บทที่ 323 เปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

กิริยาของพินอินทำให้เทาเท่ยกเลิกความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมเธอ ช่วยเธอ เขาโทรไปหาคนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่แถวบ้านไกรภพ“พวกนายถอยออกมาได้เลย นับจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องสนใจว่าพินอินจะเป็นตายร้ายดียังไงอีก”

เทาเท่วางสายพลันเอ่ยกับหลินจือว่า“ถ้าเธอรนหาที่ตาย งั้นผมก็ไม่ขวางทางแล้ว”

หลินจือเสนอความคิดเห็นว่า“พวกเราแจ้งความให้ตำรวจพาตัวพินอินออกจากบ้านไกรภพดีไหมคะ?”

เทาเท่ลูบจมูก พลางกล่าวว่า“ตอนนี้พวกเราไม่มีหลักฐานมัดตัวความผิดของไกรภพ ตำรวจค้นบ้านเขาไม่ได้ อีกอย่างเขายังเป็นชาวต่างชาติอีก ตำรวจบุกเข้าไปโดยพลการนั้นไม่เหมาะสมเลย”

“ค่ะ” หลินจือได้แต่ขานรับแบบนี้

เทาเท่กล่าว“ตอนนี้พวกเราได้แต่หวังว่าจะได้เบาะแสจากคนขับรถที่ชนอาสองของไกรภพตาย”

จากนั้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็คือ จอนห์โทรมาบอกว่าคนขับรถคนนี้รับเงินก้อนหนึ่งแล้วจริง ๆ

คนขับรถมีลูกชายหนึ่งคน ซึ่งลูกชายอยู่กับเมียเก่า เขารับเงินก้อนนี้มาเพื่อให้เงินแก่เมียเก่าและลูกชายของเขา แต่ตอนนี้ลูกชายเขาจำชื่อและหน้าตาคนมามอบเงินให้พวกเขาไม่ได้ คนนั้นเอาเงินสดใส่กล่องใหญ่มาให้หลายใบ ไม่ได้โอนผ่านธนาคาร พวกเขาจึงตรวจสอบอะไรไม่ได้

ถือว่าเบาะแสนี้ขาดไปแล้ว

หลินจือมองเทาเท่ที่ยืนริมหน้าต่างด้วยอารมณ์หนักอึ้ง เดินเข้าไปโอบเอวเขาจากด้านหลัง อยากใช้วิธีนี้ช่วยเขาคลายความเครียดบ้าง

เทาเท่ดึงสติกลับมาได้ รู้ว่าเธอกำลังเป็นห่วง ยกมือดึงเธอมาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะยืนมองท้องฟ้าสีครามนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ ด้วยกัน

ตั้งแต่ที่พวกเขาสองคนทะเลาะกันจนถึงตอนนี้ ยังไมเคยเงียบเท่านี้มาก่อน

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดภาพแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้

ในใจพวกเขาสองคนตระหนักได้ว่า สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง หากมีโอกาสอยู่ด้วยกันก็ควรรักษาไว้ให้ดี

เทาเท่เคยคิดว่า หากเขากับหลินจือคืนดีเมื่อไหร่ พวกเขาสองคนต้องหวานสวีทกันแน่ แต่คาดไม่ถึงว่า ตอนนี้พวกเขาคืนดีกันแล้ว แต่ไม่ได้หวานแหววซะเลย แต่ต้องมาร่วมเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของไกรภพด้วยสภาพจิตใจที่หนักอึ้ง

เทาเท่รู้สึกผิดต่อหลินจือ ทว่าก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ไม่เลว

เพราะพวกเขายิ่งร่วมผ่านพ้นอุปสรรคนานัปการมากเท่าไหร่ วันหลังก็จะไม่มีสิ่งใดพรากพวกเขาจากกันอีก

พวกเขาสองคนยืนไปได้สักพักใหญ่ ๆ หลินจือก็เอ่ยปากพูดเสียงเบา“อันที่จริงฉันมีความคิดอย่างหนึ่งค่ะ”

เทาเท่ถามเสียงอ่อนนุ่ม“ความคิดอะไรเหรอครับ?”

หลินจือในอ้อมกอดเขาเงยหน้ามองเขา“คุณเคยบอกว่า ไกรภพแคร์พี่สาวของเขาที่ชื่อมัลลิกามาก ยังบอกว่าเขาไม่เชื่อว่ามัลลิกาจะเป็นเมียน้อยคนอื่นเพราะอยากได้เงินทอง งั้นพวกเราก็ลงมือจุดนี้เลยไหมคะ หาหลักฐานบ่งบอกว่ามัลลิกาคือเมียน้อย จะได้กระทบกระเทือนจิตใจไกรภพแรง ๆ ทำให้เขาเลิ่กลั่ก จิตใจว้าวุ่น”

เทาเท่เข้าใจแผนของหลินจือในหนึ่งวินาที ใบหน้าเผยความดีใจในชั่วพริบตา เขาจับแก้มหลินจือ เบิกบานใจอย่างเก็บไม่อยู่“หลินจือ ทำไมคุณฉลาดแบบนี้?”

