ตอนที่ 232 ซูเหิงกลับจวน

 

 

 

 

กู้ชิงเฉิงรู้สึกท้อใจ นางรู้ว่าอุปสรรคที่ขวางระหว่างนางกับฮ่องเต้คงจะข้ามไม่ได้ตลอดชีวิต ถ้านางยอมรับเฟิ่งอวิ๋นหล่างเวลานี้ สักวันหนึ่งคงจะเกลียดกัน สุดท้ายก็จะทำลายความงดงามที่ยังเหลืออย่างสิ้นเชิง นางอยากรักษาความทรงจำนี้ตลอดไป

 

 

เสี่ยวเหลียนรู้นิสัยดึงดันของชิงเฉิงดี นางรู้ว่าเรื่องนี้เตือนอย่างไรก็ไม่ได้ผล จึงไม่ได้พูดต่อ เกรงว่าจะทำให้กู้ชิงเฉิงไม่พอใจ

 

 

ปีนี้กู้ชิงเฉิงเพิ่งอายุยี่สิบสองปี ชีวิตยังมีเวลาอีกยาวนาน ไม่มีลูก เวลานี้ยังเป็นที่โปรดปรานของเฟิ่งอวิ๋นหล่างได้ วันหลังถ้าอายุมากขึ้น วังในมีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ คงไม่มีโอกาสอีก ต่อไปจะอยู่อย่างไร

 

 

พอนึกถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหลียนก็ห่วงกู้ชิงเฉิง ชีวิตของผู้หญิงที่ไร้ที่พึ่งในวังในช่างอ้างว้างจริงๆ

 

 

รุ่งขึ้นซูเหิงก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงอย่างราบรื่น

 

 

พอรู้ว่าซูเหิงจะกลับมา ซูจิ่วซือกับซูเหลียงอินก็อยู่รอที่หน้าประตูจวนแต่เช้า ทั้งสองรออยู่นานเกือบหนึ่งชั่วยาม รถม้าของซูเหิงจึงมาถึง

 

 

ชั่วขณะที่ซูเหิงลงจากรถม้า ซูจิ่วซือตะลึงงัน ราวกับเห็นซูหมิงก้าวลงมา ซูเหิงเหมือนซูหมิงจริงๆ

 

 

ความทรงจำสุดท้ายของซูจิ่วซือ ซูหมิงเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี พอๆ กับซูเหิง เวลานี้ซูเหิงก็เป็นน้องชายของนาง พอนึกถึงเรื่องนี้ ซูจิ่วซือก็น้ำตาซึม นางรู้สึกว่าเป็นลิขิตฟ้า ฟ้าส่งซูหมิงให้กลับชาติมาเกิด

 

 

ซูเหลียงอินวิ่งเข้าไปหา ร้องเรียกอย่างดีใจ “พี่รอง ในที่สุดพี่ก็กลับมา”

 

 

“เหลียงอิน ไม่เจอกันสามปี เจ้าโตเป็นสาวแล้ว”

 

 

ซูเหิงยื่นมือไปลูบผมซูเหลียงอินเหมือนเมื่อตอนเด็ก ตอนที่เขาจากไปซูเหลียงอินเพิ่งอายุสิบเอ็ดปี สามปีมานี้นางโตขึ้นมาก แม้ใบหน้ายังไร้เดียงสา แต่เห็นชัดว่าโตแล้ว

 

 

ซูเหลียงอินพึมพำอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

 

 

“น้องรอง กลับมาก็ดีแล้ว” ซูจิ่วซือเดินไปหาซูเหิง ยิ้มให้ซูเหิง

 

 

“พี่” ซูเหิงเรียกทักทาย รู้สึกว่าพี่สาวที่อยู่ข้างหน้ากับในความจำของเขาไม่เหมือนกัน ตลอดทางเขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซูจิ่วซือไม่น้อย รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับซูจิ่วซือ นึกไม่ถึงว่าชั่วเวลาเพียงสองปี พี่สาวของเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

 

 

