ตอนที่ 794 : ไม่อาจเคลื่อนไหว

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 794 : ไม่อาจเคลื่อนไหว

 

ฉินหยุนมองที่สิ่งปลูกสร้างครึ่งทรงกลมขนาดใหญ่ยักษ์ใจกลางเมืองภูตผีต้องห้าม

 

“ไม่ทราบเลยว่าจ้าวสํานักและผู้อื่นยังอยู่ที่ภายในนั้นหรือไม่” ฉินหยุนเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างแห่งนี้ ก็เพื่อค้นหาเปาเฉิงโจ่วและคณะ

 

“ฉินหยุนเจ้าต้องระวังตัว สถานการณ์ภายในนี้คล้ายซับซ้อนไม่น้อย” เหยาเฟิงกล่าว

 

“ พี่สาวเหยาเฟิง ทีนี้ท่านออกมาได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

 

“ไม่ได้ เจ้าต้องพึ่งพาตนเองแล้ว” เหยาเฟิงกล่าว

 

ฉินหยุนตอนนี้ได้แต่เก็บเลือดประหลาด คาดหวังว่าพวกมันจะสามารถใช้งาน หลังจากฉินหยุนเดินเตร่อยู่พักหนึ่ง เขาค่อยรวบรวมเลือดประหลาดได้มากพอ หลิงหยุนเอ่อลงมือเข้าควบคุมตะวันทมิฬกลืนกินเลือดประหลาดเหล่านั้นจนสิ้น

 

ตอนนี้ เขากําลังมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของเมือง ที่แห่งนั้นคือใจกลางของเมืองภูตผีต้องห้าม สาเหตุว่าทําไมเมืองภูตผีต้องห้ามตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ ก็เพราะมันมีผนึกที่ใจกลาง

 

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าไม่คิดหรือว่าสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่นั่นคล้ายสุสาน?”

 

ฉินหยุนเคยได้เห็นสุสานเขียนมามาก ตอนนี้เขาค่อยรู้สึกว่าที่เห็นตรงหน้านี้ค่อนข้างคล้าย

 

“สุสานนี้ไม่คล้ายน่าหวาดกลัวเท่าที่ผนึกพี่สาวปิงชิงเอาไว้” ฉินหยุนกล่าวภายใน

 

“เป็นไปได้ว่าพี่สาวปิงชิงที่มีกําลังสูงสุด แท้จริงแข็งแกร่งยิ่งกว่าบุตรแห่งจอมจักรพรรดิเซียนมังกร?” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว

 

ฉินหยุนคิดตาม ยามนี้พลันได้ตระหนักว่าปิงชิงค่อนข้างเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดา กล่าวโดยทั่วไปแล้ว มีแต่ผู้ที่ยากแก่การสังหารจึงถูกผนึก ปิงชิงถูกผนึกเอาไว้ในเทือกเขาเมฆมังกรอย่างยิ่งใหญ่ นั่นแทบคล้ายกับเซี่ยฉีโหรว ทั้งสองเป็นตัวตนยากสังหาร

 

“เสี่ยวหยุน ร่างของพี่สาวปิงชิงสมควรมีความลับอันยิ่งใหญ่ซุกซ่อนไว้ ย้อนกลับไปวันคืนเหล่านั้น ผู้คนที่มีสัมพันธ์อันดีกับพี่โหรวมีมากมาย ทว่ากลับมีเพียงพี่สาวปิงชิงที่ถูกผนึกเอาไว้” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวอีกครั้ง

 

ฉินหยุนซ่อนเร้นขณะระแวดระวังรุกคืบหน้า ปิงชิงย่อมเก็บซ่อนความลับเอาไว้มากมาย กระนั้น ตอนนี้เขาก็ได้เพียงแต่คิด และมันไม่มีทางสร้างประโยชน์ใดให้ได้

 

ทันใดนี้เอง เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้ภายในสิ่งปลูกสร้างครึ่งทรงกลมเบื้องหน้า มันทรงพลังอํานาจชวนสะพรึง เหยาเฟิงก่อนหน้าได้บอกว่าเลือดประหลาดเหล่านั้นคือเลือดมังกร อย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าพวกมันคือเลือดของบุตรแห่งจอมจักรพรรดิเซียนมังกร

