บทที่ 665 : ตราหยกจักรพรรดิ
“ยืนเฉยอยู่ทําไมล่ะ? เข้าบ้านสิ!”
เพียงแค่เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน มู่หลงเฟยจ๋อก็ถึงกับใจเต้นแรง แต่เมื่อหันไปเห็นหลิงหยุ นยังคงยืนนิ่งคล้ายกับกําลังใจลอยไปใหนต่อใหน เธอก็ถึงกับหน้าแดง
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในรั้วบ้าน หลิงหยุนก็พบเห็นสระน้ํา และสวนดอกไม้ที่ปลูกอยู่ที่ลาน หน้าบ้านอย่างสวยงาม และสวนที่ตกแต่งไว้อย่าเก็ใกนี้ก็บ่งบอกว่ามู่หลงเงินเป็นคนที่มีรสนิยมที่ดีมากเลยทีเดียว
เมื่อเข้าไปในบ้าน มู่หลงเฟยชื่อก็บอกหลิงหยุนให้นั่งรอที่เก้าอี้ไม้ไผ่ จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในห้องด้านในคนเดียว เธอเข้าไปในห้องลับภายในบ้าน ตรงไปที่กล่องเก่าๆใบหนึ่ง และหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ถัดจากตู้ใบใหญ่ภายในห้องไป มีตู้เซฟขนาดใหญ่ที่แข็งแรงมากตั้งอยู่ และภายในมีเครื่องประดับล้ําค่า และเงินสดจํานวนมากมายอยู่ด้านใน แต่ความจริงแล้วมันมีไว้เพื่อเบนความสนใจของขโมยให้ไม่สนใจช่องว่างหลังตู้เก่าๆใบหนึ่งเท่านั้น
มู่หลงเป็นฉ่รู้ว่าจะสามารถซ่อนมรดกล้ําค่าของตระกูลไว้ให้ปลอดภัยได้อย่างไร? เขารู้ดีว่าหากมีโจรขโมยเข้ามาในห้องลับนี้ได้ สิ่งแรกที่พวกมันจะให้ความสนใจคือตู้เซฟ และหากเปิดตู้เซฟพบเครื่องประดับล้ําค่า และเงินทองมากมายที่อยู่ด้านใน พวกมันก็จะพอใจและไม่สนใจที่จะค้นหาของมีค่าอื่นๆอีก
ถึงแม้ว่าสวนในบ้านจะดูไม่สะดุดตาอะไรมากนัก แต่ก็มีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่หลายตัวและติดตั้งเครื่องป้องกันโจรขโมยไว้ และยากที่โจรกระจอกๆจะเข้ามาได้โดยง่าย
มู่หลงเฟยจื่อเอื้อมมือเข้าไปหยิบกล่องไม้ที่อยู่ด้านในออกมา มันเป็นกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสิบเซ็นติเมตร
หลังจากที่หยิบออกมาแล้ว มู่หลงเฟยจ๋อก็เดินถือกล่องไม้ออกไปอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียดและจริงจังมากระหว่างที่วางกล่องไม้สี่เหลี่ยมลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าหลิงหยุน
และเธอก็ไม่ปล่อยให้หลิงหยุนต้องคอยนาน มู่หลงเฟยจื่อจัดการเปิดกล่องไม้ขึ้นทันที เผยให้เห็นตราหยกจักรพรรดิที่อยู่ด้านใน
หลังจากสํารวจด้วยสายตา หลิงหยุนก็พบว่าตราหยกจักรพรรดินี้มีความยาวและความกว้าง ราวเก้าเซ็นติเมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่จับเป็นรูปมังกรกําลังบิน มันถูกแกะสลักไว้อย่างงดงามและดูราวกับมีชีวิต ตราหยกจักรพรรดินี้ดูเหมือนจะถูกแกะสลักมาจากหยกชิ้นเดียว
“ช่างเป็นหยกชั้นเยี่ยม!” หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
แน่นอนว่ามันคือสมบัติล้ําค่าอีกหนึ่งชิ้น! เพราะนาทีที่มู่หลงเฟยจื่อเปิดกล่องไม้ออกมานั้น หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงอํานาจ และพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ แม้จะเพียงแค่วูบเดียวก็ตาม
มู่หลงเฟยจ่อยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลมู่หลง มันคือตราหยกจักรพรรดิ ไม่มีใครรู้ที่มาว่าเป็นมาอย่างไร? แต่เป็นมรดกที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น เท่าที่ฉันรู้ ตราหยกนี้มีอายุอย่างน้อยเจ็ดร้อยปี!”
