บทที่ 1552 – ความสามารถในการควบคุมที่ยอดเยี่ยมของชิงสุ่ย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1552 – ความสามารถในการควบคุที่ยอดเยี่ยมของชิงสุ่ย

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกเพลิดเพลินอย่างมาก ราวกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างนั้นอยู่ภายในเงื้อมมือของเขา ทุกๆอย่างนั้นเป็นไปตามที่เขาวางเอาไว้

 

ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต่างคนพบแล้วว่า ชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวจริงๆ ด้วยความสามารถที่ชายหนุ่มคนนี้ครอบครองเอาไว้นั้นมีเอกลักษณ์อย่างมาก นอกจากนี้มันนั้นยังมีผลต่อผู้คนในวงกว้างอีกด้วย  เดิมทีด้วยความแข็งแกร่งของชายชราและฉินป่ายฟงนั้นแทบจะไม่แตกต่างจากฝ่ายตรงข้ามเลย แต่เมื่อพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากชิงสุ่ย มันนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขานั้นจะการกับฝ่ายตรงข้ามในเพียงหนึ่ง่ามือ

 

ทักษะลางสังหาร!

 

ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราคนหนึ่งที่กำลังจะจู่โจมเข้าไปที่ฉินชิง

ย๊า!

 

ฝ่ายตรงข้ามชะลอตัวลงทันทีเมื่อถูกชิงสุ่ยจู่โจม

เครื่องรางสะบั่นหัวใจ!

 

ชิงสุ่ยนั้นค่อยได้ใช้เครื่องรางสวรรค์ชิ้นนี้มากนักในก่อนหน้านี้  นั้นเพราะเครื่องรางชิ้นนี้นั้นค่อนข้างที่จะดูดซับพลังวิญญาณค่อนข้างมาก นอกจากนี้คู่ต่อสู่ของเขาในอดีตของเขาก็มักเป็นผู้บ่มเพาะที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง จึงทำให้มันเป็นเรื่องยากที่เครื่องรางสวรรค์จะแสดงประสิทธิภาพทั้งหมดออกมา แต่ในตอนนี้เขานั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก จึงทำให้เขานั้นมีความมั่นใจที่จะใช้มันออกมา

 

เหตุผลที่เขาเข้ามาแทรกแซงในตอนนี้ นั้นก็เพราะว่าเขารู้สึกว่าชายชราเป็นภัยคุกคามที่ทรงพลังอย่างมาก หากเขานิ่งเฉย มันอาจจะทำฉินชิงได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านี้

 

ด้วยเครื่องรางของชิงสุ่ยนั้นทำให้การจู่โจมของเขานั้นล้มเหลวลงก่อนที่เขาจะหันกลับมามองที่ชิงสุ่ยด้วยสายตายโกรธเกรี้ยว!

บรรพบุรุษสยบสวรรค์!

 

ฉินป่ายฟงมองไปที่ชายผู้นั้นก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความตกใจ  นั้นเพราะเขาไม่คิดว่าคนที่ชิงสุ่ยนั้นได้ต่อสู้ด้วยในตอนนี้คือบรรพบุรุษสยบสวรรค์ และเขาก็รู้ดีว่าบรรพบุรุษสยบสวรรค์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน

 

หัตถ์ไร้ลักษณ์! หลังจากที่ถูกหยุดเอาไว้ชายชราผู้นี้ก็ได้เปลี่ยนหมายมาที่ชิงสุ่ยแทน

 

หนึ่งฝ่ามือปิดท้องฟ้า! เมื่อเห็นชายชราจู่โจมกลับมาชิงสุ่ยไม่รอช้าที่จสวนกลับไป

 

ในตอนนี้บรรพบุรุษสยบสวรรค์ได้แต่มองไปที่การโจมตีของเขา ซึ่งถูกหักล้างออกไปได้อย่างง่ายดาย มันนั้นทำให้เขาในตอนนี้หมดหวังอย่างมาก แม้ว่าเขานั้นจะเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศก็ยังไม่สามารถทำอะไรเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย ดังนั้นในที่แห่งนี้คงจะยากที่จะมีใครรับมือกับเขาได้