 

ตํานานกล่าวว่าอีกฝ่ายถูกสังหารไปแล้ว ฉินหยุนสงสัยว่านั่นไม่ใช่สุดท้ายแล้วจึงมาถึงเบื้องนอกของสิ่งปลูกสร้างครึ่งทรงกลม ทันทีเมื่อมาถึง เขาเร่งรีบวนรอบสิ่งปลูกสร้างนี้ สัมผัสได้ถึงออร่าของผู้คนจํานวนมาก หนึ่งในนั้น เป็นของผู้ปกครองแพะภูตผี

 

“ออร่าของจ้าวสํานักและผู้อื่นยังอยู่ ชัดเจนว่ากําลังร่วมมือกันทําอะไรบางอย่าง พวกเขาน่าจะร่วมมือกันสํารวจพื้นที่นี้!”

 

ฉินหยุนได้เพียงแต่คาดการณ์ สิ่งปลูกสร้างนี้ขนาดใหญ่ ฉินหยุนเดินวนรอบหนึ่งเมื่อครู่ยังต้องใช้เวลานาน มันใหญ่ขนาดสวนมหึมาแห่งหนึ่ง ทางเข้ามีหลากหลาย แม้สิ่งปลูกสร้างครึ่งทรงกลมนี้ทําขึ้นจากหินแข็ง กระนั้นมันกลับมีอุโมงค์ทางเข้ามากมาย หากนับคงไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อย ฉินหยุนเลือกอุโมงค์ทางเข้าหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปอย่างระมัดระวังตัว ภายในค่อนข้างดํามืด ทั้งยังมีสายลมเย็นโชยพัดผ่าน

 

“นางเฒ่าหลันซูเหยาเองก็สมควรอยู่ที่ภายในนี้!” นึกถึงอีกฝ่าย ฉินหยุนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

 

ระหว่างเดินผ่านเส้นทางยาว ร่างของเขาพลันต้องสั่น สายลมเย็นเยือกยากเทียบเปรียบได้มาถึงพร้อมเสียงร้องคํารามสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้คน

 

“หรือภายในนี้จะมีภูตผี?” ฉินหยุนไร้ซึ่งความกลัวเกรง เพราะตัวเขาเวลานี้ปลอดภัยยิ่ง

 

เขาเดินผ่านเส้นทางต่อไปเรื่อย จนกระทั่งถึงห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นี้มีความกว้างนับลี้ ภายในสว่างไสว ทั้งนี้พื้นยังเป็นประกายด้วยสีทองคํา ราวกับมันสร้างขึ้นจากผลึกแก้วสีทองประกาย แสงวิบวับทําให้หลังคาของห้องโถงแห่งนี้เปล่งประกาย ภายในมีหลายผู้คนคงอยู่ กล่าวได้ว่ามากกว่าหนึ่งพันชีวิต!

 

ฉินหยุนเดินไปพร้อมกวาดสายตาสํารวจมอง เขาได้เห็นคนรู้จักเช่นเจี้ยนสือเทียน รวมถึงเปาเฉิงโฉ่ว ทั้งยังมีครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ํา ผู้คนของเขตแดนนอกหลายคนจากขั้วอํานาจใหญ่ต่างก็อยู่กันที่นี้

 

ฉินหยุนยังคงสภาพโปร่งแสงไว้ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดพบเห็น ผู้คนเหล่านี้อยู่ที่นี่กันมานานไม่น้อย ทว่าไม่ใช่การติดอยู่ที่ตรงนี้ แต่เป็นเมื่อมาถึงพวกเขาค่อยตระหนักได้ว่าไม่อาจออกไป

 

เฉินหยุนพบเห็นหลันซูเหยา รวมถึงสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อที่ด้านหลังของนาง ตําแหน่งของหลันซูเหยาในที่นี้สูงส่ง เพราะฉินหยุนพบเห็นผู้ปกครองแพะภูตผีเคารพนับถือพร้อมตั้งแนวป้องกันให้แก่นาง

 

