ตอนที่ 361 ผู้อาวุโสแห่งขุมกำลังมารร้าย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในถ้ำหินขนาดใหญ่ใต้น้ำ ซูเสี่ยวจวิ้นกำลังมองดูสถานการณ์บนพื้นดินผ่านกระจกมายาของเต่ามังกร

ตอนที่เห็นว่าฉินอวี้โม่ฝ่าผ่านแดนทมิฬกลืนกินของจูตี๋ได้สำเร็จ นางก็ดีใจและโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

ทว่าเมื่อเห็นฉีอวิ๋นเหล่ยถูกฝ่ามือศัตรูฟาดจนกระเด็นออกไปและได้รับบาดเจ็บ เด็กสาวก็กลัดกลุ้มกังวลใจอีกครั้ง

จากนั้นเมื่อเห็นว่าทั้งฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ นางก็คลายกังวลขึ้น ทว่าขณะกำลังจะทิ้งตัวลงเพื่อนั่งพัก จู่ๆซูเสี่ยวจวิ้นก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของบุคคลลึกลับและสีหน้าที่บิดเบี้ยวของฉินอวี้โม่

“พี่เต่ามังกร บุคคลลึกลับนั่นคือใครกัน?”

ซูเสี่ยวจวิ้นหันไปมองด้านข้างและเอ่ยถามอสูรมายาที่กำลังเฝ้าสังเกตสถานการณ์ของฉินอวี้โม่และอริอยู่เช่นกัน บัดนี้ลำตัวของมันย่อส่วนเล็กลงจนเหลือขนาดเท่ามนุษย์

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจว่าบุรุษผู้นั้นมีพลังที่เหนือกว่าข้ามาก!”

เต่ามังกรส่ายหน้าเบาๆ

มันจะทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของบุรุษผู้นั้นได้อย่างไร? ทว่าสิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือมันสัมผัสได้ว่าพลังความแข็งแกร่งของบุคคลลึกลับนั้นเหนือชั้นกว่ามันอย่างแน่นอน

“ยิ่งไปกว่านั้น คลื่นพลังของบุรุษผู้นั้นดูจะแปลกประหลาดมาก คาดการณ์ได้ว่าเจ้ามนุษย์ทั้งสองคงจะไม่ใช่คู่มือของเขา”

แน่นอนว่าเต่ามังกรสัมผัสได้ถึงความผิดประหลาดจากคนลึกลับและมันก็รู้สึกเห็นใจไม่น้อย

ดูเหมือนว่ามนุษย์ตัวกระจ้อยทั้งสองที่สู้กับมันก่อนหน้านี้จะไม่ใช่คู่มือของบุรุษลึกลับนั่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเดิมพันที่มันตกลงไว้กับฉินอวี้โม่ก็คงจะไม่มีทางได้ตัดสิน

สีหน้าของซูเสี่ยวจวิ้นก็บูดบึ้งทันทีที่ได้ยินคำพูดของเต่ามังกรข้างกาย

“พี่เต่ามังกร ได้โปรดช่วยพี่อวี้โม่กับพี่อวิ๋นเหล่ย”

เมื่อมองผ่านกระจกและเห็นว่าฉินอวี้โม่กับบุรุษลึกลับเริ่มประจันหน้ากันแล้วและกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เด็กสาวก็หันไปหาเต่ามังกรและกล่าววิงวอนทันที

“เหตุใดข้าจะต้องช่วยพวกเขาด้วยล่ะ? ข้าไม่สามารถเอาชนะบุคคลลึกลับนั่นได้ ต่อให้ข้าออกไป มันก็ไม่ต่างจากการเข้าไปหาความตาย”

เต่ามังกรส่ายหน้าทันที มันไม่มีความคิดที่จะออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยมนุษย์ทั้งสอง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูเสี่ยวจวิ้นก็กัดฟันแน่นด้วยความกังวลใจ เต่ามังกรตัวนี้มิใช่ญาติมิตรหรือคนสนิทของพวกนาง การที่มันพานางเข้ามาซ่อนตัวในนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีพอแล้ว การที่ต้องการจะให้มันออกไปต่อสู้กับบุรุษลึกลับชุดดำซึ่งเป็นเหมือนการรนหาที่ตายนั้น แม้แต่ดรุณีน้อยที่อ่อนประสบการณ์อย่างซูเสี่ยวจวิ้นก็ยังรู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ต้องการให้เรื่องยุ่งยากไปมากกว่านี้และไม่อยากให้เต่ามังกรต้องเผชิญกับอันตรายเพราะพวกนาง

“พี่เต่ามังกร ถ้างั้นก็ช่วยพาข้าออกไปเถอะ ข้าไม่สามารถทนมองดูอยู่เฉยๆทั้งที่พี่ทั้งสองของข้าตกอยู่ในอันตรายหรอก”