 

การสังหารหมู่ครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป แต่เป็นการสังหารหมู่ในด้านเดียว ทั้งตระกูลฉ่ายและตระกูลเยว่ต่างรู้สึกหงุดหงิดและท้อแท้ใจในเวลาเดียวกัน ส่วนตระกูลกู่นั้น พวกเขาไม่เคยรู้สึกเสียใจอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ มากก่อนและพวกเขานั้นก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ด้วยความเย่อหยิ่ง จองหองและมองผู้อื่นด้วยกว่าจึงทำให้พวกเขานั้นมาพบเจอจุดจบเจนนี้

 

 

บางครั้งความตายนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเสมอไป สิ่งที่หน้ากลัวกล่าวความตายนั้นก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาตายไปเพื่ออะไร เช่นเดียวกับตระกูลเยว่ กู่แลฉ่ายในตอนนี้ พวกเขานั้นไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ และไม่รู้ว่าพวกเขานั้นทำผิดพลาดตรงไหน

 

การสู้รบได้ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องและหดหู ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขาเหลืออยู่ทำให้พวกเขานั้นสามารถยื้อเวลาตายออกไปได้แค่ 1ชั่วยามเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง

 

คอนนี้มีมีซากปรักหักพังอยู่รายรอบ ๆ บริเวณคฤหาสน์ตระกูลฉิน นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวยังเต็มไปด้วยซากศพและผู้บาดเจ็บมากกมาย แม้ว่าการต่อสู้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนท้องฟ้าการตามที

 

จากสงครามครั้งนี้นับว่าตระกูลฉินนั้นได้รับความเสียหายน้อยมาก แต่ถึงอย่างไรก็มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายอยู่ดี  สำหรับชายชราและ ฉินป่ายฟงนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และด้วยความสามารถของชิงสุ่ยนั้นทำให้พวกเขาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนนี้ชายชราได้เดินตรงเข้าไปหาชิงสุ่ย เขานั้นไม่เพียง แต่ช่วยยืดอายุไขของเขาออกไป ทำซ้ำยังเป็นผู้มีบุญคุณในการช่วยเหลือตระกูลฉินของเขาเอาไว้อีกด้วย ในวันนี้ถ้าเขานั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ตระกูลฉินนั้นคงถูกทำลายจนพินาศไปแล้ว

 

“ชิงสุ่ย , ตระกูลของเรา เป็นหนี้บุญคุณเจ้าอย่างมาก และข้าก็เกรงว่า พวกเรานั้นจะไม่สามารถตอบแทนบุญคุณทั้งหมดของเจ้าได้ ตราบเท่าที่เจ้าพบว่าพวกเรานั้นพพเป็นประโยชน์ต่อ เจ้าสามารถบอกเราได้ พวกเราทุกๆคนในตระกูลฉินยินดีทำตามสิ่งที่เจ้าสั่งไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไรก็ตาม “ชายชรามองเข้าไปในดวงตาของชิงสุ่ยและกล่าวออกมาจากใจจริง

 

ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหน้าของเขา”ท่านปู่ ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นทางการกับข้า จริงๆแล้วท่านคิดว่าข้าจะนิ่งเฉยรอดูท่านถูกทำร้ายอย่างนั้นรึ? “

 

ชายชรายิ้มออกมาอย่างสงบ เขาชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ ไม่เพียง แต่เขาสามารถ แต่เขานั้นยังมีมนุษย์สัมพันธ์ที่โดดเด่น ขณะนี้เขาได้หันไปมองที่หลานสาวของเขาและยิ้มออกมาเบาๆ

 

ในก่อนหน้านี้เมื่อชิงสุ่ยนั้นไม่ได้กลับมาพร้อมกับฉินชิง ชายชราคนนี้ก็รู้อยู่แล้วว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้ง ลึกๆขาเอารู้สึกเศร้ามากเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ในครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอชิงสุ่ย  มันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ปลดปล่อยภาระในหัวใจของพวกเขา นั้นเพราะฉินชิง เธอเป็นคนที่โดดเด่นอย่างมากๆจนไม่ทราบว่าจะชายคนไหนที่เหมาะสมกับเธอ กระทั้งความจริงที่ว่าเธอได้นำชิงสุ่ยกลับมาที่บ้านของพวกเขา มันทำให้พวกเขานั้นรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะเข้ามาเป็นครอบครัวของพวกเขาในอนาคต

