ตอนที่ 336 ถูกเขาแย่งไปแล้ว / ตอนที่ 337 เธอต้องการพบคุณ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 336 ถูกเขาแย่งไปแล้ว 

 

 

           “ไม่มีใครแล้วเหรอครับ สามร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง สามร้อยล้านครั้งที่สอง” 

 

 

           “สามร้อยล้านครั้งที่สาม ปิดการประมูลครับ! ยินดีกับคุณเผยด้วยครับ ที่ดินผืนนี้เป็นของคุณแล้ว อีกสักครู่พวกเราจะส่งสัญญาให้ถึงมือคุณเลย” 

 

 

           ในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยก็ซื้อที่ดินผืนนั้นด้วยราคาที่สูงถึงสามร้อยล้าน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าเรื่องจบแล้ว ก็ไม่ได้พิรี้พิไรอีก ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนออกไปข้างนอก เขารีบตามไป ปล่อยให้ผู้ช่วยอยู่ตรงนั้นเพื่อจัดการเรื่องหลังจากนั้น 

 

 

           ออกมาถึงหน้าประตู ฉู่เจียเสวียนเดินไปหารถของเธอทันที อารมณ์ของเธอตกต่ำมาก ไม่ได้สังเกตว่าเผยหนานเจวี๋ยตามหลังเธอมาโดยสิ้นเชิง 

 

 

           “เจียเสวียน” ขณะที่ในใจมัวแต่คิดว่าไม่ได้ที่ดินผืนนั้นมาอยู่ในมือแล้วเด็กๆ พวกนั้นจะทำอย่างไร จู่ๆ มือก็ถูกดึงไว้ เธอสะดุดล้มไปข้างหน้า 

 

 

           รู้สึกถึงมือที่แข็งแกร่งและทรงพลังโอบรอบเอว จมูกเต็มไปด้วยลมหายใจที่เยือกเย็นของเขา เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดวงตาที่ลึกซึ้งของเผยหนานเจวี๋ยคู่นั้น 

 

 

           เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นใคร ฉู่เจียเสวียนโมโหขึ้นมาทันใด ขัดขืดพร้อมออกแรงผลักทันที ผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขา สายตาที่มองเขานั้นเย็นชา 

 

 

           “คุณเผย คุณจะทำอะไร กลางวันแสกๆ คุณยังคิดจะฉวยโอกาสจากฉันอีกเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากเย็นชา ใบหน้าไร้รอยยิ้ม 

 

 

           “ช่วงนี้คุณสบายดีไหม” เผยหนานเจวี๋ยคิดเนิ่นนาน ในที่สุดก็ถามเพียงประโยคเดียว 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำถามของเผยหนานเจวี๋ย รู้สึกขำโดยไม่รู้ตัว คนคนนี้ประสาทหรือเปล่า รั้งตัวเธอไว้เพียงเพื่อถามว่าเธอสบายดีไหม เธอจะสบายดีหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับเขา 

 

 

           ต้องการความเห็นใจจอมปลอมจากเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน 

 

 

           “คุณเผย ยินดีกับคุณด้วยนะคะ ซื้อที่ดินผืนนั้นได้ ร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ” ฉู่เจียเสวียนพูดจาประชดประชัน มุมปากที่ยกยิ้มเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน 

 

 

           ตอนนี้ที่ดินผืนนั้นตกอยู่ในมือของเผยหนานเจวี๋นแล้ว เขาจะพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะต้องถูกย้ายแน่ๆ 

 

 

           ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยเม้มปาก “คุณทำแบบนี้ทำไม” 

 

 

           “ทำไมเหรอ คุณเผยคะ ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาที่จะเสียกับคุณที่นี่” เธอต้องรีบกลับไปคิดหาวิธี ดูว่าพอจะมีหนทางอื่นที่จะช่วยเด็กเหล่านั้นปักหลักได้หรือเปล่า 

 

 

           “คุณประมูลที่ดินผืนนั้นทำไม” 

 

 

           “ถ้าฉันบอกคุณ คุณจะยกที่ดินให้ฉันเหรอ” 

