บทที่ 1551 – การมีส่วนร่วมของชิงสุ่ย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1551 – การมีส่วนร่วมของชิงสุ่ย

 

ท้องฟ้าในตอนนี้เริ่มมืดสนิทลง นั้นเพราะมันเต็มไปด้วยฝุ่นควันที่เกิดจากการต่อสู้ บรรยากาศรอบเต็มไปความผันผวนของพลังงาน เนื่องจากกระแสปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมา

 

ฉินชิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและความเสียใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาเป็นนั้นคือชิงสุ่ย

 

ในเวลานี้เขาได้อยู่ที่นี่ นั้นก็หมายความว่าเขานั้นไม่สามารถปล่อยเธอไปได้

 

สำหรับชิงสุ่ยแล้วถึงแม้ ฉินชิงจะไม่ได้รักเขาหรือเป็นผู้หญิงของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทนมองฉินชิงนั้นเป็นอะไรไปได้  ในเวลานี่ฉินหยิงนั้นได้ตายลงไปแล้ว แม้แต่ฉินชิงนั้นก็บาดเจ็บอย่างแสนสาหัส หากชิงสุ่ยมาไม่ทันในตอนนี้เธอเองคงจะไม่มีลมหายใจอยู่แล้วก็ได้

 

ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้ทียืนอยู่ข้างหน้าฉินชิงและบังคับหุบเขาเก้าเทวาเข้าต้านฝ่ายตรงข้ามเอาไว้

 

กฎแห่งพระราชวังเก้าเทวา!

 

หงส์เพลิงสะบั้นศึก!

 

ในตอนนี้ความสามารถของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งทะยาน ขณะที่ง้าวทองได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา มันทำให้ตอนนี้ความแกร่งของชิงสุ่ยในตอนนี้อยู่ในระดับที่ต่างจากที่เคยเป็นมา ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้เขาสามารถรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้โดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้พุ่งทะยานออกไปและเข้าร่วมการต่อสู้ในทันที ในพริบตาที่เขามาถึงศีรษะของคนห้าคนได้ขาดกระเด็นหลุดลอยออกมาในทันที แม้แต่ฉ่ายหยางนั้นก็ยังรู้สึกหวาดกลัวภาพลักษณ์ในตอนนี้ของเขาอย่างมมาก

 

ทักษะล่าสังหาร!

 

วชิรปราบอสูร!

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

……

 

ในตอนนี้ชิงสุยสามารถควบคุมทั้งสมรภูมิรบไดเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ในด้านพลังของเขานั้นจะอ่อนแอกว่าฉินชิงเพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ความแข็งแกร่งของร่างกายฉินชิงนั้นเทียบเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ด้วยอำนาจสูงสุดของฉินชิงก็มิอาจสามารถทำอะไรชิงสุ่ยได้

 

ในตอนนี้ด้วยสัตว์อสูร  ปราณจักรพรรดิ มรดกแห่งพระเจ้าแหวนแห่งแสง และรูปแบบทั้งหมดของเขา มันทำให้สนานรบตกอยู่ในการควบคุมของเขาอย่างง่ายดาย  หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้ว่าออกมาเบาๆว่า”น้องฉินชิง เจ้าไม่ต้องเป็นห่างเรื่องทางด้านโน้นไป ข้าเพิ่งมาจากที่นั่น ตอนนี้ท่านปู่ปลอกภัยดี “

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวออก เธอได้ถอนหายใจออกมาด้วย ความรู้สึกโล่งใจและผ่อนคลาย  นอกจากนี้ในตอนนี้เธอยังได้พบ ความเป็นจริงความแกร่งของชิงสุ่ยนั้นไม่ได้น่ากลัวเท่าที่เธอคิด แต่ด้วยทักษะต่างๆของเขา แต่ตราบเท่าที่เขาอยู่ที่นี่ เขาก็สามารถเปลี่ยนความเสี่ยงต่างๆได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีเขาอยู่ข้างๆ นั้นก็มั่นใจได้ว่าเธอนั้นจะสามารถผ่านมันไปได้

 

“เจ้ายังโกรธข้าอยู่อีกหรือไหม?” ฉินชิงกล่าวออกมาเมื่อมองไปที่เขา

 

ก่อนที่ชิงสุ่ยจะพูดอะไรออกมา เธอก็ได้จากที่ตรงนั้นไปแล้ว  มันทำให้เขานั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างน่าอึดอัดใจ และทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

 

เนื่องจากการปรากฏตัวของชิงสุ่ย และสัตว์อสูรของเขา ทำให้ฝั่งของฉ่าย หยางตื่นตระหยกอย่างมาก ในพริบตารูปขบวนของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นวุ่นวาย ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้พลาดโอกาสนี้ไป เขาจึงเรียกอสูรอสนีคลั่งของเขาออกมา

 

อัสนีกัมปนาท!