 

ดังนั้นทุกคนจากตระกูลฉินจึงไม่เคยคิดว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นคนนอกเลย แต่หลังจากการตายของฉินหยิง มันทำให้เมฆหมอกที่มืดครึ้มเข้าปกคลุมในหัวใจของทุกๆคน โดยที่พวกเขาไม่สามารถลบล้างมันไปได้ ไม่ต้องพูดถึงฉินชิงที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด

 

“เอาละทุกๆคน ในเมื่อเรื่องราวที่เลวร้ายมันผ่านไปแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เรานั้นควรจะเฉลิมฉลองกัน “ชายชรากล่าวออกมาด้วยความสุข

 

“เด็กโง่ทำไมเจ้าไม่พาชิงสุ่ยไปพักผ่อนละ ? พวกเจ้านั้นเหนื่อยมามากแล้ว หลังจากพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าและ พวกเราจะได้ลงมาทานอาหารด้วยกัน “ฉินป่ายฟง กล่าวเบา ๆ

 

หลังจากที่ฉินป่ายฟงกล่าวจบทุกๆคนก็ได้ออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียงแค่ชิงสุ่ยและฉินชิงเพียงลำพัง สำหรับเหตุผลที่ชิงสุ่ยกลับมาในครั้งนี้นั้นก็เราะฉินชิง เพียงแค่เธอเท่านั้น นี่ยังรวมถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เขานั้นทำลงไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อเธอเท่านั้น

 

“ขอบคุณ!” ฉินชิงมองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวเบาๆ ในตอนนี้ท่าทางของเธอนั้นดูงดงามอย่างมาก อย่างไรก็ตามจากมุมมองของชิงสุ่ย นี่ไม่ใช่ท่าทางของฉินชิงคนเก่าที่เขารู้จัก

 

“ไม่ต้องการอะไรหรอก เจ้าก็รู้ดีว่าไม่ส่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตามข้านั้นจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้านั้นพบเจอเรื่องราวที่เลวร้ายเพียงลำพังหรอก “ชิงสุ่ยส่ายหน้าก๋อนที่จะถอนหายใจ

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าความรู้สึกที่เจ้านั้นมีให้ข้านั้นเปลี่ยนไป และข้าก็รู้ว่าเจ้านั้นไม่ชอบที่ข้าทำเช่นนี้ แต่ข้านั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในตอนนี้ “ฉินชิงกล่าวเบา ๆ

 

“ข้านั้นเปลี่ยนไปหรือเจ้ากันแน่ที่เปลี่ยนไป เจ้าลองสังเกตใจตัวเองดูก่อนแล้วกัน หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตกลงใครกันแน่ที่เปลี่ยนไป เพราะในตอนนี้ข้ารู้สึกได้เพียง แค่ว่าในหัวใจของเจ้านั้นไม่เหลือที่ใดเลย ที่จะให้ข้าเข้าไป ไม่ว่าข้าจะพยายามเท่าไรมันก็ไม่เคยมีค่าเลย”ชิงสุ่ยส่ายหัวและพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

การตายของฉินหยิงได้ทำให้ฉินชิงสูญเสียความสนใจในเรื่องชายและหญิงไป นอกจากนี้มันยังถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยรับรู้ได้จากเธอในตอนนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกถึงท่าทางมากมายนักต่อเขา แต่เขาก็สามารถสัมผัสมันได้

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฉินชิงก็กล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “ไม่จริงๆ ลึกๆลงไปในหัวใจของข้าแล้วข้านั้นก็ยังคงมีความคาดหวังในตัวของเจ้า “

 

ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว “ความคาดหวังอะไร?”