 

 

           “ไม่มีทางอยู่แล้ว” เขารอมาตั้งนาน จะยกที่ดินผืนนั้นให้เธอได้อย่างไร เขาวางแผนที่จะเปิดรีสอร์ทบนที่ดินนั้นแล้ว เขาจะมอบให้เธอได้อย่างไร 

 

 

           มุมปากยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียยิ้มสดใส แสงอาทิตย์ส่องอยู่บนใบหน้าของเธอ เผยให้เห็นผิวของเธอที่ขาวดุจหิมะ 

 

 

           “แล้วคุณจะถามทำไม” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนไม่มองเผยหนานเจวี๋ยเลย เพียงแต่หันหลังที่เย็นชาใส่เขา เผยหนานเจวี๋ยมองดูแผ่นหลังที่ตั้งตรงและบอบบางนั้น เปลือกตากระตุก ฉู่เจียเสวียนเอ๋ย 

 

 

           ผู้ช่วยออกมาจากประตูเห็นเงาของเผยหนานเจวี๋ยก็วิ่งเข้าไปทันที “ประธานเผย สัญญาเรียบร้อยแล้วครับ ต้องการให้คุณเซ็นต์” 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังกลับไปยังเขตสำนักงานของสนามประมูล เริ่มทำการถ่ายโอน 

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนขับรถออกมาจากสนามประมูลแล้ว ก็กลับไปยังร้านเช่าชุดแต่งงาน ใบหน้าบึ้งตึง 

 

 

           ถังถังเห็นฉู่เจียเสวียกลับมา มองสีหน้าไม่พอใจของเธอ อดไม่ได้ที่จะสงสัย 

 

 

           “ที่รัก เธอเป็นอะไรไป” ถังถังวางปากกาในมือลง เงยดวงตาโตที่สดใสมองเธอ เธอไปที่สนามประมูลมาไม่ใช่เหรอ หรือว่าประมูลที่ผืนนั้นไม่ได้ 

 

 

           “น่าโมโหจริงๆ ถังถัง ที่ผืนนั้นถูกเผยหนานเจวี๋ยประมูลไปแล้ว” กัดฟันพูด ฉู่เจียเสวียนคิดดูแล้วยังไม่สบายใจอยู่มาก ตอนนี้จะต้องทำอย่างไรดี 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 337 เธอต้องการพบคุณ 

 

 

           เด็กๆ พวกนั้นยังเล็กอยู่เลย ถ้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกรื้อล่ะก็ เด็กๆ พวกนั้นต้องทำอย่างไร ยิ่งคิดฉู่เจียเสวียนก็ยิ่งรู้สึกสับสน 

 

 

           “ถูกเขาประมูลไปเหรอ” ถังถังได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงสูง คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยก็ชอบที่ผืนนั้นเช่นกัน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วพยักหน้า ในใจกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำเพื่อช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น 

 

 

           “ถังถัง เธอว่าตอนนี้ทำยังไงดี เผยหนานเจวี๋ยซื้อที่ไปแล้ว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้นต้องถูกรื้อแน่ๆ ที่นั่นมีเด็กๆ ตั้งสามสี่สิบคนเชียวนะ ถ้าหากรื้อไปแล้ว จะต้องทำยังไงล่ะ จะหาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เหมาะสมในเวลาสั้นๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก” ฉู่เจียเสวียนมองถังถัง น้ำเสียงร้อนรน 

 

 

           “พวกเราคิดหาวิธีกัน” ถังถังเอ่ยปาก เห็นแววตาที่ร้อนรนของฉู่เจียเสวียน ในใจอดไม่ได้ที่จะร้อนรนตามไปด้วย 

 

 

           ขณะที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในห้วงความคิด โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนก็ดังขึ้น หยิบมือถือออกมาดู พบว่าผู้อำนวยการเป็นคนโทรมา รับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล ผอ. คะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” 

 

 

           โดยปกติแล้วผู้อำนวยการไม่ค่อยโทรหาเธอ นอกจากมีเรื่องอะไรจึงจะโทรหาเธอ 

 

