เซียวจิ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาที่มีต่อเฉียวเหลียงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ และยังพลิกคดีทำให้ลู่หงคุนจากเหยื่อกลายเป็นผู้กระทำความผิดได้ คำพูดของเขาดูเป็นเหตุเป็นผลสมจริงกว่า จนนักข่าวทุกคนเชื่อเขา นักข่าวคนหนึ่งพยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า” ใช่ ท่านประธานเฉียวดูสุภาพมาก เขาดูไม่เหมือนคนที่จะทำร้ายใครได้ ฉันเคยถ่ายรูปประธานลู่ทำร้ายพนักงานในบาร์ และตีกับคนอื่นมามากมายก่อนหน้านี้ แต่ฉันไม่เคยเห็นท่านประธานเฉียวชกต่อยกับใครเลย”

 

 

“ใช่ ฉันเคยเห็นประธานเฉียวครั้งหนึ่ง เขาดูเหมือนมนุษย์อมตะที่มาจากโลกอื่น เขาแทบไม่พูดคุยกับผู้คน เขาจะซ้อมคนอื่นได้ยังไง! ประธานลู่อาจแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อรีดไถเงินจำนวนมากจากเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เพราะบริษัทเขากำลังจะล้มละลาย”

 

 

นักข่าวทุกคนพยักหน้า “ใช่ ใช่ เพราะถึงยังไงเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของจีน หรือในเอเชียด้วยซ้ำ เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะคิดแบบนี้”

 

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนักข่าวเซียวจิ่งก็ยิ้ม จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้น กล่าวอย่างเคร่งขรึม “บริษัทเราจะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายผู้นำของเรา แผนกกฎหมายของเราจะยื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อการกระทำนี้ ทุกท่านโปรดรอคำตัดสินของศาล ขอบคุณนะครับที่ให้ความสนใจ แล้วเจอกันครับ”

 

 

จบคำพูดเซียวจิ่งก็หันหลังเดินจากไป เมื่อเข้าไปในลิฟต์หน้าเขาบึ้งตึงทันที หลังจากมาถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของเฉียวเหลียง เขาก็เดินหน้าเข้มไปที่ห้องทำงานเฉียวเหลียง เมื่อเห็นเขาอาห้ารีบเข้ามาหา เซียวจิ่งกล่าวเสียงเครียดว่า “นายตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบริษัทหรือยัง มีรูปแสดงให้เห็นว่าลู่หงคุนถูกเฉียวเหลียงทำร้ายไหม”

 

 

“มีครับ” อาห้าพยักหน้า “แต่ผมลบรูปพวกนั้นหมดแล้ว และผมให้อาหกตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของพนักงานด้วย ให้แน่ใจว่าไม่มีคลิปวิดีโอเรื่องนี้อยู่ในโทรศัพท์ใคร คุณเซียวจิ่งวางใจได้ครับ”

 

 

“บ้าชะมัด” เซียวจิ่งขมวดคิ้ว เอามือล้วงกระเป๋า กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ฉันกำลังจะหลับอยู่แล้ว จู่ๆ ก็เห็นข่าว ฉันเกือบตกเตียงแน่ะ! เขาเป็นอะไรไป ทำไมอยู่ดีๆ ถึงลุกขึ้นมาซ้อมลู่หงคุน!”

 

 

เมื่อถึงตอนนี้ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก เซียวจิ่งชะงัก เฉียวเหลียงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จ้องมองมาที่เขาและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันอยากทำ”

 

 

เซียวจิ่งขยับริมฝีปากฝืนยิ้ม “อ้อ… ดี นายอยากทำ? ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปข้างนอก ไปตอบคำถามนักข่าวพวกนั้นด้วยตัวนายเอง! อย่ารอให้ฉันแก้ปัญหาให้! รับผิดชอบในสิ่งที่นายทำด้วย!”

 

 

“ฉันขอให้นายแก้ปัญหาให้ฉันเหรอ” เฉียวเหลียงกล่าวขณะเดินไปที่ลิฟต์ เซียวจิ่งรีบตามเขาจนทัน “นายจะทำอะไร”

 

 

“ฉันมีธุระต้องไปทำ” ขณะที่เขาพูดประตูลิฟต์ก็ปิดลง เซียวจิ่งมองหน้าอาห้าแล้วตะโกน “เร็วสิ ตามเขาไป นายจะรับผิดชอบไหวไหม ถ้าเขาไปสร้างปัญหา”

 

 

อาห้ารับคำ และพยายามรีบตามเฉียวเหลียงไปให้ทัน แต่ลิฟต์อีกตัวยังคงอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เขาจึงรีบวิ่งลงบันไดไล่ตามเฉียวเหลียงไป เซียวจิ่งยืนอยู่หน้าลิฟต์ มองดูเลขบอกชั้นที่เลื่อนไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอนหายใจ “ขอฉันพักหน่อยสิ!”