ซูเหิงผอมกว่าซูหมิง จึงดูคล่องแคล่วกว่า ท่าทางเป็นปัญญาชนผู้นอบน้อม อ่อนโยนมีมารยาท ค่อนข้างขี้อาย เหมือนซูหมิง ซูหมิงก็เป็นคนใจกว้างเช่นกัน

 

 

“เข้ามาเถอะ! มีอะไรก็นั่งลงก่อนค่อยๆ คุยกัน”

 

 

“ข้าอยากไปหาท่านแม่”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า สองสาวพี่น้องพาซูเหิงไปที่ศาลบรรพชน ป้ายนางหวังตั้งอยู่ในศาลบรรพชน

 

 

หลังจากไหว้แล้ว ซูเหิงก็ลุกขึ้นเดินมาหาซูจิ่วซือ สายตาจ้องมองซูจิ่วซืออย่างแน่วแน่ “พี่ สามปีมานี้พี่คงเหนื่อย เรื่องดูแลครอบครัวควรเป็นหน้าที่ของข้า เวลานี้ข้ากลับมาแล้ว วันหลังข้าจะเป็นคนดูแลครอบครัวเอง ข้าจะแก้แค้นแทนแม่”

 

 

แม้เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็รู้ว่าการตายของนางหวังเกี่ยวข้องกับอารองอย่างเลี่ยงไม่พ้น การกลับมาคราวนี้ เขาไม่คิดจะไปไหนอีก อยากอยู่ที่จวนอันผิงโหว ปกป้องครอบครัวให้ดี

 

 

“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง”

 

 

“พี่ ข้าเป็นผู้ชาย จะให้พี่ทำได้อย่างไร ข้าเป็นผู้ชายคนเดียวในครอบครัว ข้าไปเรียนหนังสือข้างนอกก็เพราะอยากเป็นคนเหนือคน ไม่อยากให้ใครมารังแกเราอีก

 

 

จวนอันผิงโหวเดิมทีก็เป็นของครอบครัวเรา อารองไล่พวกเราออกจากจวนอันผิงโหว ยึดครองจวนมานานหลายปี เวลานี้ยังทำร้ายแม่ ข้าโตแล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยอารองแน่”

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 233 เกิดเหตุร้าย

 

 

 

 

ขณะที่ซูเหิงพูดคำนี้ออกมา ดวงตาก็ฉายแววแค้นแวบหนึ่ง

 

 

ปีนี้เขาเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี เมื่อก่อนเขาเรียนหนังสือในจวน พออายุสิบสี่ปีเขาก็ขอไปเรียนที่สำนักศึกษาหนานซาน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาที่ดีที่สุดในแคว้นเว่ย ต้องผ่านการสอบคัดเลือกจึงจะเข้าไปศึกษาได้

 

 

บทความที่ซูเหิงเขียนเป็นที่ชื่นชมของอาจารย์ เขาจึงได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาหนานซาน

 

 

ตลอดสามปีมานี้เขาไม่เคยออกจากสำนักศึกษาหนานซาน เรียนหนังสือในนั้นตลอด ผลการเรียนยอดเยี่ยม ได้รับการส่งเสริมจากอาจารย์ให้เข้ารับราชการ กลับมาคราวนี้เขามีหนังสือแนะนำให้เข้ารับราชการในราชสำนัก

 

 

เขาเป็นผู้ชายคนเดียวของครอบครัว ตั้งแต่เล็กก็เห็นเด็กผู้ใหญ่ในครอบครัวถูกรังแก มารดาอยากให้ลูกๆ อยู่อย่างสงบ จึงอดทนจำยอม ได้รับความลำบากมากมาย ตั้งแต่เล็กเขาก็มีความตั้งใจมั่น อยากจะเป็นคนเหนือคน ให้คนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

 

 

เมื่อก่อนเขาไม่คิดจะกลับจวนอันผิงโหว พอได้ยินว่านางหวังตายในจวนอันผิงโหว เขาจึงเกิดความคิดอยากให้ครอบครัวของซูเหวินได้รับผลตอบแทน พวกนี้รังแกกันเกินไป

 

 

เบื้องหน้าของเขา ซูจิ่วซือมีความคิดแบบผู้อาวุโส ต้องการปกป้องเขากับน้อง

 

 