ทันใดนั้น ซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่เพื่อให้เต่ามังกรพานางออกไป

วาจาและแววตามุ่งมั่นของนางทำให้เต่ามังกรถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ มันมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความลังเล

“เด็กน้อยเอ๋ย หากข้าส่งเจ้าออกไป มันก็ไม่ต่างจากการส่งคนอีกคนออกไปตาย เรารอดูสถานการณ์กันก่อนเถอะ”

เต่ามังกรอยู่ในมิติพิเศษนี้มาตลอดเวลาที่ผ่านมาและแทบไม่เคยญาติดีกับมนุษย์คนใด ครานี้ ฉินอวี้โม่และสหายทำให้มันรู้สึกประทับใจอย่างมาก สำหรับจูตี๋และพวกที่เพิ่งปรากฏตัวทีหลังนั้น มันไม่ชอบขี้หน้าเลยสักนิด

แม้ว่าลึกๆแล้วมันยินดีช่วยฉินอวี้โม่และสหาย ทว่าพลังของมันก็เทียบกับบุรุษชุดดำไม่ได้ เพราะฉะนั้นต่อให้มันออกไปประจันหน้าในตอนนี้ก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกอย่างเกี่ยวกับบุรุษลึกลับคนนั้นก็แปลกประหลาดโดยแท้ หากเต่ามังกรบุ่มบ่ามทำสิ่งใดอย่างไม่ยั้งคิด เกรงว่ามันคงไม่มีชีวิตรอดเห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้อีก

เมื่อได้ยินคำพูดของอสูรเจ้าถิ่น ซูเสี่ยวจวิ้นก็พยักศีรษะเบาๆ หากว่าเต่ามังกรไม่พานางออกไปข้างนอกนั่น นางก็ไม่มีทางออกไปได้เอง

ณ สมรภูมิรบระหว่างคู่อริทั้งสองฝ่าย ฉินอวี้โม่จ้องมองบุรุษลึกลับตรงหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนของขุมกำลังมารร้ายสินะ!”

“ฮ่าๆๆ ฉลาดดีนี่ คราก่อนที่สหายของข้าครอบครองบุปผาแห่งความมืดไปได้ ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”

อวิ๋นขวงผู้ลึกลับยิ้มอย่างเยือกเย็นและมองสตรีจอมยุทธ์ด้วยความสนอกสนใจ

“เหอะ การที่คนจากฝ่ายมารปรากฏตัวในดินแดนอ้างว้างเช่นนี้ พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”

สมองของนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูแล่นอย่างรวดเร็วขณะคิดหาทางจัดการปัญหาตรงหน้า ในเมื่อไม่มีป้ายหยกอยู่กับตัว หนทางเดียวคือต้องหาทางหลบหนีไปจากที่นี่ให้ได้ บุรุษชุดดำคนนี้ไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆแน่และฉินอวี้โม่กำลังมองหาจังหวะที่เหมาะสม

“ฮ่าๆๆ อย่ามัวแต่ถ่วงเวลาเลย ในเมื่อเจ้าไม่ยอมจำนน ก็อย่าโทษว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน”

บุรุษลึกลับยิ้มเย็นชาและจู่ๆเขาก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา

ทันทีที่คู่ต่อสู้หายตัวไป ฉินอวี้โม่ก็เตรียมความพร้อมอย่างรวดเร็วขณะชุดเกราะแวววับเป็นประกายปรากฏรอบตัวนางไว้

ตู้ม!

และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่การป้องกันก่อตัวจนสมบูรณ์ ฝ่ามือทรงพลังก็ฟาดเข้าใส่ฉินอวี้โม่อย่างจัง

ผลัวะ!

ฉินอวี้โม่ถูกฝ่ามือฟาดกระเด็นออกไปทันที ละอองเลือดกระเซ็นออกจากปากและอวัยวะภายในของนางก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“อวี้โม่!”

แน่นอนว่าฉีอวิ๋นเหล่ยซึ่งอยู่ไม่ไกลมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าของเขาถอดสีทันทีขณะโบกมือกำจัดคู่ต่อสู้หลายคนรอบตัวและพุ่งตรงเข้าไปหาอวิ๋นขวงอย่างไม่ลังเล

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”

อวิ๋นขวงผู้นี้เพียงยิ้มบางๆและไม่ได้เห็นฉีอวิ๋นเหล่ยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เขาเหวี่ยงฝ่ามือฟาดฉีอวิ๋นเหล่ยอย่างรวดเร็ว

