“หุบปาก!” ใบหน้าเฉียวเหลียงเข้มขึ้นขณะจ้องหน้าลู่หงคุน “ถ้าแกกล้าเรียกฉันว่า ‘พี่’ อีกครั้ง ฉันจะตัดลิ้นแก!”
“เฉียวเหลียง เขาเป็นน้องชายแกนะ!” ลู่กวงสยงจับมือลู่หงคุนและจ้องมองเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “น้องชายหรือ ลูกนอกกฎหมายที่เกิดจากผู้หญิงแพศยาไม่สมควรเป็นน้องชายฉัน!”
นอกห้องทำงานเฉียวเหลียง นอกเหนือจากอันเฮา ‘คณะเลขานุการ’ คนอื่นๆ ดูไม่แปลกใจเลย อันเฮามองเลขานุการคนอื่นๆ ด้วยท่าทางลังเล และถามเบาๆ ว่า “เราจะปิดประตูให้ท่านประธานดีไหม”
ทุกคนมองไปที่ประตูห้องทำงานท่านประธานที่เปิดกว้างแล้วส่ายศีรษะ “ท่าทางพ่อกับลูกชายน่าจะถูกโยนออกจากบริษัทในนาทีสองนาทีนี้แหละ ไม่ต้องห่วง แล้วอีกอย่างท่านประธานก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่าด้วย” เมื่อจบคำพูดนั้น เลขานุการหนุ่มก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาให้เข้าไปใกล้ประตูมากกว่าเดิม แล้วถามเบาๆ “คุณเก้าครับ ยังอยากฟังต่อหรือเปล่า”
มีเสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ “อย่าพูด ฉันไม่ได้ยินเสียงอันไพเราะของเสี่ยวเฉียวเลย เวลานายพูด!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้อันเฮาก็ตัวสั่น เสี่ยวเฉียวเหรอ ผู้ชายคนนั้นเรียกท่านประธานว่าเสี่ยวเฉียวอย่างนั้นเหรอ และเขาแอบฟังท่านประธาน! แล้วยังบอกอีกว่า คำด่าของท่านประธานเป็นเสียงอันไพเราะ พระเจ้า ที่เธอได้ยินเมื่อกี้คืออะไรกัน…
จู่ๆ อันเฮาก็รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย เธอได้ล่วงรู้ความลับอันยิ่งใหญ่ของท่านประธาน! ถ้าท่านประธานรู้ว่าเธอรู้ความลับของเขา เขาอาจฆ่าปิดปากเธอ!
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นสวมหน้ากากทุกครั้งที่มาพบประธาน! แสดงว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงสาวสวย แต่เป็นผู้ชาย!
อันเฮาไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านประธานผู้หล่อเหลา และเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว จะรักกับผู้ชาย!
เธอเพิ่งตาสว่าง!
ในห้องทำงาน ลู่หงคุนหน้าแดงก่ำ จ้องเฉียวเหลียงเขม็ง เขาโกรธมากทำให้พูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด “แกคิดว่าฉันอยากเรียกแกว่าพี่อย่างนั้นหรือ แกมันก็แค่ลูกแม่หม้ายผัวทิ้ง! แกคิดว่าแกดีกว่าฉัน…” ก่อนจะได้พูดจบ เขาก็ถูกเตะออกจากห้องพร้อมด้วยเลือดที่กบปาก
ลู่กวงสยงรีบวิ่งไปคุกเข่าลงช่วยประคองลู่หงคุนทันที และตะโกนใส่เฉียวเหลียง “เฉียวเหลียง! นี่แกจะทำอะไร!”
“ในเมื่อคุณไม่รู้จักสั่งสอนลูกชายคุณอย่างถูกต้อง ผมก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนให้เอง!” เฉียวเหลียงเดินไปข้างหน้า ลากลู่กวงสยงออกจากลูกชาย ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงขาไปข้างหลัง แล้วเตะเข้าที่ซี่โครงลู่หงคุนอย่างแรง ลู่หงคุนกลิ้งไปบนพื้น ครวญครางและร้องคร่ำครวญขอวามเมตตา อย่างไรก็ตามเฉียวเหลียงไม่ยอมหยุด เขาเตะกระหน่ำต่อเนื่องไม่หยุด จนกระทั่งรองเท้าหนังสีดำของเขาเปื้อนเลือดที่สาดกระเซ็น เขาเช็ดรองเท้าจนสะอาดบนร่างลู่หงคุน หันไปมองลู่กวงสยงที่พยายามทุบตีเขา และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้าอยากเป็นคนไร้บ้านก็เข้ามาสิ มาล้างแค้นให้ลูกชายคุณ ถ้าอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมีถูกทำลายย่อยยับ ก็ลองดู!”
อันเฮาปิดตา ไม่กล้ามองฉากความรุนแรงนั้น ในขณะที่เลขานุการคนอื่นๆ มองดูอย่างสนุกสนาน และหนึ่งในนั้นกำลังสนทนาทางวิดีโอคอลกับนายเจส…
เมื่อเห็นฉากอันสุดบรรยายนี้เจสก็อุทาน “เสี่ยวเฉียว คุณคือไอดอลของผม!”
เฉียวเหลียงมองไปที่เลขานุการคนนั้น ซึ่งรีบเก็บโทรศัพท์มาถือไว้กับตัว แต่เฉียวเหลียงเดินเข้าไปหาเขา เขาจึงต้องยื่นโทรศัพท์ให้เฉียวเหลียง เฉียวเหลียงรับโทรศัพท์มาและเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเจส เขายิ้มให้เฉียวเหลียงและยกมือขึ้นทักทาย เฉียวเหลียงมองใบหน้านั้นด้วยสายตาดุร้ายและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้าผมได้ยินคุณเรียกผมว่าเสี่ยวเฉียวอีกครั้งเดียว คุณจะได้ลงเอยเหมือนกับเขา!”
