออฟฟิศของห้องลิซซี่และเจอกับหลี่เซียงเจี๋ย ผู้จัดการของห้างลิซซี่ หลี่เซียงเจี๋ยสวมชุดสูทสีเขียวอ่อนซึ่งดูเป็นมืออาชีพมาก

“สวัสดีค่ะผู้จัดการหลี่ ไม่แน่ใจว่าคุณสะดวกที่จะคุยกับฉันหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถามด้วยรอยยิ้ม

หลี่เซียงเจี๋ยประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจว่าคุณหนูของตระกูลมู่หรงมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับเธอ มองไปที่รอยยิ้มของ มู่หรงเสวี่ยซึ่งดูใสซื่ออย่างมาก “เชิญนั่งก่อนค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือคะคุณมู่หรง?”

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆนั่งลงตรงข้ามหลี่เซียงเจี๋ยแล้วจึงพูดออกไปว่า “ฉันขอพูดตรงๆเลยนะคะ ฉันมีแผนที่จะเปิดบริษัทผลิตภัณฑ์ความงามจากยาจีนและอยากที่จะร่วมงานกับห้างลิซซี่ ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”

หลี่เซียงเจี๋ยประหลาดใจ นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ตอนนี้ห้างลิซซี่กำลังแย่มากๆ เธอมีแผนที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก “คุณมู่หรงล้อเล่นหรือเปล่า เราใช้ผลิตภัณฑ์ของเราเองมาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่เคยใช้แบรนด์อื่นๆเลย แล้วเราก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะใช้แบรนด์อื่นด้วย” ตลกหรือเปล่า ห้างลิซซี่เป็นห้างใหญ่ทำไมถึงจะต้องให้แบรนด์อื่นเข้ามา เสียเวลาโฆษณาให้คนอื่นเปล่าๆ

มู่หรงเสวี่ยมองที่เธอและพูดออกไป “ผู้จัดการหลี่ อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเลยค่ะ ฉันกล้าพูดเลยว่าสินค้าของฉันมีข้อดีมากมาย คุณน่าจะลองดูผลิตภัณฑ์ของฉันก่อนนะคะ”

หลี่เซียงเจี๋ยเองก็มองท่าทางที่จริงจังของมู่หรงเสวี่ยและสิ่งที่เธอพูดก็ค่อนข้างถูก “คุณมู่หรง ไม่ใช่ว่าฉันจะปฏิเสธคุณอย่างไร้เยื่อใยนะคะ แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคุณที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แล้วฉันก็คิดว่าคุณคงรู้ว่าในแต่ละปีมีบริษัทมากมายนับไม่ถ้วนที่มาลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแต่กลับมีเพียงไม่กี่บริษัที่ประสบความสำเร็จ อย่างบริษัท R และบริษัท D ที่น่ากลัวและมีทุนหนาแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย”
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า ไม่ได้พูดขัดอะไรแต่ฟังอย่างตั้งใจ
หลี่เซียงเจี๋ยพูดต่อ “แม้ในช่วงสองปีแรกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของ เคเอชห่าวเจี๋ยจะอยู่ในอันดับต้นๆของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามแบบแพทย์แผนจีน แต่ภายในระยะเวลาแค่ไม่ถึงสองปีดีก็ต้องตกมาอยู่ในแบรนด์อันดับที่สาม”

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ มู่หรงเสวี่ยก็พูดมาเบาๆ “หากฉันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบแห่งการแพทย์แผนจีนได้สำเร็จ และมีงานวิจัยรับรองสูตร แล้วฉันก็ยังทดลองกับตัวเองแล้วด้วย แบบนี้ผู้จัดการหลี่จะรับไว้พิจารณาไหมคะ?”