ฉีอวิ๋นเหล่ยต้านทานด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ทว่าฝ่ามือของผู้อาวุโสลึกลับผู้นี้ก็ทรงพลังอย่างที่สุด แม้ว่าตอนนี้เขามีพลังเพิ่มถึงขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุด เขาก็ยังถูกฟาดจนกระเด็นออกไป

ร่างของเขาพลิกตัวหมุนกลางอากาศหลายรอบก่อนที่จะทรงตัวได้

“พวกเจ้ามีพรสวรรค์มากทีเดียว ทว่าพลังของพวกเจ้าในตอนนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป หากปล่อยให้พวกเจ้าได้มีเวลาเติบโตล่ะก็ ข้าเองก็คงต้องปวดหัวทีเดียว”

บุรุษชุดดำมองฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยอย่างวางท่าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงยโสโอหังอย่างยิ่ง

ร่างของฉินอวี้โม่พุ่งก็ตรงไปปรากฏข้างกายฉีอวิ๋นเหล่ยอย่างรวดเร็ว

เมื่อครู่นี้ที่ฉีอวิ๋นเหล่ยถูกโจมตี นางก็ชิงจังหวะนั้นในการกินโอสถเข้าไปและบาดแผลที่นางได้รับก็ค่อยๆฟื้นตัว

“พี่อวิ๋นเหล่ย ข้าจะรับมือกับเขาไว้ ท่านหาโอกาสหนีไปก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบาๆ เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาของนาง นางจึงไม่ต้องการให้ฉีอวิ๋นเหล่ยเดือดร้อนไปมากกว่านี้

“ไม่ได้ เจ้าต้องหนีไปก่อน ข้าสามารถรับมือกับอวิ๋นขวงได้อีกสักพัก”

ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวโดยไม่ลังเลและปฏิเสธข้อเสนอของฉินอวี้โม่ทันที

ไม่มีทางที่เขาจะหนีไปก่อนอย่างแน่นอน หากเกิดอะไรขึ้นกับฉินอวี้โม่ เขาคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชั่วชีวิต

นอกจากนี้ เขาก็เป็นบุรุษและมีอายุมากกว่าฉินอวี้โม่ บิดาของเขาและบิดาของนางก็เป็นสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และแม้แต่เขาเองก็ถือว่ามิตรสหายที่ดีที่สุดของฉินอวี้โม่

ในคราวเผชิญกับภยันตรายเช่นนี้ เขาต้องอยู่ข้างหน้าและปกป้องฉินอวี้โม่ไว้

“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องคิดหนีไปไหนหรอก ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าในตอนนี้ เพียงแต่จะจับพวกเจ้ากลับไป”

บุรุษลึกลับยิ้มอย่างเย็นชาและเข้าใจความคิดของทั้งสองได้เป็นอย่างดี แรงกดดันมหาศาลจากเขาแผ่ตรงไปที่ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยจนทั้งสองแทบหายใจไม่ออก

“ฝันไปเถอะ ต่อให้ต้องตาย พวกข้าก็ไม่มีทางกลับไปกับเจ้าเด็ดขาด!”

ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวตอบโต้ทันที ในขณะเดียวกันร่างของเขาพุ่งตรงออกไปเพื่อโจมตีอวิ๋นขวง

บุรุษลึกลับผู้นี้จะต้องมีสถานะในขุมกำลังมารร้ายที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ในเมื่อเขาต้องการจับพวกเขากลับไป มันจะต้องมีแผนการบางอย่างแอบแฝงอยู่เป็นแน่

ไม่ว่าอย่างไร ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยไม่มีทางยอมให้แผนการสมคบคิดนี้สำเร็จอย่างแน่นอน

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและพุ่งตรงออกไปโจมตีอวิ๋นขวงเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน นางกล่าวเรียกอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าจะสื่อสารกับซิวได้หรือไม่ ทว่าหลังจากตะโกนเรียกหลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบกลับแม้แต่น้อย

ภายในมิติพิเศษแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าการสื่อสารของนางกับซิวถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง

ตู้ม!

ภายใต้การร่วมมือโจมตีของฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย อวิ๋นขวงก็ไม่มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนแต่อย่างใด

แม้แต่อาวุธก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเขายกฝ่ามือขึ้นฟาดอีกครั้ง ทั้งฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็กระเด็นปลิวออกไป

พรวด!

