ตอนที่ 73 เกิดมางดงามก็ได้ทุกอย่างไป

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ครู่ต่อมาสิ่งที่กระทบสู่สายตาของพวกเขาก็คือ ประกายแวววาวของคมดาบใหญ่! และยังมีเกราะเหล็กสีเงินยวง! 

 

 

ภายใต้แสงอาทิตย์แรงกล้าสาดส่อง ดาบใหญ่และเสื้อเกราะเงินยิ่งสะท้อนประกายแสงสว่าง พาให้คนทั้งหลายต้องปิดตามอง ด้วยเกรงว่าแสงนี้จะทำร้ายดวงตาจนมืดบอด 

 

 

เพียงปิดตาไปไม่กี่ลมหายใจเข้าออก ก็พบว่าทหารของตระกูลตู๋กูหลายสิบคนเดินขึ้นเขามาแล้ว พวกเขาทุกคนพกดาบ ปล่อยผมยาว คึกคักประหนึ่งกำลังจะไปออกศึกสังหารศัตรู 

 

 

อีกทั้งใหหมู่พวกเขา มีม้าขาวปลอดราวหิมะตัวหนึ่ง และท่านแม่ทัพผู้พิชิตที่องอาจ ถือดาบทลายภูผานำทางม้าตัวนั้นขึ้นมา คนก้าวเดินอย่างขึงขังไม่มองใครทั้งซ้ายขวา 

 

 

แม่นางน้อยที่อยู่บนหลังม้า งดงามประหนึ่งภาพวาด เส้นผมยาวของนางพลิ้วไหว เมื่ออยู่ใต้ประกายของคมดาบที่แวววาวและดอกชมจันทรา ก็ยิ่งสร้างความตื่นตะลึงอันน่าประทับใจ! 

 

 

ชั่วขณะนั้นสายตาของผู้คนทั้งหลายต่างจับจ้องอยู่บนร่างของนาง จนไม่อาจละสายตาได้ 

 

 

หากจะเว้นวรรคอุปนิสัยใจคอของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ก่อน รูปโฉมของนางจัดว่างามล้ำเลิศจริงๆ งามเสียจนพาลให้สายตาพร่ามัว ดึงดูดจิตวิญญาณ เพียงได้พบหน้าสักครั้งก็ไม่อาจลืมเลือนได้เลย 

 

 

ความงามที่สามารถทำให้อดีตฮ่องเต้ทรงสดุดพระทัยจนถึงขั้นสิ้นพระชนม์ ย่อมจะต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว 

 

 

แม้จะสวมชุดขาวเหมือนกัน แต่นางงดงามจนโลกต้องตื่นตะลึงดุจเทพธิดาที่จุติลงมา ความงามของเต๋อเฟยดูบอบบางปานจะปลิวลม แต่ก็เป็นเพียงหยกงามในบ้าน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เต๋อเฟยย่อมสู้ไม่ได้แม้แต่น้อย 

 

 

จีเฉวียนเองก็จ้องมองนาง พระองค์ทรงคุ้นเคยกับตู๋กูซิงหลันที่สวมชุดกระโปรงผ้าป่านดำอมเขียว คุ้นเคยกับท่าทีหยาบกระด้างไร้สกุลรุนชาติของนาง 

 

 

ทั้งยังเคยเห็นนางทำกิริยาหยาบคายได้อย่างไม่อายผู้คน 

 

 

แต่ว่ายังไม่เคยเห็นนางยามสง่างามดุจเทพธิดามาก่อน 

 

 

นางขี่ม้ามาท่ามกลางดอกชมจันทราที่รายล้อม ไหนเลยจะเป็นเพียงสาวน้อยบอบบางได้ กลับมีความอาจหาญที่บรรยายไม่ถูกอยู่หลายส่วน 

 

 

คงจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากแม่ทัพตู๋กูจุนมาเป็นแน่ 

 

 

จีเย่ว์เองก็เหม่อลอยไปเสียแล้ว เขากับหลันเอ๋อร์เติบโตมาด้วยกันแต่เล็ก ตอนที่นางยังไม่ได้เข้าวัง กององครักษ์ที่ติดตามยามออกไปข้างนอกยังมากมายกว่านี้ไม่รู้เท่าไหร่ แต่ว่าไม่มีสักครั้งที่จะดูเปล่งประกายหาญกล้าเช่นยามนี้ 

 

 

นางเติบโตกลายเป็นสุขุมสง่างามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

 

 

รอจนกระทั่งขบวนเข้ามาใกล้ ผู้คนค่อยเห็นว่าบนหลังม้าด้านหน้าของสาวน้อย มัดเอาไว้ด้วยบุรุษชุดเขียวผู้หนึ่ง 

 

 

ใบหน้าของบุรุษนั้นคว่ำอยู่บนหลังมา ผู้คนจึงไม่อาจมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน ดูไปก็คงจะไม่ใช่คนสำคัญอะไร ก็ผู้มีตำแหน่งที่ไหนจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบชาวบ้านธรรมดาเช่นนี้? 