กระทั่งผู้คนของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ํายังต้องหารือกันถึงเรื่องนาง ท่าที่พวกเขาเป็นไปอย่างอ่อนโยนและสุภาพ และใบหน้าเคร่งเครียดของหลันซูเหยา มันอัดแน่นด้วยความเย็นเยือกอันงดงาม มวลอากาศรอบกายนางที่เผยออก เป็นนางแทบแช่แข็งทุกผู้คน

 

“นางเฒ่าคลุ้มคลั่งนี้ เหตุใดจึงทรงอิทธิพลได้เพียงนี้กัน?” ฉินหยุนพลันรู้สึกว่าคิดแก้แค้นหาฉันชูเหยาไม่ใช่เรื่องง่าย

 

นอกจากผู้คนของเขตแดนนอก ฉินหยุนยังได้เห็นกลุ่มคนที่เผยออร่าอสูรชั่วร้ายจากร่างกายอย่างไม่ปิดบัง ชัดเจนว่าเป็นผู้ฝึกตนเต๋อสูรของแดนอสูรอ้างว้าง

 

นอกจากนี้แล้วยังมีผู้คนที่เป็นชนเผ่าสัตว์ พวกเขาเหล่านี้เป็นชนเผ่ายุคโบราณ

 

ฉินหยุนไม่กล้าเข้าไปใกล้ กระทั่งอยู่ห่างหลายร้อยเมตร สําหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นระยะที่ต้องระมัดระวัง ฉินหยุนไม่ถูกพบเห็นในระยะไกล ชัดเจนว่าเป็นผลของยันต์เตซ่อนเร้นลี้ลับที่สร้างขึ้นไว้ก่อนหน้า

 

ตัวเขาได้แอบฟังผู้คนเหล่านี้สนทนากัน ไม่นานนักหลังเข้ามา พวกเขาจึงได้พบว่ามีม่านพลังขวางกั้นเอาไว้ พวกเขาไม่อาจออกไป ฉินหยุนทดลองเดินผ่านไปยังเส้นทางคิดออกไป กลับเป็นเขาที่สามารถออกไปได้ และเขาก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด!

 

เส้นทางอุโมงค์เชื่อมต่อสู่ภายนอกนั้นมีมากมาย ทว่าพวกมันล้วนนํามาสู่ห้องโถงกว้างขวางโอ่อ่าแห่งนี้ ดังนั้นแล้ว ห้องโถงนี้จึงมีเส้นทางอุโมงค์เชื่อมต่อรายล้อม

 

ผู้คนเหล่านี้คิดทดลองดูแล้ว พบว่าไม่ว่าทําอย่างไรก็ไม่อาจออกไป

 

ฉินหยุนลองไปทดสอบอุโมงค์อื่นอีกหลายแห่ง และตัวเขาก็ผ่านไปได้อย่างราบลื่นทุกครั้งไป!

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดเราจึงออกไปได้ขณะที่พวกเขาไม่อาจ?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวแปลกประหลาด

 

“หรือจะเป็นเพราะ… ที่ข้าให้เจ้าช่วยรวบรวมเลือดประหลาดเหล่านั้นมา?” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าวถาม

 

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี เขาลอบเข้าไปใกล้หลันซูเหยา กระนั้นก็เป็นเพียงระยะสองร้อยเมตร

 

หลันซูเหยากล่าวกับบุคคลศีรษะเป็นม้าด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก “พวกเจ้ามันไร้ค่า! เมื่อครู่บอกกล่าวต่อข้าว่าอย่างไร? ในนี้มีมรดกชนเผ่าโบราณคงอยู่มากมายหรือ ตอนนี้เป็นไร? พวกเราล้วนติดกันอยู่ที่นี่!”

 

“องค์ราชินีซูเหยาโปรดเมตตา พวกเราไม่ได้ติดอยู่ที่นี่ และที่นี่ก็มีชนเผ่ายุคโบราณอยู่จริง พวกเราเพียงยังไม่พบกลไกเพื่อใช้ออกไปจากที่แห่งนี้!” เต่าชราผู้หนึ่งกล่าว

 

ได้เห็นเต่าชรา ฉินหยุนจึงลอบเหยียดหยัน เขาเรียกหาผู้อื่นเป็น “เต่าหัวหด” มาหลายครั้งครา เวลานี้ค่อยได้เห็นผู้เฒ่าเต่าหัวหดของจริง!

