ตอนที่ 316 เข้าหา

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 316

เข้าหา

“เฮ้อ ทำงานในร่างมนุษย์นี่หนักจริงๆนะ”ทหารคนหนึ่งของอาณาจักรไป๋บ่นพลางบิดเอวไปมา พวกมันได้รับหน้าที่ดูแลเมืองชายแดนทางใต้ของอาณาจักรไป๋ พูดง่ายๆก็คือพวกมันรับหน้าที่ดูแลอาณาเขตระหว่างอาณาจักรไป๋และชูนั่นเอง

“อยากทำงานที่ต้นน้ำชะมัด ที่นั่นคงใช้ร่างอสูรได้สบาย”ชายอีกคนว่าพลางหวดจอบลงบนพื้นเพื่อขุดทางน้ำที่จะไหลเข้ามาในเมือง แต่เพราะพวกมันอยู่ใกล้เมืองของมนุษย์เดินไปพวกมันเลยต้องทำงานในร่างมนุษย์ที่ยังใช้งานได้ไม่ถนัดนัก

“อยากกลับร่างเดิมเร็วๆจัง”ชายคนแรกพูดพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย พวกมันไม่ชินกับร่างมนุษย์เลย หากไม่ใช่เพราะไป๋จูเหวินสั่งเอาไว้พวกมันก็คงไม่ทนอยู่แบบนี้หรอก ด้วยร่างอสูรของพวกมันคลองแค่นี้สามารถขุดได้ในพริบตาเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าทำแบบนั้นจะผิดวิสัยทหารธรรมดาได้

“ท่านราชายังอดทนเลย พวกเราทำเพื่อองค์จักรพรรดิไม่ใช่หรือไง”ชายอีกคนที่กำลังขุดดินอย่างขยันขันแข็งว่าพลางหวดจอบลงดินอย่างต่อเนื่อง แม้จะบ่นกันไปตามประสาแต่งานแค่นี้ไม่ได้ทำให้พวกมันเหนื่อยอะไรเลยด้วยซ้ำ

“ขอรับ…”ทหารอีกสองคนที่เหลือพยักหน้าพลางหันไปมองเมืองที่พวกตนมาประจำการ เมืองชายแดนเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีผู้คนอยู่ไม่กี่พันคนเท่านั้น ที่นี่โชคดีหน่อยเพราะอยู่ห่างจากเมืองหลวงเลยไม่ค่อยถูกกดขี่มาก แถมยังอยู่ใกล้อาณาจักรชูทำให้ชาวบ้านพอจะได้ความรู้จากพ่อค้าที่เดินทางผ่านมาไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับมนุษย์ปกติ ความรู้ของชาวบ้านก็น้อยมากอยู่ดี ถึงขนาดไม่ขุดคลองเพื่อเอาน้ำมาใช้ด้วยซ้ำ เวลาฝนไม่ตกพวกมันได้แต่ภาวนากับฟ้าเท่านั้น ยิ่งการศึกษาแล้วยิ่งหนัก พวกมันแทบไม่มีใครรู้หนังสือเลย มีเพียงเจ้าเมืองเก่าเท่านั้นที่พอจะอ่านได้บ้าง

“เอาล่ะ ทุกคนเขียนตามที่ข้าเขียนนะ”ภายในเมือง ราชาของเขตอสูรผางาช้างกำลังเขียนตัวอักษรลงบนกระดานไม้เพื่อสอนให้เด็กๆและชาวบ้านที่สนใจให้สามารถเขียนตามได้ การฟื้นฟูอาณาจักรไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงกับต้องมาปรับการศึกษาใหม่เช่นนี้นับว่าลำบากจริงๆ

“ท่านเจ้าเมือง”ขณะกำลังสอนเด็กๆอยู่ๆทหารคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องเข้ามาช้าๆ

“มีอะไรหรือ”เจ้าเมืองถามพลางมองมาทางทหารหนุ่มอย่างประหลาดใจ ตัวราชาแห่งผางาช้างนั้นเป็นอสูรกิเลนขาวที่สง่างามมากทีเดียว ทำให้ร่างมนุษย์ของมันดูแล้วจะงดงามเหมือนหญิงสาวก็ไม่เชิง แต่ก็เป็นหนุ่มรูปงามที่ดูเฉลียวฉลาดและสูงส่งอย่างน่าหลงใหล ทำให้ชาวบ้านที่เข้ามาเรียนหนังสือกับมันมีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่

“คลองขุดเสร็จแล้วขอรับ”ทหารคนนั้นรายงานด้วยท่าทีลำบากใจ

“เสร็จแล้ว….”อสูรกิเลนขาวอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเหล่าชาวเมืองที่เข้ามาเรียน พวกมันเองก็มีท่าทีแปลกใจไม่แพ้กัน นั่นเพราะการขุดคลองพึ่งเริ่มเมื่อเช้านี้เอง แต่นี่พึ่งจะบ่ายก็เสร็จเสียแล้ว มนุษย์ธรรมดาต่อให้มีพลังวิญญาณนิดหน่อยก็ไม่ควรทำเสร็จเร็วเช่นนี้