 

 

เมื่อเข้ามาใกล้ ตู๋กูจุนก็จูงม้า นำขบวนทหารติดตามมาจนถึงเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ 

 

 

“โยววว ทุกท่านยังรีบร้อนมาก่อนเราอีกนะเนี่ย ช่างทำให้เราปลาบปลื้มยิ่งนัก ” ตรัสแล้ว นางก็หย่อนสายบังเ**ยน เตรียมพลิกตัวลงจากหลังม้า 

 

 

ผู้คนทั้งหลาย “…..” ความสามารถของนังตัวร้ายนี่แค่กระพริบตาก็เสกถ้อยคำร้ายกาจออกมาได้เสมอ นี่มันเกือบจะยามเที่ยงแล้ว เจ้ายังเรียกว่ารีบร้อนมา? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้ขยับตัว ก็เห็นพี่ชายตนเองขยับเข้ามาใกล้ถึงข้างตัวนาง ยืนมืออกมายกตัวนางไว้ “มา พี่ใหญ่อุ้ม” 

 

 

ในใจของตู๋กูซิงหลันคิดจะบ่ายเบี่ยง แต่ไม่อยากจะปฎิเสธความจริงใจของพี่ชาย ตู๋กูจุนใช้แขนเดียวโอบรอบใต้แขนนาง ยกทั้งตัวขึ้นอย่างสบายๆ โอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมอกของเขา จากนั้นค่อยๆ วางนางลงอย่างระมัดระวัง 

 

 

จากนั้นยังไม่ลืมช่วยนางจัดแต่งเสื้อผ้าและทรงผมให้เรียบร้อย น้องน้อยออกมาปรากฎตัว ไม่ว่าที่ใดตรงไหนจะต้องดูแลให้สวยงาม 

 

 

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรดูภาพเบื้องหน้า เมฆหมอกในสายพระเนตรก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าลั่นเปรี้ยงปร้างพายุฝนกระหน่ำครึ้มมาแล้ว 

 

 

สตรีที่สมควรตายผู้นี้! ทำไมถึงปล่อยให้บุรุษมากอดนาง อุ้มนางได้? 

 

 

นางจดจำฐานะของตนเองไม่ได้หรือยังไง? นางเป็นสตรีม่าย สมควรอยู่ให้ห่างไกลจากบุรุษ! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มีชีวิตมาสองชาติภพนี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้รับการดูแลดั่งเด็กน้อย แถมยังเป็นต่อหน้าผู้คนมากมาย จึงรู้สึกว่าทำเกินหน้าเกินตาไปสักหน่อย 

 

 

เต๋อเฟยยืนอยู่ข้างกายจีเฉวียน พอเห็นนังหญิงร้ายนั่นปรากฎตัวขึ้นเดิมก็ตกตะลึงมากแล้ว พอยิ่งเห็นสายพระเนตรขุ่นมัวของฝ่าบาท ความประหลาดใจของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวรุนแรง 

 

 

ดู๋ดูฝ่าบาทสิ…….พระอารมณ์ของพระองค์ทั้งหมดเป็นเพราะนังสวะนั่น! 

 

 

นางหันกลับไปจ้องตาตู๋กูเหลียน ใช้ประกายตาที่แหลมคมประหนึ่งปลายดาบสอบถามนาง 

 

 

ตู๋กูเหลียนเองก็แสดงท่า ‘ตกตะลึง’ ออกมา ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้นาง กล่าวเสียงเบาที่ข้างหูนางว่า “เต๋อเฟยเพคะ หม่อมฉันเห็นนางลงมือฆ่าฉีผินด้วยตาตนเอง นี่จะต้องเป็นอุบายผีหลอกของตู๋กูจุน ช่วยเหลือนางออกมาแน่” 

 

 

เต๋อเฟยขมวดคิ้วมุ่น นางมองเข้าไปในดวงตาของตู๋กูเหลียนด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน 

 

 

ตู๋กูเหลียนกับตู๋กูซิงหลันที่สุดแล้วยังคงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หากไม่ระวังปล่อยให้ทั้งสองคนร่วมมือกันอาจหันมาทำร้ายนางเอาได้ ในวังหลังนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็เชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้น 

 

 

ต่อหน้าผู้คนมากมายนางย่อมไม่สมควรพูดคุยสนิทสนมตู๋กูเหลียนมากไป ได้แต่ใช้สายตาข่มขู่ หากว่านังนี่มันกล้าทำเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ละก็ ต่อให้นางต้องตายก็จะไม่ยอมให้มันได้อยู่รอดปลอดภัยอย่างเด็ดขาด 

 