 

เต่าชราคนนี้อายุมากล้ํา รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างดี และหลันซูเหยาก็ไม่ได้เผยท่าที่อหังการเย็นเยือกต่ออีกฝ่ายเฉกเช่นผู้อื่น

 

“เซียนเฒ่าเต่า เจ้าพบวิธีการไปยังพื้นที่ต่อไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” หลันซูเหยากล่าวถาม

 

“ขอรับ พวกเราพบแล้ว!” เซียนเฒ่าเต่าหัวเราะรับ จากนั้นจึงลูบหนวดเครายาวของตนเอง

 

ถึงตอนนี้ ประชากรเต่าหลายคนต่างคลานมากับพื้นราวกับพบเห็นบางอย่าง

 

ฉินหยุนพิจารณามองประชากรเต่าเหล่านี้ พบว่ามันมีอักขระจํานวนมากแกะสลักไว้บนกระดองเต่า มันมีเพียงแต่เส้นสว่าง ทว่าเพียงมองย่อมทราบว่าเป็นอักขระที่ลึกล้ําอย่างยิ่ง

 

– ภายในเขตแดนอ้างว้างลึกลับแห่งนี้ ผู้เหนือล้ําท่ามกลางชนเผ่ายุคโบราณ ย่อมต้องเป็นชนเผ่าครึ่งสัตว์เหล่านี้

 

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้พบเห็นบุคคลเหล่านี้แปรเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ พวกเขาหาได้มีใดผิดแผกจากมนุษย์ธรรมดาไม่

 

และหลันซูเหยาผู้ซึ่งมีตําแหน่งอันสูงศักดิ์ ตัวนางไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นสัตว์ กระนั้นฉินหยุนรู้สึก ว่านางสมควรต้องเป็นสัตว์ครึ่งคนเช่นเดียวกัน เพียงแต่รูปลักษณ์สัตว์ของนางอาจเก็บซ่อนเร้นไว้เป็นอย่างดี

 

“เสี่ยวหยุน ตัวตนสัตว์ของหลันซูเหยานั้นสมควรเป็นที่ดวงตา!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ดวงตาสีครามของนางค่อนข้างพิเศษ!”

 

ฉินหยุนลอบตระหนก เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันนี้

 

“ผู้คนจากแดนวิญญาณอ้างว้าง เจ้าทราบเรื่องวิถีจารึกหรือไม่?” เซียนเฒ่าเต่าพลันเอ่ยถาม

 

“พวกเราย่อมทราบ!” เจี้ยนสือเทียนและคณะรับคํา

 

ที่นี้มีอาจารย์จารึกเต่ําอยู่มาก พวกเขาต่างเป็นคนของตระกูลหลงและเจี้ยน

 

“กี่คนกัน?” เซียนเฒ่าเต่าคล้ายตื่นตะลึงพร้อมเร่งรีบถาม

 

ไม่นานนัก อาจารย์จารึกนับร้อย ประกอบด้วยอาจารย์จารึกเต๋และลึกล้ําจึงเผยตัวกันออกมา

 

เรื่องนี้เป็นผลให้ชนเผ่ายุคโบราณและผู้คนของแดนอสูรอ้างว้างตื่นตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าแดนวิญญาณอ้างว้างจะมีอาจารย์จารึกมากมายเพียงนี้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีทั้งจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนที่เป็นอาจารย์จารึก

 

“ตอนนี้พวกเราต้องการให้สหายทั้งหลายช่วยพิจารณาก้อนหยกทองคําบนพื้น บางก้อนจะมีอักขระแกะสลักเอาไว้ ตราบเท่าที่พวกเราพบก้อนหยกทองคําที่มีอักขระ เช่นนั้นข้าจะได้ทราบว่า พวกเราจะไปยังพื้นที่ถัดไปได้อย่างไร!” เซียนเฒ่าเต่าเอ่ยคํา