ทั้งสองกระอักเลือดคำโตออกมาและสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

อวิ๋นขวงผู้นี้ พลังของเขาผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ต่อให้ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินเทียน ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็คงจะไม่เสียเปรียบมากเท่านี้

ฉินอวี้โม่ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดที่นางเผชิญนับตั้งแต่มาที่ดินแดนแห่งนี้ พลังของบุรุษลึกลับเกินกว่าที่นางคาดไว้มาก ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่สามารถเรียกอสูรมายาออกมาในมิติพิเศษนี้ได้ พลังของนางจึงลดลงไปมาก หากว่าเรียกมารยาออกมาที่นี่ได้ ฉินอวี้โม่ก็คงจะไม่เสียเปรียบถึงเพียงนี้

“มาเถอะ พวกเจ้าจะตามข้ากลับไปดีๆหรือจะต้องให้ข้าใช้กำลัง”

อวิ๋นขวงมองสองจอมยุทธ์ด้วยความชื่นชมไม่น้อย เขาไม่ได้โจมตีอีกต่อไปทว่ามองทั้งสองและรอฟังคำตอบของพวกเขา

ภายในถ้ำหินใต้น้ำ ซูเสี่ยวจวิ้นก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป

“พี่เต่ามังกร ได้โปรดเถอะ ช่วยพาข้าออกไป ข้าอยากไปช่วยพี่อวี้โม่และพี่อวิ๋นเหล่ย”

ซูเสี่ยวจวิ้นปรี่เข้าไปหาเต่ามังกรพร้อมกล่าววิงวอนและแทบคุกเข่าลงบนพื้น

“ข้าให้สัญญากับฉินอวี้โม่นั่นว่าจะช่วยปกป้องเจ้า ข้าพาเจ้าออกไปข้างนอกไม่ได้”

เต่ามังกรส่ายหน้าพร้อมปฏิเสธเสียงแข็งทว่าสีหน้าของมันก็ไม่สู้ดีนัก

“ได้โปรด พาข้าออกไปเถอะ พวกเขาเป็นมิตรสหายที่ดีของข้า จะให้ข้าหลบเอาตัวรอดอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้”

ซูเสี่ยวจวิ้นมองเต่ามังกรและคุกเข่าลง นางไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยสักนิด นางต้องการยืนอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่และร่วมเป็นร่วมตายกับมิตรสหายของนาง

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กสาว เต่ามังกรก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

ทว่าจู่ๆมันก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวออกไปทันที “เจ้าออกไปจากที่นี่ได้รึไม่?”

ซูเสี่ยวจวิ้นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่านางก็พยักศีรษะเบาๆ

ป้ายหยกของนางยังอยู่กับตัวและนางออกไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ

“ถ้างั้นเจ้าจงออกไปและขอความช่วยเหลือมาที่นี่เถอะ”

เต่ามังกรกล่าวสิ่งที่คิดไว้

“แต่.. แต่พี่อวี้โม่กับพี่อวิ๋นเหล่ยอาจจะรับมือถึงตอนนั้นไม่ได้!”

ใช่ว่าซูเสี่ยวจวิ้นไม่นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน เพียงแต่นางเห็นแล้วว่าฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยไม่สามารถรับมือและถ่วงเวลาได้นานถึงเพียงนั้น

“ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยพวกเขาถ่วงเวลาไว้ก่อน เจ้ารีบออกไปแจ้งให้คนข้างนอกทราบและนำคนเข้ามาช่วยพวกเขาโดยเร็วก็พอ”

เต่ามังกรกล่าวตามตรง อันที่จริงแล้วมันก็ทนเห็นสถานการณ์นี้ไม่ได้เท่าไหร่นัก

ฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นทำให้มันรู้สึกถูกชะตามาก และมันรู้สึกซาบซึ้งกับทัศนคติที่ซูเสี่ยวจวิ้นมีต่อสหายทั้งสองอย่างยิ่ง มันทนเห็นฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยต้องตายไปตรงหน้าไม่ได้จริงๆ

“จริงรึ?! พี่เต่ามังกร!”

ซูเสี่ยวจวิ้นตกใจทันทีที่ได้ยินคำพูดของเต่ามังกร ทว่าเมื่อเรียกสติขึ้นมาได้ นางก็ดีใจสุดขีด

“ถ้างั้นข้าจะรีบออกไปขอความช่วยเหลือและก็ขอขอบคุณพี่เต่ามังกรเป็นการล่วงหน้า”

เด็กสาวไม่รอช้าและหยิบป้ายหยกออกมาหักทันที จากนั้นร่างของนางกลายเป็นแสงสว่างและหายวับไปต่อหน้าต่อหน้าของเต่ามังกร

เต่ามังกรส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ก่อนกลับคืนร่างเดิมและเคลื่อนตัวออกจากก้นทะเลสาบ

บัดนี้ ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยถูกฝ่ามือของอวิ๋นขวงฟาดออกไปอีกครั้ง เพียงแต่ครานี้เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปและยื่นมือออกไปเตรียมจับตัวทั้งสองไว้ทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ลำตัวมหึมาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยซึ่งขัดขวางมือของเขาที่ยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว

.