เขาใคร่ครวญไม่ถึงจุดนี้ เขาคิดแต่จะงัดเอาหลักฐานทำผิดของไกรภพอย่างไร ซึ่งพวกเขาก็ยังคงเป็นฝ่ายรับอยู่ดี

แต่ความคิดของหลินจือ พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายรุกแทน หากพวกเขาควบคุมอารมณ์ของไกรภพได้อยู่หมัดแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายรุกได้สำเร็จ ไม่ต้องโดนไกรภพจูงจมูกอีกต่อไป

หลินจือเห็นว่าความคิดของตัวเองได้รับการยอมรับจากเทาเท่ก็เริ่มรื่นรมย์ใจขึ้นมา“ไกรภพถนัดด้านการทำร้ายจิตใจ งั้นพวกเราก็ทำร้ายจิตใจของเขาด้วย”

“ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะใช้สื่อต่าง ๆ กระจายข่าวไปทั่วไกรภพต้องเห็นแน่ และต้องรู้สึกอายจนโกรธจัดแน่”

หลินจือกล่าวต่อไปว่า“แต่พวกเราต้องเตรียมงานก่อน ไปถามเพื่อนของมัลลิกาสมัยนั้น ดูว่าจะได้ข้อมูลยืนยันจากปากพวกเขาไหมว่า ตอนนั้นมัลลิกาเข้าใกล้พ่อคุณมีเป้าหมายอื่นแอบแฝง”

เทาเท่ขานรับ“ผมจะสั่งให้จอนห์ไปสืบเดี๋ยวนี้เลย”

หลินจือพยักหน้า“ถ้ารวบรวมข้อมูลได้แล้ว ฉันจะเป็นคนเขียนบทความเอง”

เธอเป็นผู้ประพันธ์บทละครมีฝีมือด้านการเขียนบรรยายอยู่แล้ว

“อืม” เท่าเท่เชื่อมั่นในงานเขียนของเธอ จากนั้นก็สั่งการจอนห์ผ่านมือถือ

สั่งการเสร็จ เทาเท่ก็ขมวดคิ้วใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“งั้นผมโทรถามพ่อดูว่ารู้จักมัลลิกาอย่างยังไง และระหว่างที่คบกันมัลลิกามีพิรุธอะไรบ้าง”

เรื่องในอดีตของไกอาคนรุ่นหลังอย่างพวกเขาไม่รู้เลยสักนิด ช่วงก่อนเบลซมีเจตนาร้ายที่จะเปิดโปง พวกเขาจึงได้รับรู้ว่ามีคนตายด้วย

ในความทรงจำของเทาเท่ เขารู้เพียงว่าตอนนั้นคุณพ่อมีชู้กับสาวมหาลัยคนหนึ่ง และเกือบหย่ากับแม่เพราะผู้หญิงคนนั้น นอกเหนือจากนั้น เขาก็ไม่รู้เลย

หลินจือได้ยินว่าเทาเท่จะโทรหาไกอา และนึกถึงเรื่องที่พวกเขาปิดบังเรื่องของไกอากับเทาเท่ สีหน้าของเขาก็เริ่มกระวนกระวาย

เทาเท่ดูออกว่าเธอผิดปกติ ถามโดยตรงว่า“เกิดเรื่องกับพ่อผมด้วยใช่ไหม?”

ไกรภพไม่มีทางปล่อยพ่อเขาแน่ เพราะพ่อเขาเป็นคนร้ายหลักของเรื่องนั้นในอดีต

หลินจือจึงได้แต่ยอมรับ“อืม บอกว่าติดหนี้ก้อนโตในต่างประเทศ ตอนนี้ถูกจับตัวให้เอาเงินไปคืน”

หลินจือกล่าวจบก็รีบอธิบาย“คุณปู่ ไวท์และฉันตัดสินใจไม่บอกคุณก่อน คุณปู่บอกว่าท่านจะไปรวบรวมเงินก้อนนี้เอง ไวท์บอกว่าจะช่วยเหลือด้วย”

เทาเท่รู้ว่าที่ทำแบบนี้เพื่อหวังดีกับเขา ทว่าตอนนี้เขากังวลอีกปัญหาหนึ่ง“ดังนั้นตอนนี้พ่อผมอยู่ในมือคนของไกรภพ ผมติดต่อหาพ่อ ถามอะไรก็ไม่มีประโยชน์”

หลินจือบอกว่า“พวกเรายังมีคนให้ถามอยู่”

เทาเท่ก็นึกถึงได้ทันควัน“เบลซ?”