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงและร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ “เจ็ดร้อยปีเชียวเหรอ? นี่เป็นมรดกที่ตกทอดมาถึงเจ็ดร้อยปีเชียวเหรอ?”
มู่หลงเฟยจื่อจ้องมองหลิงหยุน เธอยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “นี่เธอตกใจอะไร? ทําไมจะเป็นไปไม่ได้? อย่าว่าแต่เจ็ดร้อยปีเลยบางตระกูลสืบทอดกันมาเป็นพันปี หรือสองพันปีก็ยังมี!”
หลิงหยุนพยักหน้าและชี้ไปที่ตราหยกจักรพรรดิในกล่องไม้ “อย่าบอกนะว่าตราหยกจักรพรรดิอันนี้”
หากมันเป็นแค่หยกธรรมดาๆ หลิงหยุนอาจจะปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่ในเมื่อมันคือสมบัติล้ําค่า อย่างตราหยกจักรพรรดิ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรับไว้อย่างแน่นอน!
“ยังจะต้องถามอีกเหรอ? นี่เป็นของตอบแทนน้ําใจที่ท่านปูต้องการมอบให้กับเธอ และเป็นของขวัญสําหรับวันเปิดคลินิกของเธอด้วย!”
ซึ่งเจิ้งหยางพูดไม่ผิด เพราะสิ่งที่มู่หลงเวิ่นฉีมอบให้กับเขานั้น ที่แท้ก็คือตราหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นมรดกประจําตระกูลมู่หลงที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน!
“แต่. นี่มันเป็นสมบัติที่มีมูลค่ามากเกินไป..” หลิงหยุนจ้องมองใบหน้าของมู่หลงเฟยจื่อที่แดง…กว่าเดิมพร้อมกับเกาศรีษะไปด้วย
“แน่นอน… นี่เป็นสมบัติล้ําค่า และคิดเป็นมูลค่าแทบไม่ได้ เพราะเดิมที่ท่านปูตั้งใจจะเก็บไว้ เป็นของรับหมั้นให้กับหลานสาวของท่าน แต่ตอนนี้ท่านปูกลับยกให้เธอไปแล้ว!”
มู่หลงเฟยจื่อตอบหลิงหยุนไปตามตรง และน้ําเสียงของเธอนั้นค่อยๆเบาลง และเบาลงเรื่องๆจนแทบไม่ได้ยิน
ตอนนี้มู่หลงเฟยจื่อพาหลิงหยุนมาถึงที่บ้าน หากเธอไม่ฉวยโอกาสนี้บอกให้หลิงหยุนรู้ ก็คงจะโง่เกินไปที่จะไม่สู้เพื่อตัวเอง
หลิงหยุนได้ฟังก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี เขาจึงพูดขึ้นว่า “พี่มู่หลง.. คุณเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีความสามารถ เรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมมากคนหนึ่ง!
มู่หลงเฟยจื่อได้ฟังถึงกับหัวใจพองโต แล้วตอบกลับไปว่า “เธอไม่ต้องเยินยอฉันมากก็ได้!”
“ผมพูดความจริง..” หลิงหยุนตอบ
“ผู้หญิงอย่างคุณไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับผู้ชายหน้าโง่อย่างจูหย่งหวัง กับตู้เย่าจง! ผู้ชายที่เหมาะสมกับหญิงสาวที่เพียบพร้อมอย่างคุณนั้น อย่างน้อยก็ต้องเก่งกว่าหลิงหยุนตอนนี้สามหรือห้าเท่า!”