“ยอดเยี่ยมมาก เพราะพวกเจ้าตั้งใจทำงานช่วยเหลือประชาชนแท้ๆ งานถึงเสร็จเร็วเช่นนี้”ระหว่างที่ชาวบ้านกำลังมีท่าทีงุนงง อสูรกิเลนขาวก็รีบดึงความสนใจของทุกคนทันที

“ขะ ขอรับ”ทหารหนุ่มอึ้งไปพักหนึ่งพลางขอตัวกลับออกไป ก่อนที่อสูรกิเลนขาวจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่ต้องเดาเลยพวกที่ต้นน้ำคงใช้ร่างอสูรทำงานจนเสร็จในพริบตาแน่ๆ

“เช่นนั้นวันนี้ก็พักเอาไว้ก่อนนะขอรับ จดจำตัวอักษรที่ข้าสอนให้ขึ้นใจ คราวหน้าเราจะมาเริ่มอ่านกัน”อสูรกิเลนขาวพูดจบก็ลุกขึ้นเดินจากไปด้วยท่าทีสงยนิ่ง ทำเอาเหล่าสาวๆพากันหันมาซุบซิบกันอย่างตื่นเต้น เจ้าเมืองคนใหม่ทั้งหล่อทั้งฉลาดแบบนี้พวกนางมีความสุขมาก ถึงบางคนจะแต่งงานแล้วแต่ก็ยังอดเอาสามีตนเองไปเทียบกับเจ้าเมืองไม่ได้เลย

“ท่านเจ้าเมือง”ทันทีที่ออกมาจากห้อง อสูรกิเลนขาวก็มาที่คลองทันที แน่นอนว่ามันเป็นอย่างที่ลูกน้องของมันรายงานจริงๆ คลองถูกขุดจนเสร็จแล้ว แถมยังปล่อยน้ำมาแล้วอีกต่างหาก ตอนนี้ภายในบ่อเก็บน้ำของเมืองเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลมาจากแม้น้ำทางเหนือของเมืองเสียแล้ว จะชมลูกน้องว่ายอดเยี่ยมที่ทำงานอย่างรวดเร็วหรือตำหนิที่แสดงได้ไม่สมบทขาทดีล่ะ

“พวกทหารนี่เก่งกันจริงๆด้วยนะขอรับ ที่ต้นแม่น้ำมีอสูรตั้งมากมายแท้ๆ ยังเข้าไปขุดคลองได้เร็วเช่นนี้”ชาวเมืองพูดพลางยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ไม่ใช่พวกมันโง่จนไม่ไปขุดคลองเพื่อเอาน้ำจากแม่น้ำมาใช้ แต่เพราะพวกมันโดนปลูกฝังเรื่องอสูรมาตั้งแต่เด็ก แค่ออกจากกำแพงเมืองพวกมันก็หวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว เพราะแบบนั้นพวกมันถึงขัดขืนเหล่าทหารที่มาเก็บภาษีไม่ได้ เพราะพวกมันเชื่อว่าหากทหารไม่ช่วย อสูรก็จะเข้ามาบุกเมือง

“ไม่หรอก ที่นั่นไม่มีอสูรอยู่เลย”อสูรกิเลนตอบ ถ้าไม่นับพวกทหารที่ไปขุดคลอง ที่แม่น้ำตรงนั้นก็ไม่มีอสูรอยู่จริงๆ ทั้งไม่ใช่เขตอสูร ทั้งไม่ใช่ป่าลึก จะไปมีอสูรอยู่ได้อย่างไร

“จริงๆแล้วอสูรก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเจ้าคิดกันด้วย”อสูรกิเลนขาวถอนหายใจออกมา ต่อให้ไป๋จูเหวินไม่ได้สั่ง พวกมันก็ไม่ได้สนใจจะโจมตีมนุษย์กันอยู่แล้ว อสูรที่โจมตีมนุษย์นั้นก็เพราะมนุษย์ลุกล้ำเข้าไปในเขตของมันเสียส่วนใหญ่ แถมอสูรระดับสูงที่มีสติปัญญาก็ไม่โจมตีมนุษย์ด้วยหากมีเหตุผลพอ จะมีก็แต่อสูรระดับต่ำเท่านั้นที่โจมตีเหมือนสัตว์ป่า

“ท่านเจ้าเมืองอย่าล้อเล่นสิขอรับ อสูรจะไม่น่ากลัวได้อย่างไร”ชาวเมืองหัวเราะพลางหันไปพูดคุยกันอย่างสบายใจ พวกมันคิดว่าเพราะพวกทหารแข็งแกร่งเลยไม่กลัวอสูรต่างหาก