 

“ข้าหวังว่าจะได้ปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกครั้ง นอกจากนี้มันไม่จริงหรอกที่เจ้าว่าข้านั้นไม่เหลือที่ว่างให้เจ้า ถึงแม้ว่าข้านั้นจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังยัง แต่หัวใจของข้านั้นยังมีเจ้าอยู่เสมอ “ฉินชิงมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยใบหน้าเขินอาย

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินชิงพูดอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับรักความใคร่ออกมา  ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นพยายามที่จะข่มใจเอาไว้และทำตัวให้เป็นปกติ ขณะทีเขาหันไปมองฉินชิงที่ได้หันหน้าหนีไปทางอื่นแล้ว

 

ในตอนนี้ถ้าชิงสุ่ยยังไม่เข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร หลังจากที่เธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขานั้นก็คงจะไม่ใช่คนโงธรรมดา แต่เป็นโคตรโง่  ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ความรู้สึกของเธอที่มีให้เขานั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

ชิงสุ่ยเดินเข้าไปและจับลงที่มือของเธอเบาๆ มันทำให้ฉินชิงสะดุ้งเล็กน้อย แม้ว่าฉินชิงจะไม่ชอบที่เขาทำอย่างนี้ แต่เธอก็ไม่ได้พยายามที่จะขัดขืนแต่อย่างใด เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชิงสุ่ยและว่า “กลับไปเถอะ ข้าอยากจะอาบน้ำแล้ว ในขณะที่ข้ารู้สึกอึดอัดจริงๆ “

 

เป็นเรื่องปกติที่เธอรู้สึกแบบนี้หลังจากที่ผ่านศึกที่หนักหน่วงมา อย่างไรก็ตามเมื่อเธอกล่าวถึงคำว่าการอาบน้ำหัวใจของชิงสุ่ยก็เต้นเร็วขึ้น ก่อนที่จะหัวเราะเขาหัวเราะ “ดีเลยข้าก็กำลังที่อยากไปอาบน้ำเช่นเดียวกัน ทำไมเราไม่ไปด้วยกันละ? “

 

“ฝันไปเถอะ!”

……

 

หลังจากล้างเนื้อล้างตัวจนเสร็จ ชิงสุ่ย และฉินชิง ได้กลับเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ในเวลานั้นก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ในที่แห่งนี้นั้นคือผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรมันก็มีผู้คนไม่กี่คนเท่านั้น

 

ในตอนนี้ชายชราได้เชิญชิงสุ่ยให้ไปนั่งที่มุมโต๊ะเพื่อให้เกียรติ แต่ถึงอย่างไรก็ถูกเขาปฏิเสธเอาไว้ ขณะที่ตอนนี้ชิงสุ่ยได้เลือกที่จะนั่งลงข้างๆฉินป่ายฟง

 

ในตอนนี้การพูดคุยของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความผ่อนคลายอย่างมาก ถึงแม้บางครั้งพวกเขาก็จะพูดถึงเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉ่าน เยว่ หรือกู๋ แต่มันนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ ทุกๆคนที่อยู่ในแห่งนี้ก็ไม่ได้มองชิงสุ่ยว่าเป็นบุคคลภายนอกเลยแม้แต่สักคน มันยิ่งทำให้บทสนทนาของพวกเขานั้นดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

 

เนื่องจากงานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นในเวลาค่ำคืน มันจึงทำให้ทุกๆอย่างสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากยามแล้ว แขกทุกๆคนได้กลับไปพักผ่อนในที่พักของพวกเขา

 

……

 

ในวันที่สองชิงสุ่ยคิดว่าตระกูลฉินนั้นจะดำเนินการกับกลุ่มที่มาจู่โจมพวกเขาเสียอีก แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ พวกเขานั้นไม่ทำอย่างนั้น พวกเขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็ไม่ได้ถามกลับไป สำหรับทักษะที่พิเศษของเขาๆนั้นก็ไม่สามารถถ่านทอดออกมาให้คนอื่นๆนั้นเพราะมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถใช่มัน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงใช้เวลาที่เหลือในการถ่ายทอดรูปแบบต่างๆของเขา เพื่อหวังว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต

 

หลังจากที่เสร็จสิ้นการสอนชิงสุ่ยได้เดินไปข้างหลังบ้าน และพบเจอชายชราที่เดินอยู่ไม่ไกลจากเขา

 

“ชิงสุ่ยทำไมเจ้าถึงไม่ออกมาเดินเล่นกับชายชราคนนี้กันละ!” ชายชรากล่าวด้วยเสียงที่เป็นมิตร

 

“งั้น ข้าขอรบกวนท่านปู่แล้ว!”