ดวงตาของหลี่เซียงเจี๋ยเบิกกว้าง เธอไม่อยากที่จะเชื่อ “มันเป็นไปได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “มันเป็นไปแล้วค่ะ เพราะอย่างนี้ฉันถึงมาหาคุณ นี่คือชุดผลิตภัณฑ์ที่บริษัทของเราจะเปิดตัวในไม่ช้า คุณลองดูก่อนก็ได้ค่ะแล้วค่อยให้คำตอบฉันทีหลัง เชื่อฉันเถอะค่ะ คุณไม่เสียใจแน่นอน” มู่หรงเสวี่ยหยิบชุดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดออกมาจากกระเป๋า

หลี่เซียงเจี๋ยรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไปจากมือของมู่หรงเสวี่ยและเธอแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดดู เมื่อเธอเปิดออก ก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นแต่ที่ตัวผลิตภัณฑ์กลับไม่มีกลิ่น แต่หลี่เซียงเจี๋ยได้กลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์

เธอปาดผลิตภัณฑ์เล็กน้อยด้วยปลายนิ้วและทาลงบนมือ มันให้ความรู้สึกสบายอย่างมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันซึมลงไปในผิวแทบจะในทันที ผิวที่มือของเธอกลายเป็นนุ่มมากด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า โอ้พระเจ้า นี่มันมหัศจรรย์มากเลยจริงๆ

เธอมองมาที่มู่หรงเสวี่ย สายตาของเธอสะท้อนความไม่อยากจะเชื่ออย่างเห็นได้ชัด

มู่หรงเสวี่ยหยิบรายงานอีกฉบับขึ้นมา “ผู้จัดการหลี่ นี่คือรายงานผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ของเรา คุณมั่นใจได้เลยว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ 100%”

หลี่เซียงเจี๋ยรับรายงานผลการทดสอบมาจากมือเธอและเปิดอ่านดู เธอถึงกับประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมอีก เธอพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ยังไง?! เป็นธรรมชาติแบบบริสุทธิ์! ถ้าเธอเป็นคนที่มีอำนาจเด็ดขาดในห้างลิซซี่ เธอคงจะตอบตกลงไปตั้งแต่ตอนนี้แล้ว “คุณมู่หรง ฉันต้องรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าก่อนถึงจะให้คำตอบคุณได้!”

เธอยังมองจ้องมาที่มู่หรงเสวี่ย ประเมินเด็กสาวอายุเพียง 15 คนนี้ต่ำไปไม่ได้จริงๆ จากบทสนทนาเมื่อสักครู่ ทำให้คิดว่าคุณหนูมู่หรงคนนี้ไม่เหมือนเด็กอายุ 15 เลยสักนิด ตรงกันข้ามเลยเธอเหมือนนักธุรกิจที่มากประสบการณ์มากกว่า ทั้งมั่นใจและสงบนิ่ง

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าเบาๆ แน่นอนเธอรู้ดีว่าผู้จัดการหลี่ตัดสินใจเองไม่ได้แต่สิ่งที่เธอต้องการก็แค่การจับคู่ “ฉันขอโทษนะคะผู้จัดการหลี่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันจะขอบคุณคุณอีกครั้งนะคะ”
หลี่เซียงเจี๋ยมองจ้องตาเธอด้วยเคารพมากขึ้น “ด้วยความยินดีค่ะ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ”
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ขับรถกลับมาที่สำนักงานใหญ่บริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ป
ในห้องทำงานของประธาน
มู่หรงเสวี่ยเรียกแกนนำของบริษัทหลายคนมารวมกันทั้ง กู่หมิง, ลั่วเฉิงเฟยและโม่จือเหวิน เธอค่อยๆอธิบายเรื่องบริษัทผลิตภัณฑ์ความงามของเธอที่ตั้งชื่อว่าความงามของธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงบริษัทของพวกเราและพวกสัญญาว่าจะช่วยกันและกัน

ต่อมาเธอถามกู่หมิงไปว่า “พี่กู่ สถานการณ์ช่วงนี้ของบริษัทเป็นยังไงบ้างคะ? ช่วงนี้ฉันยุ่งๆเลยไม่มีเวลาเข้ามาดูเลย”

“การดำเนินการของบริษัทยังปกติดีอยู่และไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ที่ดินด้านตงหวนลู่ ผมกว้านซื้อมาได้แค่ 5,000 ตรว. แต่ก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรในเรื่องธุรกิจ นี่คือข้อมูลของเด็กฝึกงาน, รวมทั้งเอกสารทั้งหมดซึ่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่มีคนเข้ามาหาผมและบอกว่าเขาจะซื้อที่ดินของเราด้วยราคาห้าเท่าของที่เราซื้อมา ราคาน่าสนใจมากเลยนะครับ” กู่หมิงมองมู่หรงเสวี่ยด้วยท่าทางประหลาดใจ ในความคิดของเขาที่ดินนี้ไม่ดีเท่าไรแต่กลับมีคนอยากที่จะมาขอซื้อด้วยราคาสูงกว่าเดิมห้าเท่า

มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างสบายๆ “ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงินมากเท่าไรก็จะไม่ขาย ราคาของที่ดินตรงนั้นมีราคาสูงมากกว่านี้ อีกอย่างพี่กู่ เราได้รับหินหยกที่ฉันให้คนส่งกลับมาจากเมืองหลวงแล้วหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงหินหยก กู่หมิงก็นึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่บริษัทต้องจ่ายค่าขนส่งหินหยกไปเป็นจำนวนมาก อันที่จริงก็หลายพันหยวน สุดท้ายแล้วคุณหนูนี่ซื้อหินหยกมาเยอะแค่ไหนกันนะ? “ครับ มันถูกล็อกเก็บไว้ในโกดังชั้นใต้ดินของบริษัทครับ ซึ่งยังไม่ถูกแกะออกเลย”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า “งั้นถ้าพี่มีเวลา ช่วยเรียกคนตัดหินเข้ามาแกะทีนะคะ พี่จื่อเหวินพี่ได้ติดต่อพวกเพื่อนทหารผ่านศึกแล้วหรือยัง?”

โม่จื่อเหวินมองมู่หรงเสวี่ยอยู่ตั้งแต่ต้น นี่ก็นานกว่าเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอเลย เวลาที่เขาไม่ได้เจอเธอหัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำและก็มักจะกังวลอยู่เสมอ เขากังวลว่าเธอจะปลอดภัยหรือเปล่า และเธอได้เจอพวกอันธพาลบ้างไหม? ในที่สุดเขาก็ได้เจอเธอและรู้สึกค่อนข้างโล่งใจ

หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน เขาคิดว่าเธอดูสวยขึ้นมาก สวยมากจนไม่อาจจะละสายตาได้เลย ภายใต้ความคิดนี้ในใจเขาปิดบังไว้ด้วยท่าทีที่มั่นคงและเปิดปากตอบออกไป “นัดเรียบร้อยแล้วครับ มี 15 คนที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้สมาชิกครอบครัวของพวกทหารผ่านศึก นอกจากพวกเด็กๆก็ถามเรื่องงานด้วยเหมือนกัน คุณจะให้พวกเขาไปทำงานส่วนไหนดีครับ?”

มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักพักแล้วจึงตอบออกไป “แผนกเภสัชกรรมของเรายังต้องการคนงานอีกมากเพื่อคัดแยกวัสดุยาในการประชุมเชิงปฏิบัติการการผลิต แล้วก็ยังมีตำแหน่งพวกพนักงานในโรงอาหารแล้วก็พนักงานทำความสะอาดด้วย ส่วนตำแหน่งเฉพาะจะต้องให้หัวหน้าแต่ละแผนกเป็นคนจัดการ แต่ว่าถ้าสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งแผนกเภสัชกรรมเพื่อคัดแยกวัสดุยา จะต้องได้รับการฝึกก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายคุณสมบัติของยา ส่วนทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บอีก 15 คน พี่จื่อเหวินนัดเวลาพวกเขาให้มาพร้อมกันทีนะคะแล้วฉันจะไปเจอพวกเขาเอง”

“เสี่ยวเสวี่ยจะว่างเมื่อไรล่ะครับ?” โม่จื่อเหวินถาม
“ช่วง 2-3 วันถัดจากนี้ฉันยังพอมีเวลาว่างเยอะอยู่ แล้วก็เฉิงเฟย สถานการณ์การผลิตของแผนกเภสัชกรรมเป็นยังไงบ้าง?” มู่หรงเสวี่ยถาม

ลั่วเฉิงเฟยตอบ “จากใบสั่งยาที่คุณให้มา มันถูกแยกไปหลายแผนกเพื่อผลิตและสังเคราะห์ มีการผลิตออกมาบ้างแล้วและก็ถูกส่งไปให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทำการทดสอบแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร หลังจากที่คุณตรวจแล้วก็สามารถทำการผลิตและโฆษณาได้เลย”