มู่หลงเฟยจื่อได้ฟังก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม เธอได้แต่ยิ้ม ดวงตาคู่งามนั้นจ้องมองหลิงหยุน “แต่… ผู้ชายแบบเธอก็หายากมากแล้วในโลกใบนี้! แล้วฉันจะไปหาผู้ชายที่เก่งกว่าเธอได้จากที่ใหน?”
หลิงหยุนหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข เขายกนิ้วโป้งชี้เข้าที่หน้าอกของตนเองพร้อมกับพูดขี้นว่า
“ถ้าตอนนี้ยังหาไม่ได้ก็เป็นแฟนของผมไปก่อน! แล้วเมื่อไหร่ที่คุณพบผู้ชายที่เก่งกว่าผมสามหรือห้าเท่า คุณก็ค่อยไปแต่งงานกับเขา ถึงเวลานั้นผมจะไม่ห้ามคุณเลย!”
คําพูดของหลิงหยุนนั้นฟังดูมีความขี้เล่น แต่ก็นุ่มนวลอ่อนโยน และเป็นคําพูดที่ค่อนข้างรักษาหน้าของมู่หลงเฟยจื่อ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเธอนั้น หลิงหยุนก็รู้ว่าบุคลิกนิสัยของมู่หลงเฟยจอนั้นไม่ต่างจากมู่หลงเวิ่นฉีที่ไม่ชอบเสียหน้านัก
มู่หลงเฟยจื่อหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง ใบหน้างดงามของเธอนั้นแดงก่ําขณะที่ถามขึ้นว่า
“แล้วถ้าฉันไม่สามารถหาผู้ชายที่ดีกว่าเธอได้ล่ะ ฉันจะทํายังไง?”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “คุณมีทางเลือกสองทางคือหนึ่ง คุณก็มาเป็นภรรยาของผม และสอง.. ผมจะพยายามฝึกฝนตัวเองให้เก่งกว่าตอนนี้ถึงสิบเท่า ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณไปเป็นของผู้ชายคนใหนแน่!”
คําพูดของหลิงหยุนนั้นนับว่าถูกต้องที่สุด ชีวิตของมนุษย์เรานั้น หากต้องการสิ่งใด ก็ต้องพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มา
คําพูดของหลิงหยุนนั้นงดงามน่าฟัง จนมู่หลงเฟยจื่อเองถึงกับเคลิบเคลิ้ม
ความจริงแล้ว มู่หลงเฟยจื่อเองก็อยากจะถามหลิงหยุนไปว่า ถ้าอย่างนั้น แล้วบรรดาแฟน สาวของเขาในตอนนี้ล่ะ?
แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะเธอยังจําคําพูดของมู่หลงเป็นฉีที่บอกกับเธอได้ – หลิงหยุนไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ ทุกอย่างไม่สามารถทําตามกฎเกณฑ์ธรรมดาทั่วไปได้ หากมู่ หลงเฟยจื่อยังเชื่อมั่นในความคิดตัวเองว่าหลิงหยุนจะต้องเป็นของเธอเพียงคนเดียวนั้น ก็อย่าได้คิดว่าชาตินี้จะได้อยู่ร่วมชีวิตกับหลิงหยุนเลย!
มู่หลงเฟยจื่ออดทนอดกลั้นก่อนจะเปลี่ยนใจถามหลิงหยุนไปว่า “แต่ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งห้าหกปี จะเป็นแฟนของเธอได้เหรอ?”
แต่หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ถ้าคุณอยากจะดูเด็กเท่าผม ผมขอเวลาแค่หนึ่งหน้าทีคุณอยากจะลองมั้ยล่ะ?”
หลิงหยุนไม่ได้พูดโอ้อวดแม้แต่น้อย!
ในแหวนพื้นที่ของเขาเวลานี้มีกล่องหยกที่สร้างค่ายกลหลุมพลังไว้ถึงสี่สิบเก้าชั้น และภายในนั้นกักเก็บพลังอมตะที่ถ่ายเทจากสมุดจักรพรรดิเอาไว้ อีกทั้งหลิงหยุนยังได้ใช้กล่องหยกอีกสิบกว่ากล่องเก็บพลังชีวิตเข้มข้นจากสมุนไพรชีฉียู่ที่มีการถ่ายเทพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิไว้อีกด้วย และด้วยพลังอมตะจากทั้งสองแหล่งนี้ หลิงหยุนสามารถดูดซับและนํามาใช้ประโยชน์ต่อได้
ตราบใดที่มู่หลงเฟยจื่อต้องการ หลิงหยุนสามารถใช้พลังอมตะเหล่านี้ชําระล้างร่างกายของ เธอให้ราวกับเกิดใหม่ได้ และรับรองว่ามู่หลงเฟยจื่อจะเด็กลงอีกห้าหรือหกปีทีเดียว
“จริงเหรอ?” มู่หลงเฟยจื่อถามขึ้นอย่างตื่นเต้นตกใจ เมื่อได้เห็นท่าทางและคําพูดที่มั่นอกมั่นใจของหลิงหยุน
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเองอีกครั้ง “ไม่เชื่อก็ดูผมเป็นตัวอย่าง เมื่อสองเดือนที่แล้วผมเป็นยังไง? คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
มู่หลงเฟยจื่อถึงกับนิ่งไป เพราะหลิงหยุนพูดนั้นคือความจริง และเธอก็ได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตัวเอง
หลิงหยุนไม่พูดอะไร เขายกมือซ้ายขึ้นโบกไปมาต่อหน้ามู่หลงเฟยจื่อ แล้วเรียกกล่องบรรจุหยกจักรพรรดิที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าไปในแหวนพื้นที่
“นี่.. แล้วกล่องตราหยกจักรพรรดิหายไปใหนแล้วล่ะ?!”
มู่หลงเฟยจื่อถึงกับตกอกตกใจ เพราะเพียงแค่หลิงหยุนดีดนิ้ว กล่องหยกจักรพรรดิก็หายไป ต่อหน้าต่อตา แต่มือซ้ายของเขายังคงอยู่ที่เดิม!
หลิงหยุนยิ้ม จากนั้นจึงเรียกกล่องสี่เหลี่ยมออกมาอีกครั้ง และกล่องนั่นก็มาปรากฏอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปใหน
จากนั้นหลิงหยุนก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของมู่หลงเฟยจื่อ “ผมจะทําให้คุณประหลาดใจยิ่งกว่านี้อีก….”
“อะไรนะ?!” มู่หลงเฟยจ่อร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ สายตาของเธอจ้องมองหลิงหยุนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า “หากข้าไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงให้เจ้าเห็น เจ้าก็คงยากที่จะปักใจเชื่อ และคงจะสร้างปัญหาให้กับข้าในวันข้างหน้า!”
หลิงหยุนพูดขึ้นยิ้มๆ “ผมรู้ว่าวันนี้คุณใส่ชุดชั้นในลูกไม้สีดํา ถูกต้องมั้ยครับ?”
“นี่เธอ!” ครั้งนี้มู่หลงเฟยจื่อถึงกับช็อคสุดขีด ใบหน้าของเธอแดงก่ําด้วยความอาย และจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“เธอพูดบ้าอะไรกัน?”
“ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไง? นี่เธอแอบดูฉันงั้นเหรอ?”
มู่หลงเฟยจื่อเขินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี..
“ผมไม่ได้แอบดู แล้วก็ไม่ได้มีตาทิพย์ด้วย! แต่ผมสามารถทํานายทุกอย่างได้อย่างแม่นยําคล้ายๆกับหมอดูเทวดาอะไรทํานองนั้น!”
“เธอ. นี่เธอเป็นเทพในร่างมนุษย์หรือยังไง?!”