 

ชิงสุ่ย ยิ้มและเดินตามชายชราออกไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่ร่มรื่น

 

“เจ้าไม่อยากรู้รึไหมว่าทำไม ข้าถึงไม่ออกไปจัดการกับพวกเขาที่เหลือ?” ชายชรายิ้มและถามขณะเดิน

 

ชิงสุ่ยส่ายหน้าและยิ้มออกไป

 

“ฮ่าๆ เจ้ารู้มั้ยแม้ว่าเราจะเอาชนะพวกเขามาได้ แต่ก็มันก็ยังทำให้เรานั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง นั้นเพราะในตอนนี้มีสมาชิกของเราไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ในตอนนี้เรานั้นเต็มไปด้วยได้รับความนับถือและความกลัวจากผู้คนจำนวนมาก มันทำให้ผู้คนนั้นมองเราไม่ต่างอะไรกับพวกเขา ดังนั้นยิ่งถ้าหากเราลงมือต่อไปมันนั้นจะยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นในตอนนี้ข้าจะได้ใช้ความเมตตากรุณาและความชอบธรรม เข้าสู้ เพื่อสร้างความนับถือในใจผู้คนรอบๆ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการแอบซ่อนกำลังซ่อนขุมกำลังของเราเอาไว้ มันยิ่งจะทำให้คนอื่นๆนั้นหวาดเกรงต่อพวกเรา และไม่กล้าที่จะมาต่อกรกับเรา”

 

ชายชรารู้สึกเสียใจ เมื่อพูดเรื่องนี้ ขึ้นต่อหน้าเขา ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มและกล่าวออกมา “ท่านปู่บางครั้ง การอดทนอดกลั้น นั้นก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรอก มีหลายๆครั้งที่เราต้องละเลยคุณธรรมไปและยอมกลายเป็นปิศาจร้าย มิฉะนั้นท่านจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกอยู่ในวังวนเช่นนี้ต่อไป ให้ในอนาคตพวกเขากลับมาล้างแค้นพวกท่าน ท่านจะทำยังไงกัน”

 

ดวงตาของชายชราเปิดก้าวขึ้น ขณะที่มองไปที่เขา“ข้านั้นคงแก่มากเกินไปแล้ว ชิงสุ่ยจะเป็นไปได้รึไม่หากเจ้ากับชิงเอ๋อจะเป็นคนที่ไปจัดการกับเรื่องที่ค้างคาในตอนนี้?”

 

“แน่นอน นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”หลังจากที่กล่าวจบชิงสุ่ยได้บอกล่าชายชราก่อนที่จะเดินออกมา

 

ในตอนนั้นเองฉินชิงที่แอบหลับอยู่ที่ศาลาไม่ไกลมากได้ตื้นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท่าที่ใกล้เขามา

 

“เป็นเจ้านั้นเอง!”เธอกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าเป็นชิงสุ่ย

 

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าให้เธอก่อนที่จะกล่าว“ทำไมเจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมากันละ?”

 

“ป่าวเลย ข้านั้นยังไม่หลับ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

 

 

“ทำไมกันเจ้าคิดถึงข้าอย่างนั้นรึ”

 

“ชิ งั้นข้าไปนอนจริงๆแล้วก็ได้!”เธอกล่าวออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นและหันหลังกลับไป

 

“ฉินชิง ท่านปู่ของเจ้าวางแผนให้เราไปจัดการกับคนอื่นๆที่เหลืออยู่ ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะว่างไปกับข้าเมื่อไร่กัน?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมามันทำให้เธอนั้นหยุดชะงักลงในตอนนี้

 

“สักสองวันข้างหน้าเป็นไง ตอนนี้พวกเขาคงอยู่กันไม่ติดแล้ว ข้าอยากดูพวกเขาทุกข์ทรมานมากกว่านี้!”