“ถ้างั้น ข้าจะพาอสูรสักตัวมาให้พวกเจ้าได้เห็นแล้วกัน”อสูรกิเลนขาวยิ้มพลางเสนอเรื่องออกไป ทำเอาเหล่าชาวเมืองหน้าซีดเผือด

“พามาในเมืองหรือขอรับ แบบนั้นไม่แย่หรือขอรับ”ชาวเมืองถามพลางถอยออกจากเจ้าเมืองกันถ้วนหน้า

“ถ้าแค่พวกไม่น่ากลัวละก็”อสูรกิเลนขาวว่าพลางมองไปรอบๆ

วี๊ดดดด!! อสูรกิเลนขาวผิวปากเหมือนจะเรียกบริวาณ แต่สิ่งที่มันเรียกจริงๆกลับเป็นอสูรปักษาที่ทำหน้าที่ส่งจดหมายต่างหาก

พรึบ! ร่างของนกตัวเท่าฝ่ามือก็ปรากฏเหนือหัวของพวกชาวเมือง ก่อนจะบินมาเกาะที่ไหล่ของอสูรกิเลนขาวอย่างรู้งาน นกตัวนี้เป็นสีขาวทั้งตัวโดยมีจะงอยปากสีน้ำเงินดูแปลกตาไม่น้อย

“โถ่ ท่านเจ้าเมืองล้อเล่นแล้ว นี่มันนกธรรมดาไม่ใช่หรือขอรับ”ชาวเมืองถามพลางยิ้มเจื่อนๆ

“เปล่า นี่เป็นอสูรปักษา”อสูรกิเลนว่าพลางยื่นมือขึ้นมาเพื่อให้อสูรปักษาขึ้นมาเกาะบนนิ้วตนเอง

“เอ๋…แต่นี่มัน ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นนกไม่ใช่หรือขอรับ”ชาวเมืองสับสนกันถ้วนหน้า ในความคิดของพวกมันอสูรมีร่างกายใหญ่โตและบิดเบี้ยว เป็นมัจจุราชสำหรับมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย

วูบ!!! อยู่ๆเจ้านกสีขาวก็กระพือปีกแรงๆทีหนึ่ง พักเอาลมหอบใหญ่กระแทกร่างของเหล่าชาวเมืองจนเหมือนลมตอนฝนจะตกไม่มีผิด ทำเอาชาวเมืองเหวอกันไปพักใหญ่

“อย่างที่เห็น เจ้านี่เป็นลู….อสูรเลี้ยงของข้า มันไม่ทำอะไรพวกเจ้าหรอก”อสูรกิเลนขาวว่าพลางยื่นอสูรปักษาออกไปให้เหล่าชาวเมืองดู พวกมันมีท่าทีกลัวนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นอสูรปักษาเอียงคอก้มหัวมาทางพวกมันไม่ต่างจากนกเลี้ยงปกติ พวกมันก็มีท่าทีอุ่นใจลง

“ข้าไม่ปฏิเสธว่ามีอสูรที่น่ากลัวจริง แต่อสูรไม่ได้ทำร้ายมนุษย์เพียงอย่างเดียวหรอกนะ ในที่ๆข้าอยู่ อสูรอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรทีเดียว”อสูรกิเลนขาวว่าพลางปล่อยให้อสูรปักษาบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นเดิม

“ขะ ขอรับ”เหล่าชาวเมืองทำท่าเหมือนจะนึกภาพตาม แต่จะเปลี่ยนใจพวกมันในทีเดียวเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แค่พวกมันไม่กลัวอสูรปักษาก็นับว่าน่าตกใจแล้ว

“มีอสูรที่จะยอมอยู่กับพวกเราด้วยหรือขอรับ”ชาวบ้านคนหนึ่งถามออกมาด้วยความสนอกสนใจ

“มีไม่มาก…ไม่สิ ในอาณาจักรนี้อสูรต่างอยากอยู่ร่วมกับมนุษย์ทั้งนั้น”อสูรกิเลนขาวยิ้มพลางนึกถึงคำสัญญาของตนที่ให้ไว้กับไป๋จูเหวิน พวกมันจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ และร่วมเป็นประชาชนของอาณาจักรไป๋ไปด้วยกัน

“ท่านเจ้าเมือง”ขณะกำลังตรวจสอบคลองและที่นาของชาวเมืองอยู่นั้น อยู่ๆเหล่าทหารก็วิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีตื่นตกใจ แต่อสูรกิเลนกลับไม่มีท่าทีประหลาดใจเท่าไหร่ เพราะมันเป็นคนสั่งให้ทหารทำแบบนั้นเอง

“มีอสูรเข้ามา 2 ตนขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นชาวเมืองก็ใจหายวาบทันที แม้อสูรปักษาจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่หากเป็นอสูรตนอื่นละก็….