 

หลังจากอสูรอัสนีคลั่งจู่โจมออกไป ชิงสุ่ย และอสูรสยบมังกรได้พุ่งออกไปในทันที เพียงแต่เสี่ยววินาที ฝ่ายของฉ่ายหยางได้ถูกสังหารลงไปอีก6คน นอกจากนี้ศัตรูที่ถูกสังหารลงไปนั้นยังเป็นผู่บ่มเพาะที่แข็งแกร่งทั้งหมด ส่วนอสูรนรกรัตติกาลได้เข้าร่วมกับฉินชิงที่ฟื้นตัวขึ้นมาสักพักหนึ่ง  เข้าสังหารฝ่ายของฉ่ายหยางไปอีก2คน

ในตอนนี้ฉินชิงรู้แล้วว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน มิฉะนั้น พ่อของเธอนั้นคงจะไม่ปล่อยให้เธอมาที่นี่เพียงลำพังอย่างแน่นอน นับตั้งแต่ที่น้องของเธอได้เสียชีวิตลงไปต่อหน้าต่อตาของเธอ มันทำให้พลังของสายเลือดที่ไหลอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเธอถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันจึงทำให้ความแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนนี้ฉ่ายหยางนั้นหวดกลัวด้วยใจจริงแม้เขานั้นมีจะมีการระดับบ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ก็มิอาจดูหมิ่นอสูรอัสนีคลั่งไปได้ ในตอนนี้เขานั้นได้ถอยกลับไปข้างหลังและหลบอยู่ภายใต้ผู้คุ่มกันของเขา

เขานั้นเป็นคนที่ฉลาดและรอบครอบอย่างมาก เพียงแค่แรกเห็นเขาก็ตระหนักได้ถึงความสามารถของอสูรสยบมังกร  นอกจากนี้เมื่อเห็นการประสานงานของทั้งสองเขาร่วมกันมันยิ่งทำให้เขานั้นระวังตัวมากยิ่งขึ้น

 

ในตอนแรกเขานั้นต้องการที่จะเตือนทุกๆคนที่รอบๆออกมา แต่ทุกอย่างเกิดก็ขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วอย่างมากให้เขานั้นไม่มีโอกาสกล่าวเตือนใครๆ เพียงแค่พริบตายผู้คนจำนวนมากก็ล้มตายไปจำนวนมาก นอกจากนี้ผู้คนที่เสียชีวิตลงไปนั้นร่วนเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด มันทำให้หัวใจของเขานั้นเจ็บปวดอย่างมาก

 

ไม่มีใครในโลกนี้ ที่ไม่กลัวความตาย เขามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน และทำไมเจ้าถึงได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

 

“หากคิดว่าพวกเจ้านั้นสามารถล้มตระกูลฉินได้ด้วยเพียงกำลังของตัวเอง พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ข้าเป็นพันธมิตรของตระกูลฉิน “ชิงสุ่ยมองไปที่ฉ่ายหยางด้วยท่าทางดูถูก

 

อย่างใดก็ตามชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าตระกูลกู๋นั้นอยู่เบื้องหลังการต่อสู้ครั้งนี้ มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถทำลายตระกูลฉินได้ นอกจากนี้พวกทั้งสองตระกูลนั้นก็มีความขัดแย่งระหว่างกัน ดังนั้นพวกเขาหน้าจะไม่ปล่อยตระกูลฉินไปง่ายๆในตอนนี้

 

ในตอนฉ่ายหยางนั้นรู้ดีว่าเขานั้นไม่สามารถจัดการเรื่องต้นนี้ได้อย่างแน่นอนเขาจึงได้ถอยกลับไปและไปรวมกับกลุ่มหลัก แต่ถึงอย่างไรมันก็สายเกินไปแล้ว ด้วยย่างก้าวเก้าเทวาของชิงสุ่ย มันไม่แม้แต่พวกเขาจะมีโอกาสหนี

………

 

ในขณะนี้ชิงสุ่ยได้หันไปมองฉินชิงที่อยู่ห่างๆและกล่าวว่า “ไปเถอะ กลับไปดูท่านปู่ของเจ้ากัน!”