พอได้ยินคำพูดของซูเหิง ซูจิ่วซือก็รู้สึกทันทีว่าซูเหิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว วันหลังเขาต้องสืบทอดภารกิจครอบครัวจวนอันผิงโหว บางเรื่องจำเป็นต้องให้เขาจัดการ พอคิดอย่างนี้ นางก็ยินดีมาก ซูเหิงเป็นเด็กดี

 

 

“ข้าจะช่วยเจ้า น้องรอง ถ้าท่านแม่ได้ยินอย่างนี้คงดีใจมาก ว่าลูกชายนางโตแล้ว”

 

 

“ยังมีข้าอีกคน เราสามคนรวมกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะอยู่ด้วยกัน

 

 

พี่รอง พี่ไม่รู้ว่าเวลานี้พี่สาวเก่งแค่ไหน เป็นคนโปรดของไทเฮา นี่เพิ่งกลับมา เรื่องราวในเมืองหลวงที่พี่รองไม่รู้ต้องถามพี่สาว เข้าใจหรือไม่”

 

 

ซูเหิงยิ้ม “เวลานี้แม้แต่เจ้าก็ยังสอนข้า”

 

 

“ก็ใช่ ข้าเรียนจากพี่สาวตั้งหลายอย่าง”

 

 

พี่น้องทั้งสามมองหน้ากันแล้วหัวเราะ สำหรับซูจิ่วซือแล้ว ซูเหิงเป็นความหวังของครอบครัวสกุลซู

 

 

น้องชายและน้องสะใภ้ของนางเป็นคนมีน้ำใจกว้างขวาง สุดท้ายก็ตาย แม้ซูเหิงนิสัยต่างจากซูหมิงบ้าง มีจุดหมายและความทะเยอทะยานที่ชัดเจน นางรู้สึกว่าวันหลังซูเหิงคงจะทำให้จวนอันผิงโหวรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อน

 

 

ซูเหิงกลับมาแล้ว ทำให้ซูคังไม่เป็นอันสงบ เวลานี้เขาอยู่ที่ห้องหนังสือของซูเหวิน พูดด้วยสีหน้าเครียด “ท่านพ่อ รีบคิดหาทางเร็วเข้า ได้ข่าวว่าซูเหิงกลับมาพร้อมด้วยหนังสือแนะนำตัวเข้ารับราชการ ตลอดทาง ข้าส่งคนไปจัดการซูเหิงเพื่อชิงหนังสือแนะนำตัว แต่ก็เอามาไม่ได้ ดูเหมือนจะมีจอมยุทธ์ปกป้องซูเหิงอย่างลับๆ เมื่อมีหนังสือแนะนำตัว ฝ่าบาทคงใส่พระทัยในตัวเขาแน่

 

 

ซูจิ่วซือเป็นองค์หญิงอันผิง ช่วยทูลต่อไทเฮาได้ พอถึงตอนนั้นซูเหิงคงได้ตำแหน่งสูง เป็นภัยคุกคามเรา เจ้าเด็กซูจิ่วซือก็ไม่ธรรมดา ถ้าขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป พูดตรงๆ ก็คือ จวนอันผิงโหวอาจจะเปลี่ยนเจ้านาย”

 

 

“หุบปาก เป็นเพราะพวกเจ้าไม่เอาไหนต่างหาก”

 

 

เวลานี้ซูเหวินรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ตั้งแต่ซูจิ่วซือกลับจวน เขาก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบ ตอนนี้ซูเหิงยังกลับมาอีกคน และซูเหิงคนนี้ยังเก่งกว่าบรรดาลูกอกตัญญูของตน ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป จวนอันผิงโหวคงได้เปลี่ยนนายแน่

 

 

“พวกเขาไม่เอาไหนได้อย่างไร”

 

 

ซูคังไม่ยอมรับ พูดแก้ตัวว่า “ถ้าไม่มีซูเหิง ก็ไม่มีใครมาคุกคามฐานะของพวกเรา ท่านพ่อ เราต้องหาทางกำจัดซูเหิง ซูจิ่วซือมีน้องชายคนนี้คนเดียว ถ้าซูเหิงตาย นางทำอะไรก็ไม่เกิดประโยชน์”