 

           “เจียเสวียนเอ๊ย พวกเราเพิ่งได้รับการติดต่อ ให้พวกเราย้ายออกไปจากที่นี่ภายในสามวัน ตอนนี้ฉันคิดวิธีไม่ออกแล้ว ก็เลยอยากถามเธอว่ารู้สึกใครที่เปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้างไหม จะได้ส่งพวกเขาไป…” 

 

 

           ผู้อำนวยการพูดไปพูดมาก็กลายเป็นเสียงสะอื้น 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วรีบเอ่ยปาก “ผู้อำนวยการคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหาทางเอง” 

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนพูดคุยกับผู้อำนวยการครู่หนึ่งแล้วก็วางสาย ถังถังนั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ แววตาเปี่ยมด้วยความกังวล 

 

 

           เห็นความร้อนรนในแววตาของฉู่เจียเสวียน สมองของถังถังก็ทำงานอย่างรวดเร็ว 

 

 

           เธอก็อยากมีส่วนร่วมมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็เคยเจอเด็กๆ ที่นั่น เวลาที่เบื่อหน่ายก็ไปกับฉู่เจียเสวียนหลายครั้ง เมื่อคิดถึงดวงโตกลมโตที่สดใสไร้เดียงสาของเด็กๆ เหล่านั้นแล้ว หัวใจของเธอก็เป็นกังวล 

 

 

           “เจียเสวียน เธอจะไปไหน” ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย ถังถังก็เห็นฉู่เจียเสวียนเดินไปที่ประตู 

 

 

           “เดี๋ยวฉันจะกลับมา” ฉู่เจียเสวียนตอบโดยไม่หันกลับมามอง พุ่งออกไปจากร้านเช่าชุดแต่งงานแล้ว 

 

 

           เธอต้องการจะไปหาเผยหนานเจวี๋ย ให้เขาขายที่ดินผืนนั้นให้กับเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็คิดหาหนทางที่จะช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้นไม่ออกแล้ว การให้พวกเขาย้ายออกไปภายในสามวัน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 

 

 

           แม้จะพาเด็กกำพร้าเหล่านั้นไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งอื่น เวลาแค่นั้นก็ไม่พอ เด็กเยอะขนาดนั้น จะหาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเวลาสั้นๆ ได้ที่ไหนกัน นอกจากนี้เด็กๆ ยังต้องใช้เวลาที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ดังนั้นวิธีที่ตรงที่สุดก็คือการที่ฉู่เจียเสวียนขอให้เผยหนานเจวี๋ยยกที่ดินให้กับเธอ 

 

 

           ในบริษัทกลุ่มเผย ฉู่เจียเสวียนกดลิฟท์แล้วตรงไปชั้นบนสุดทันที 

 

 

           ในออฟฟิศของท่านประธาน ฉู่อีอีรอเผยหนานเจวี๋ยนานมากในที่สุดเขาก็กลับมา ในเวลานี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา 

 

 

           “หนานเจวี๋ย ปีนี้มีหนังฟอร์มยักษ์ชื่อว่า ‘มู่จื่อ’ ได้ยินว่าคนในนั้นมีแต่นักแสดงหน้าใหม่ ถ้าหากฉันได้เป็นนักแสดงนำหญิงเรื่องนี้ล่ะก็ จะต้องดังแน่ๆ เลยเนอะ” ในคำพูดของฉู่อีอีมีความนัยแฝงโดยที่ไม่ต้องพูด 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้วก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก ในขณะที่ฉู่อีอีกำลังจะพูดต่อนั้น จู่ๆ ประตูออฟฟิศก็มีเสียงดังขึ้น “ประธานเผย คุณฉู่มีเรื่องต้องการคุยกับคุณค่ะ” 

 

 

           คุณฉู่? 

 

 

           ทันทีที่ฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเลขา ในใจก็ตื่นตัวทันที ฉู่เจียเสวียน? เขามาทำอะไร ในใจโมโหขึ้นมาฉับพลัน แต่ว่ากลับไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปที่เผยหนานเจวี๋ย