 

หลังจากที่บรรดาอาจารย์จารึกต่างได้รับฟัง พวกเขาจึงเร่งรีบก้มมองลงที่พื้น ฉินหยุนก้มมองลงที่ก้อนหยกทองคําเช่นเดียวกัน

 

ไม่นานนัก อาจารย์จารึกเต๋ผู้หนึ่งที่พบเจอจึงร้องตะโกนเรียกเสียงดัง

 

เซียนเฒ่าเต่าเร่งรีบวิ่งไปรับชม จากนั้นจึงกล่าวชมไม่ขาดปาก “พบแล้ว พวกเราพบเส้น

 

ทางแล้ว!”

 

เซียนเฒ่าเต่ากล่าวคําจบ เขาจึงนอนลงกับพื้นก้อนหยกทองคํา กระดองเต่าสัมผัสกับก้อนหยก ขาทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้า!

 

ฟุบ ฟุบ ฟุบ!

 

เซียนเฒ่าเต่าพลันทะยานตัวลุกพรวดอย่างชวนขบขัน!

 

ไม่นานจากนั้น ก้อนหยกทองคําเบื้องล่างพลันเริ่มสาดส่องแสงสีทองออกมา

 

ต้ม ตูม ตู้ม!

 

เสียงบางอย่างดังขึ้นต่อเนื่องจากทั่วทิศ!

 

เวลาเดียวกันนี้เอง เบื้องล่างฝ่าเท้าผู้คนจึงเผยแสงสีทองเจิดจ้าสว่างวาบ

 

“นี่เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดไม่อาจขยับ!”

 

“พวกเราติดอยู่กับที่!”

 

“พวกเราขยับได้เพียงแต่ศีรษะ และพลังงานในร่างกายพวกเราก็ไม่อาจโคจร!”

 

“เซียนเฒ่าเต่า นี่เจ้าทําอันใดลงไป? เจ้าเชื่อหรือไม่ ว่าข้าพร้อมจะต้มเจ้าเป็นซุปอันโอชะ!”มนุษย์สัตว์หัวจระเข้คําราม

 

พวกเขาได้เพียงแต่พูดกล่าวและหันศีรษะมองไปรอบ!

 

“เร่งรีบรับชม ตรงนั้นมีคนอยู่!” อย่างกะทันหัน คนผู้หนึ่งร้องตะโกนเพราะพบเห็นฉินหยุน

 

ก็เหมือนดังผู้อื่น เขาไม่อาจขยับ ได้แต่ต้องยืนนิ่งกับที่ แสงสีทองสาดส่องออกจากเบื้องล่างฝ่าเท้า

 

“เป็นฉินหยุน!”

 

“เจ้านี่มันเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

 

“ฉินหยุนมันมาที่นี่เองอย่างนั้นหรือ?”

 

กลุ่มคนเริ่มโวยวายพูดกล่าว

 

ผู้เฒ่าชราจากเขตแดนอ้างว้างพลันคํารามออกด้วยโทสะ “ฉินหยุน เจ้าไม่อาจเข้ามายังเขตแดนอ้างว้างแห่งนี้โดยพวกเรายังไม่อนุญาต เจ้าจงไสหัวไปเสียเดี๋ยวนี้”

 

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ตาเฒ่าบัดซบเอ๋ย ข้ามาถึงที่นี่แล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า? ตระกูลเจ้าสร้างเขตแดนอ้างว้างนี้ไว้อย่างนั้นหรือ? เจ้าเข้ามาได้ เหตุใดข้าจึงไม่อาจเข้า?”

 

“นั่นมันเจ้าหนุ่มที่ร่วมมือกับชนเผ่าผู้ขี่พยัคฆ์! มันเกือบสังหารเชิงหยางของชนเผ่าเราไป!” ผู้ปกครองแพะภูตผีคํารามเสียงเย็น

 

“ให้ข้าได้กินมัน… ข้าคิดกินมันทั้งเป็น กิน กิน กิน” ได้เห็นฉินหยุน เฟิงหยางจึงเริ่มตะโกนร้องอย่างคลุ้มคลั่ง