 

ในตอนนี้ฉินชิงมองไปที่เขาด้วยสายตาที่กังวลก่อน ที่จะเหาะตามเขาไป

 

เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาไปถึงที่นั่นตระกุลฉินนั้นก็สร้างม่านพลังออกมาป้องกันแล้ว ในตอนนี้โล่แสงสีขาวได้ปกคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสน์ โดยที่มีชายชราเป็นศูนย์กลางของพลัง

 

ในตอนนี้มีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนทีได้โจมตีลงไปที่โล่แสงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการะเบิดออกอยู่เป็นครั้งคราวที่โล่ดังกล่าว ในตอนนี้เกิดรอยราวขึ้นทุกจุดบนโล่อันนี้

 

“ทุกคนอย่าได้หยุดมือรีบโจมตีลงไป  จิ๊งจอกเฒ่านั้นมาถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เราทำลายโล่อันนี้ไปได้ ตระกูลฉินนั้นก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!

 

“ใช่ ฆ่าพวกมัน!”

 

……

 

เมื่อชิงสุ่ยมาถึงเขาไม่พูดอะไรมากก่อนที่จะ พุ่งเข้าไปที่พวกเขา “ดูเหมือนว่าขยะกองนี้ยังไม่ถูกจัดการสินะ?”

 

“นั่นใครกัน? โอ้ท่านหญิงชิงท่านอยู่นี่นี่เอง! “ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อเห็นฉินชิง

 

“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ”ชิงสุ่ยกล่าวก่อนที่เข้าจะมองไปที่ฉินชิง

 

“สามหาว ตายไปซะ!”ชายคนนั้นกล่าวออกมาเมื่อเห็นท่าทีของชิงสุ่ย ขณะที่เขาเตรีบมรับมือชิงสุ่ย

 

ก้าวพสุธาเอราวัณ!

 

ในตอนนี้ ชิงสุ่ย และ มังกรไอยราเกล็ดทองคำที่ชิงสุ่ยเรียกออกมา ได้ปลดปล่อยการโจมตีออกมาพร้อมกัน  แรงระเปิดอันมหาศาลทำให้ท้องฟ้าแยกออกจากกัน ในตอนนี้มีผู้บ่มเพาะไม่น้อยตายลงไป ถึงแม้ไม่ตายพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีผู้คนอีกประมาณ10คนที่ทำติดอยู่ในสภาพวิงเวียนศีรษะเนื่องจากแรงระเบิด ในบรรดาสิบนั้นมีคนสองคนเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้รอช้างเข้ารีบพุ่งไปและจู่โจมลงไปที่หัวของพวกเขาในทันที มันทำให้ศีรษะของพวกเขาได้ระเบิดออกมาดังดอกไม้ไฟสีเลือดในทันที

 

เช่นเดียวกับอสูรสยบมังกรได้ไล่จัดการกับผู้บ่มเพาะระดับทั่วไปรอบๆ  หลังจากการกับผู้บ่มเพาะกลุ่มนั้นเสร็จชิงสุ่ยไม่รอช้า เขาได้หยิบเอาเข็มโลหะเหมันต์ออกมา ก่อนที่จะระดมยิงมันออกไปดังห่าฝน

 

เชนเดียวกับฉินชิง แม้ว่าชิงสุ่ยจะบอกเธอนั้นอยู่เฉยๆ แต่เธอก็มิอาจทำได้ ด้วยความโกรธแค้นในใจของเธอเธอนั้นได้เริ่มไล่สังหารผู้คนเหล่านั้นอย่างบ้างคลั่ง ทีละคนๆ  เมื่อเห็นสถานการร์เปลี่ยนแปลงไปชายชราได้ปลดโล่แสงออกก่อนที่จะพุ่งเข้าไปร่วมกับพวกชิงสุ่ยและฉินชิง

 

ในตอนนี้เสียงระเบิดได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลิ่นคาวเลือดได้ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณแห่งนี้

 

ในตอนนี้ชิสุ่ย และ ฉินชิง ได้เข้าร่วมกับผู้คนที่เหลือ ด้วยทักษะของชิงสุ่ยทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มอีก10% ถึงแม้มันจะไม่ทำให้พวกเขาได้เปรียบมากนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้เสียบเพียบดังก่อนหน้านี้

 

ในตอนนี้อสูรสยบมังกรได้สร้างความหวดกลัวให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก แม้ว่ามันจะเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศระดับสูง มันก็สามารถสร้างพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่เกือบอยู่ในจุดสูงสุดของปราณบัญชาสวรรค์พินาศก็มิอาจรับมือกับมันได้