หลินจือพยักหน้า“อืมเขาสนิทกับคุณอาไกอามาก ต้องรู้ว่าพวกเขารู้จักกันได้ยังไงแน่”

“แต่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมบอกไหม” หลินจือกังวลใจจุดนี้ เพราะไกอาเป็นคนทำให้เบลซต้องเข้าคุกเอง

เทาเท่ครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวว่า“เบลซเป็นคนฉลาด คิดว่าเขาต้องรู้ว่าไกรภพไม่ชอบมาพากลแน่ ต้องยืนอยู่ข้างพวกเราแน่”

เทาเท่กล่าวต่อไปว่า“ผมจะติดต่อขอพบเบลซที่เรือนจำ”

หลินจือพยักหน้า ถึงแม้ตอนนี้เขายังไม่หายดี แต่เรื่องนี้เร่งด่วนมาก จำเป็นต้องรีบพบหน้าเบลซโดยเร็ว

ระหว่างที่เทาเท่ไปขอข้อมูลจากเบลซ ทางจอนห์ก็ส่งคนไปตามหาเพื่อนพ้องของมัลลิกาสมัยเรียนสุดความสามารถ โดยสอบถามข้อมูลของมัลลิกาอย่างละเอียดยิบย่อย

สำหรับเรื่องไกอา คุณท่านทำหน้าที่รวบรวมเงินก้อน

จากคำแนะนำของคุณท่านวีนาถูกจัดให้มาอยู่ยังบ้านของคุณท่าน เทาเท่จะได้สะดวกรวมกำลังคนปกป้องที่เดียวกัน

หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เรื่องแรกที่คุณท่านทำก็คือ เรียกวีนาลงมาชั้นล่าง จากนั้นก็ให้วีนาบอกตามความเป็นจริงว่าตอนนี้เธอมีสินทรัพย์ทั้งโฉนดที่ดินและเงินสดเท่าไหร่

วีนารู้สึกงงงวย“คุณพ่อถามทำไมเหรอคะ?เทาเท่ไม่ออกเงินไถ่ตัวพ่อของเขาเหรอคะ?”

วีนาก็รู้เรื่องไกอาโดนจับตัวด้วย ทว่าเธอเห็นคุณท่านไปหาเทาเท่ จึงไม่ได้วิตกกังวลมากนัก

เงินที่คนพวกนั้นต้องการ ลูกชายของเธอมีแน่นอน

สำหรับเรื่องไกอาจะตายหรือรอด วีนาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

ไกอาทำผิดต่อเธอ พวกเขาต่างไร้ความรู้สึกต่ออีกฝ่ายตั้งนานแล้ว

คำพูดของวีนาทำให้คุณท่านฉุนเฉียวมาก ท่านใช้ไม้เท้ากระทบพื้นแรง ๆ พลางกล่าวเสียงดุดัน “เทาเท่โกรธไม่ได้ ฉันเลยไม่ได้บอกเขา ตอนนี้เงินก้อนนี้เธอกับฉันเป็นคนรวบรวมกันเอง”

วีนาปฏิเสธทันที“คุณพ่อ ไกอาทำตัวเหลวไหลจนเกิดเรื่อง แล้วทำไมหนูต้องใช้เงินไถ่ตัวเขาด้วยคะ?อีกอย่างเงินพวกนี้ของหนู หนูจะเก็บไว้ใช้ตอนปั้นปลายชีวิต”

“ถ้าตอนนั้นเธอไม่โวยวายเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ผู้หญิงคนนั้นจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเหรอ?” คุณท่านไม่ชอบนิสัยของวีนาเสียเลย“อันนี้ไม่ถือว่าเป็นภัยที่เธอก่อหรือไง?”

วีนาเม้มปาก คุณท่านพูดต่อไปว่า“เธอต้องคิดให้ดีว่าจะออกเงินใช้หนี้ไหม อนาคตเธอก็ต้องพึ่งลูกชายเธออย่างเทาเท่อยู่แล้ว หากเธอดีกับเขาและหลินจือ พวกเขาจะต้องดูแลชีวิตยามแก่เฒ่าของเธอดีแน่?”

“ถ้าตอนนี้เธอยังไม่รู้จักแยกแยะ ขายหน้าให้หลินจือเห็น ทำให้ตระกูลแม็กซิมัส งั้นต่อไปเธอก็เอาตัวรอดเองเถอะ”

คุณท่านตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดเสร็จ วีนาก็หน้าซีดขาวโดยพลัน

สุดท้ายเธอก็บอกทรัพย์สินทั้งหมดในกรรมสิทธิ์ให้คุณท่านจนหมด คุณท่านก็สั่งการแบบไม่ลังเลสักนิดว่า ให้รีบเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินสดโดยเร็วที่สุด

แน่นอน คุณท่านก็ทำเช่นกัน ท่านเก็บเพียงคฤหาสน์หลังนี้ไว้เท่านั้น อย่างอื่นล้วนเอาออกมาใช้ทั้งหมด