 

 

เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นของเขาอีกครั้ง เซียวจิ่งเอามือออกจากกระเป๋า และกำลังจะเข้าไปเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา เซียวจิ่งเลิกคิ้ว ไม่ได้สนใจเธอ และกำลังจะเดินเข้าลิฟต์ไป แต่ผู้หญิงคนนั้นจับแขนเขาไว้ เซียวจิ่งเลิกคิ้วขึ้นมองมือเธอที่จับแขนเขา แล้วขมวดคิ้วถามอย่างเย็นชา “มีอะไรหรือ” น้ำเสียงเขาเยือกเย็นและไร้อารมณ์

 

 

ใบหน้าฉินซินหยิ่งนิ่งขึง จากนั้นก็ยิ้มให้เขาในเชิงขอโทษ เธอเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่ง และถามเบาๆ “ประธานเซียว คุณไม่รู้จักฉันเหรอคะ”

 

 

เซียวจิ่งมองหน้าฉินซินหยิ่ง คำรามอย่างหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา เขาขมวดคิ้วท่าทางงุนงงและถามว่า “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า ผมต้องรู้จักคุณด้วยหรือ”

 

 

“เอ้อ…” ฉินซินหยิ่งตัวแข็ง สาปแช่งเซียวจิ่งอยู่ในใจ คิดว่าคนตระกูลเซียวนี่กวนประสาทเหมือนเซียวโหรวทุกคน โดยเฉพาะเซียวจิ่งคนนี้ เอาไว้เธอได้เป็นภรรยาเฉียวเหลียงเมื่อไร ผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้จะเป็นคนแรกที่เธอไล่ออก!

 

 

เมื่อคิดอย่างนี้เธอจึงยิ้มอ่อนโยน และกล่าวเบาๆ ว่า “เราเจอกันเมื่อหลายวันที่แล้ว ตอนที่ฉันไปหาท่านประธานแต่เขาไม่ได้อยู่ และฉันบังเอิญชนคุณ…” ขณะพูดเธอก้มศีรษะลงด้วยท่าทางเขินอาย

 

 

เมื่อเห็นท่าทางเสแสร้งของเธอ และคิดถึงสิ่งที่เธอทำกับเซียวโหรว เซียวจิ่งก็รู้สึกรังเกียจ และไม่อยากคุยกับเธออีก เขาเลิกคิ้ว พยักหน้าแล้วถามว่า “งั้นหรือ”

 

 

“เอ้อ…” ฉินซินหยิ่งท่าทางเงอะงะ และหยุดชะงักไปสองวินาที ก่อนจะบอกว่า “ฉันทำแฟลชไดรฟ์หายไปวันนั้น จนถึงวันนี้ฉันก็ยังหาไม่เจอ ฉันก็เลยอยากถามคุณว่าคุณเห็นแฟลชไดรฟ์บ้างไหมคะ วันนั้น”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเซียวจิ่งก็นึกดูถูกเหยียดหยามฉินซินหยิ่งมากยิ่งขึ้น สิ่งที่โหรวโหรวพูดนั้นถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้มีความสุขกับเกียรติยศทุกอย่างที่ได้มาจากงานของคนอื่น ผู้หญิงไร้ยางอาย! ตอนนี้เธอทำแฟลชไดรฟ์หาย ไม่สามารถขโมยความคิดผู้อื่นได้อีกต่อไป เธอจึงวิตกกังวลถึงกับมาถามเขา ยอมเสี่ยงที่จะถูกจับได้

 

 

“ขอโทษนะ ผมไม่เห็น เกรงว่าจะช่วยคุณไม่ได้” เซียวจิ่งมองหน้าฉินซินหยิ่งแล้วยิ้ม “ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน”

 

 

ฉินซินหยิ่งรั้งเขาไว้ กล่าวว่า “แต่วันนั้นฉันเจอคุณแค่คนเดียว”

 

 

เซียวจิ่งมองตอบและยิ้มให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นช่างเยือกเย็น เขากล่าวอย่างเฉยเมย “คุณฉิน กรุณาคิดให้รอบคอบก่อนจะพูดอะไร ลองคิดดูให้ดีว่าคุณเจอแค่ผมจริงๆ หรือในวันนั้น แล้วอีกอย่าง คุณขึ้นไปแค่ชั้นหกสิบสามเท่านั้นหรือ”

 

 

หลังจบคำพูดนั้นเซียวจิ่งก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์

 

 

 

 

อาห้าเหงื่อโชกยืนรออยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง เมื่อเฉียวเหลียงมาถึงก็เลิกคิ้วมองดูอาห้า แล้วถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มีอะไร”

 

 

อาห้ากล่าวว่า “นายน้อยครับ ขอให้ผมขับรถให้นะครับ”

 

 

เฉียวเหลียงไม่พูดอะไร ยังคงล้วงมือในกระเป๋ากางเกงเดินออกไปข้างนอกต่อไป อาห้ารีบตามเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นกลุ่มนักข่าวที่ยังรออยู่ นักข่าวรีบเข้ามารุมล้อมทันทีและถ่ายรูปเฉียวเหลียงไม่หยุด เฉียวเหลียงหันไปด้วยสีหน้าเย็นชา นักข่าวบางคนลดกล้องลงเมื่อเห็นประกายตาวาววับของเขา ถึงตอนนี้จู่ๆ นักข่าวที่กล้าหาญคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น “ท่านประธานเฉียวครับ ประธานลู่บอกบนอินเทอร์เน็ตว่าคุณใช้ความรุนแรงกับเขา และทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงไหมครับ”

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉียวเหลียงก็หยุด แล้วหันไปหานักข่าวคนนั้น ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “คุณคิดว่ายังไงล่ะ”

 

 

นักข่าวตกใจ กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “เอ้อ… ท่านประธานเซียวบอกว่าคุณไม่ได้ทำ ประธานลู่ใส่ร้ายคุณใช่ไหมครับ”