“ไปกันเถอะ”อสูรกิเลนขาวยิ้มให้ชาวเมือง พลางเดินไปทางที่เหล่าทหารวิ่งกันมาทันที ไม่นานอสูรกิเลนขาวก็กลับมาพร้อมสุนัขตัวใหญ่ 2 ตัวที่มีสีขาวปุกปุยทั้งคู่

“ท่านเจ้าเมือง นั่นมัน…”เหล่าชาวเมืองที่ได้เห็นภาพตรงหน้าก็พากันอึ้งไปตามๆกัน อสูรที่ว่าทำไมเหมือนสุนัขตัวใหญ่เท่านั้นกัน

“เจ้าพวกนี้คงหลงทางมา ข้าอยากจะรับเลี้ยงมันเอาไว้สักหน่อย”อสูรกิเลนขาวโกหก เจ้าพวกนี้คือลูกน้องชั้นล่างของเขตอสูรผางาช้าง เป็นอสูรที่ยังแปลงกายเป็นมนุษย์ไม่เป็น เพื่อให้ชาวเมืองคุ้นชินกับอสูรมันจึงเลือกเจ้าสองตนนี้มาเพราะหน้าตามันเป็นมิตรไม่น้อย แถมยังคล้ายกับสุนัขที่มนุษย์เลี้ยงกันตามบ้านเสียด้วย ยกเว้นขนาดตัวที่ใหญ่กว่าม้าเสียอีก

“หวา”เหล่าชาวเมืองมีท่าทีหวาดกลัวทันทีเมื่อเห็นพวกมันเดินเข้ามา แม้จะดูน่ารักดี แต่หมาตัวใหญ่ขนาดนี้พวกมันก็ไม่กล้าเล่นด้วยหรอก แถมยังเป็นอสูรอีกต่างหาก

“ข้าจะให้พวกมันเฝ้านาเอาไว้ รับรองว่าไม่มีสัตว์ป่ามากวนใจแน่ๆ”อสูรกิเลนขาวว่าพลางลูบเส้นขนของอสูรสุนัขทั้งสองตนอย่างเบาๆมือ ภาพชายหนุ่มรูปงามที่กำลังลูบขนของเจ้าตูบตัวใหญ่สองตัวทำเอาเหล่าชาวเมืองมีท่าทีอ่อนลงมาก พอเห็นว่าพวกมันไม่มีพิษมีภัย แถมยังเชื่องกับคน?มากพวกชาวเมืองก็เริ่มเดินเข้ามาใกล้อสูรสุนัขช้าๆ

“มาสิ”เจ้าเมืองพูดพลางเปิดทางให้ชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามา รอบๆนี้มีทหารมากมาย แถมเจ้าเมืองยังเล่นกับมันอย่างสบายใจทำให้ชาวผ่านผ่อนคลายลงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินเข้าไปจับเลยทันที

กึก…ชาวบ้านคนหนึ่งเดินเข้าไปหาอสูรสุนัขด้วยท่าทีหวาดๆ หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองอยู่ตรงนั้นมันคงไม่กล้า

“ไม่เป็นไร ช้าๆ พวกมันไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”เจ้าเมืองว่าพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆชายคนนั้น ก่อนจะเดินไปหาอสูรสุนัขพร้อมๆกับมัน

แปะ…มือของชายคนนั้นแตะลงไปบนจมูกของอสูรสุนัข ทำเอาตัวของมันสั่นไปหมด

แผลบ…อสูรสุนับเลียแขนของชายคนนั้นด้วยท่าทีเหมือนสุนัขธรรมดาไม่มีผิด ทำเอาชายคนนั้นสะดุ้งโหยง แต่เมื่อเห็นว่ามันเพียงเลียเท่านั้นชาวบ้านก็มีท่าทีโล่งใจ ก่อนจะเริ่มเดินเข้ามาหาอสูรสุนัขทีละคน

“ถึงจะเป็นอสูรก็ต้องการของกิน พวกเจ้าแบ่งอาหารให้มันบ้างก็แล้วกัน”อสูรกิเลนยิ้มพลางมองชาวบ้านอย่างโล่งใจ ได้ข่าวว่าบางเมืองทำแบบนี้ไม่สำเร็จ คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าชาวบ้านจะชินกับอสูร แต่เห็นชาวเมืองของมันเข้ากับอสูรได้ทันทีก็โล่งใจ ต้องขอบคุณรูปร่างน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าอสูรสุนัขสองตนนี้ด้วยกระมัง หากเป็นอสูรหมาป่าคงต้องใช้เวลานานแน่ๆ จะว่าไปเมืองที่ทำพรากใช้อสูรอะไรเข้าหาชาวบ้านกันนะ….