 

ดวงตาดอกท้อนั้นจ้องมองมาทางเต๋อเฟยอย่างประหลาดใจ “ย่าห์ เต๋อเฟยน้อยก็มาด้วยแล้ว ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือ? กระโดดโลดเต้นได้หรือไม่? หากว่ายังกระโดดโลดเต้นไม่ได้ ก็รีบกลับวังไปพักผ่อนเสียเถอะนะ เราเกรงว่าร่างกายเจ้าจะทนไม่ไหว เกิดเป็นลมเป็นแล้งไป เราคงปวดใจแย่? “ 

 

 

เต๋อเฟย “………..” นังตัวร้ายนี่ช่วยปิดปากเสียบ้างได้ไหม? ฝีปากดั่งอีกาค่อยแต่จะสาปแช่งนางหรือไง? 

 

 

ด้านฮ่องเต้ผู้ทรงไม่ได้รับความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น “……..” เขาเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว แต่ในสายตาของสตรีนางนี้กลับสู้พระสนมคนหนึ่งไม่ได้หรือไร? 

 

 

เต๋อเฟยงามกว่าเขาหรือไง? มีเงินทองมีอำนาจมากกว่าเขาหรือไง? ไยจึงเอาแต่สนใจเต๋อเฟยเท่านั้น? 

 

 

ฮ่องเต้ทรงขบพระทนต์ อดกลั้นโทสะในพระทัย ทรงดำริว่าหากกลับเข้าวังเมื่อไหร่ จะต้องให้นางได้รู้สำนึก 

 

 

นางจะต้องได้รู้ว่า ในแคว้นต้าโจวนี้ ตัวเขาจีเฉวียนคือผู้ที่สูงศักดิ์ที่สุด ใครก็ไม่อาจมีความสำคัญในสายตาของนางเกินเขาทั้งสิ้น! 

 

 

ฮืม! 

 

 

“ไทเฮาเพคะ พระสนมเต๋อเฟยทรงเสด็จมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เพียงแต่มา แต่ยังนำยันต์เสริมวาสนาในภพหน้าจากท่านนักพรตอู๋เจินแห่งอารามเทียนเก๋อกวนมาด้วย น้ำใจเช่นนี้ แม้แต่ลูกหลานในตระกูลตู๋กูของบ้านเราคงไม่อาจเทียบได้” 

 

 

ทันใดนั้น เจียงเหม่ยหยู่ก้าวออกมา พูดพลางนำกล่องใส่ยันต์ออกมาอวด “น่าสงสารพี่สาวตอนยังมีชีวิตอยู่รักเอ็นดูพวกเจ้านัก พอตายไปแล้วลูกหลานพวกนี้ แม้แต่แค่มาร่วมงานก็ยังมาสาย ช่างใจดำ……” 

 

 

ผู้คนทั้งหลานต่างเห็นพ้องด้วยแล้ว เจ้าดูสตรีเลวร้ายผู้นี้สิ นางมาสายก็แย่แล้ว แต่นี่สายโด่งขนาดนี้! 

 

 

สายโด่งยังไม่พอ ยังจะต้องมากระแนะกระแหนเต๋อเฟยอีก หรือว่าเกิดมาสวยก็ไม่ต้องมีความกตัญญูแล้วหรือ? อยากจะทำอะไรก็ได้ทุกอย่างหรือไง? 

 

 

หากว่าเย่วฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ละก็ คงอยากจะไล่ลูกหลานเช่นนี้ออกไป แล้วรับเอาพระสนมเต๋อเฟยไว้เป็นหลานแทนแน่นอน 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเหลือบมองกล่องนั่นแวบหนึ่ง ค่อยตอบอย่างแปลกใจว่า “ย่าห์ นี่ช่างล้ำค่ายิ่งนัก” 

 

 

นางพูดอย่างจริงใจ แต่ว่าผู้คนทั้งหลายกลับรู้สึกว่านางแกล้งทำแปลกใจ เพื่องัดข้อกับเต๋อเฟย 

 

 

เจียงเหม่ยหยู่อดจะสะใจไม่ได้ นางค่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ “ทุกสิ่งในวันงานรำลึกพี่สาวนี้ ข้าล้วนแต่จัดการด้วยมือตนเอง ไทเฮาและท่านแม่ทัพไม่อยากเหน็ดเหนื่อยก็แล้วไปเถอะ แต่วันนี้คงไม่ได้มามือเปล่าใช่ไหม? “ 

 

 

ตามธรรมเนียมแคว้นต้าโจวแล้ว ในวันรำลึกลูกหลานจะต้องจัดเตรียมสิ่งของสำหรบเซ่นไหว้ ดูสิว่า นังตัวร้ายนี้นอกจากหอบผู้คนมาด้วยแล้ว ยังจะมีสิ่งใดอีกหรือไม่?