“โอ คุณโหดร้ายกับผมแบบนี้ได้ยังไง! คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมาก…”
น้ำเสียงเฉียวเหลียงเยือกเย็นยิ่งขึ้นไปอีก “ถ้าผมได้ยินคุณพูดแบบนี้อีก ผมจะ…”
“โธ่ คุณนี่ ไม่มีอารมณ์ขันเลย!” เจสบ่น ดูเหมือนเฉียวเหลียงจะไม่สนใจเลยว่า การสนทนาระหว่างเขากับเจสจะได้ยินไปถึงลู่กวงสยงและลู่หงคุน เขาคำราม “ทำไมผมต้องมีอารมณ์ขันกับคุณ”
“วู้ว ผมรู้แล้ว อารมณ์ขันของคุณเก็บไว้สำหรับ…” เจสยิ้ม “สำหรับสาวน้อยคนสวยของคุณใช่ไหมล่ะ ฮ่า ฮ่า… ผมรู้นะว่าคุณมีแฟน แต่ไม่ยอมให้ผมรู้! ไม่อย่างนั้นผมอาจอยากขโมยแฟนคุณ!”
เฉียวเหลียงหรี่ตามอง เจสยักไหล่ “คุณกลัวว่าจะมีใครมาลักพาตัวเธอไปเพื่อข่มขู่คุณ ถ้ามาได้ยินสิ่งที่ผมพูดใช่ไหมล่ะ คุณจะอยู่เฉยๆ เหมือนคนง่อย ปล่อยให้แฟนคุณถูกลักพาตัวไปได้ยังไง…”
เฉียวเหลียงตัดสายวิดีโอคอลและโยนโทรศัพท์กลับไปที่ ‘เลขานุการ’ จากนั้นก็หันไปมองลู่หงคุน ซึ่งนอนอยู่บนพื้น ลู่กวงสยงจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เฉียวเหลียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผมจะให้เวลาห้านาทีเอาไอ้นรกนี่ออกไปจากเฉียวกรุป หรือไม่อย่างนั้นผมจะโยนคุณออกไปเอง”
“แกไม่กลัวหรือว่าเราจะถูกพวกนักข่าวถ่ายรูป ถ้าปล่อยให้ฉันเดินออกไปแบบนี้” ลู่กวงสยงกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้แกก็ซ้อมหงคุนขนาดนี้แล้ว เอามาให้ฉันสองพันล้านหยวน แล้วฉันจะเสแสร้งว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันจะไม่ให้แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ จะไม่แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันปล่อยแก! ตายก็ต้องตายด้วยกัน!”
“ผมไม่รังเกียจหรอกนะที่จะส่งคุณไปลงนรก หากคุณอยากตาย!” เฉียวเหลียงจ้องหน้าลู่กวงสยงเขม็งอย่างดุดัน และกล่าวอย่างเย็นชา “ลู่กวงสยง มีเพียงลู่หงคุนเท่านั้นที่เป็นลูกชายคุณ จำไว้ว่าถ้าคุณไม่อยากตาย ไม่อยากให้ลูกชายคุณตาย ก็ประพฤติตัวให้ดี ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รังเกียจที่จะส่งคุณทั้งสองคนไปลงนรก อย่าได้ทดสอบความแข็งแกร่งของผม เพราะคุณจะต้องเสียใจ”
เฉียวเหลียงหันหลังกลับ เดินเข้าห้องทำงานโดยไม่ชายตามองลู่กวงสยงและลู่หงคุน ลู่กวงสยงหรี่ตาลง ขณะมองเฉียวเหลียงปิดประตูห้องทำงาน และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เฉียวเหลียง แกไม่เหลือทางเลือกให้ฉันเองนะ!”
ไม่นานข่าวเฉียวเหลียงซ้อมน้องชายก็เป็นข่าวพาดหัว เซียวจิ่งซึ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จและอ่านข่าวก่อนจะนอนพักรู้สึกตกใจมากกับข่าวนี้ เขาผุดลุกลงจากเตียง รีบไปที่ห้องแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบไปบริษัท เขาขับรถฝ่าไฟแดง และเร่งความเร็วไปตลอดทางกว่าจะถึงอาคารเฉียว ที่ทางเข้าอาคารมีนักข่าวมากมายมาจับกลุ่มกัน เมื่อเห็นเขาบรรดานักข่าวก็เข้ามาห้อมล้อมทันที “ท่านประธานเซียว จริงไหมครับที่ท่านประธานเฉียวซ้อมลู่หงคุน กรรมการผู้จัดการหงคุนกรุป”
“ท่านประธานเซียว ได้ยินว่าประธานลู่เป็นคนให้ข่าวเอง และเอารายงานผลการตรวจร่างกายให้สื่อดูด้วย ท่านประธานเฉียวเป็นคนทำจริงๆ หรือเปล่า”
เซียวจิงยิ้ม “พวกคุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ ท่านประธานของเราจะใช้ความรุนแรงอย่างนั้นได้ยังไง เมื่อดูจากลักษณะนิสัยของพวกเขาที่ปรากฏให้พวกคุณเห็น ทุกคนก็คงบอกได้ว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นประธานลู่มากกว่าที่จะทำแบบนั้น จริงไหม นอกจากนี้ท่านประธานของเราไม่เคยทำอะไรลู่หงคุนเลยเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่พ่อเขานอกใจแม่เขาและทิ้งเขาไป แล้วแม่เขายังตกเป็นเหยื่อโดนแม่ลู่หงคุนทำร้ายอีก ไม่ช้าเกินไปหน่อยหรือที่เขาจะมาซ้อมลู่หงคุนตอนนี้”