 

นอกจากนี้ยังมีเข็มพิษของชิงสุ่ย ด้วยความเร็วที่มากมายเกินจะต้านทานทำให้ผู้คนจำนวนมากกว่า30คนถูกสังหารลงไป ถึงแม้ตัวของเข็มนั้นจะไม่สามารถสังหารผู้คนเหล่านั้นได้ในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่น่าหวาดกลัวกว่านั้นก็คือพิษร้ายที่สะสมอยู่ในเข็มพิษ เพียงแค่สัมผัสมันเพียงเล้กน้อยแม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับสูงก็ยังต้องตายอย่างง่ายดาย

 

หลังจากที่ชิงสุ่ยและฉินชิงปรากฏตัวออกมาสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป ถึงแม้มันจะไม่ดีขึ้นกว่าเก่ามากนัก แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในตอนี้คือขวัญและกำลังใจของตระกูลฉิน

 

“ชิงสุ่ย ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกลับมา ” ชายชราเผยรอยยิ้มที่มีความสุข ชิงสุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมาและยิ้มให้กับชายชรา

 

“คนๆนั้นคือผู้นำของพวกเขาสินะ”ชิงสุ่ยชี้ไปยังภาพของชายที่คุ้นเคย เขานั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่ชิงสุ่ยเคยประมือมาครั้งหนึ่งแล้ว มันจึงทำให้ชิงสุ่ยสามารถจดจำเขาได้ดี

 

ในตอนนี้ชายชราได้มองตามนิ้วมือของชิงสุ่ยออกมาไป ก่อนที่จะกล่าว “ดูเหมือนว่าชายชราของตระกูลกู๋จะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย และไม่คิดเลยว่าเขาจะร่วมมือกับคนเหล่านี้เพื่อมาทำร้ายตระกูลขอฉินของข้า”

 

 

มันเป็นตามที่ชิงสุ่ยคาดไว้ตระกูลกู่นั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเหล่านี้จริงๆ นอกจากนี้ถึงแม้ชายชรานั้นจะแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับผู้นำตระกูลกู๋ก็ตามมันก็ยากที่เขาจะรับมือชายผู้นั้นพร้อมๆกับผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ

 

 

“ข้าจะคิดว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าเจ้ายอมถอนตัวออกไป”ชายชรากล่าวออกมา ขณะที่จ้องมองไปที่ชายชราผู้เป็นผู้นำตระกูลกู๋ นี่เป็นการสื่อสานทางจิตระหว่างพวกเขาทั้งสอง

 

ถึงอย่างไรก็ตามในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปแล้วชายชราคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมถอนกลับไป “วันนี้ตระกูลฉินต้องหายไปจากโลกใบนี้ ทำไมเจ้าไม่ลองอ้อนวอนข้าดูละเพื่อข้าจะเมตาปล่อยเจ้าไป”ชายชราตอบกลับมา

 

“ไอชาติชั่ว ในเมื่อเจ้าเลือกเส้นทางนี้เองก็อย่าหาว่าข้านั้นไร้ซึ่งความเมตากันละ!”

 

 

ในตอนนี้การต่อสู้ได้ลุกลามาถึงช่วงสุดท้าย ชิงสุ่ยได้ถอยตัวออกมาจาแนวหน้าพร้อมกับฉินชิงเพื่อปกป้องคนอื่นๆไว้ในช่วงนี้ เนื่องจากอสูรสยบมังกรของชิงสุ่ยนั้นทำหน้าที่ได้ดีอย่างมากดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นใช้สมาธิส่วนมากในการควบคุมหุบเขาเก้าเทวาเอาไว้ เพื่อปกป้องคนอื่นๆ นอกจากนี้เขานั้นยังสามารถใช่มันในการช่วยสนับสนุนการโจมตีอีกด้วย

 

ภายใต้การสนับสนุนของชิงสุ่ยทำให้ชายชราและฉินป่ายฟงนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการจำกัดพลังของชิงสุ่ย ที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง จึงทำให้ ชายชราและฉินป่ายฟงนั้นได้เปลี่ยนอย่างมากในการต่อสู้

 

ในตอนนี้ฝ่ายที่คุมเกมได้ตกไปอยู่ในมือของตระกูลฉินเรียบร้อยแล้ว ด้วยสัตว์อสูรและความสามารถของชิงสุ่ยมันให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมาก