ตอนที่ 372 ถูกกำหนดให้เป็นศัตรู
เฟิงอิ๋นพลาดโอกาสแล้ว ให้นางไปทำภารกิจอีกเกรงว่าจะไม่สำเร็จ วิธีที่ดีที่สุดคือให้ชุนเหนียงไปจัดการเรื่องนี้ ตอนนี้ชุนเหนียงอยู่กับเซียวเหยี่ยน มีโอกาสลงมือเมื่อใดก็ได้
“เจ้าค่ะ ศิษย์รับทราบ”
เฟิงอิ๋นรับปาก นางรู้ดีว่าหากเรื่องนี้ไม่สำเร็จ นางกับชุนเหนียงจะเจอผลลัพธ์อย่างไร เว้นเสียว่าจะปลิดชีวิตตัวเองก่อน มิเช่นนั้นอยู่ไปก็เหมือนตาย
นางจบความสัมพันธ์กับเซียวเหยี่ยนอย่างหมดจดบริบูรณ์ไปแล้ว ตอนนี้เพิ่งรู้ว่า ตนเองไร้เดียงสาเกินไป ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะมีใจให้นาง นางก็ไม่สามารถอยู่กับเซียวเหยี่ยนได้ สถานะของพวกเขาถูกกำหนดมาให้เป็นศัตรูกันเท่านั้น
คราวนี้ควรจะทำอย่างไร นางไม่อยากตาย และไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย ไม่มีวิธีใดที่จะได้ทั้งสองอย่าง
“เฟิงอิ๋น เจ้าจำไว้ นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้า
หากไม่อยากเป็นมั่วชิงคนต่อไป ก็คงรู้ดีว่าควรจะทำเช่นไร ไม่ง่ายกว่าเจ้าจะมีวันนี้ เจ้าก็ไม่ใช่คนสติฟั่นเฟือน อย่าได้เห็นแก่ชีวิตของผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลเจ้า เมื่อวานอาจารย์ได้รับจดหมายจากฝั่งเมืองหลวง พวกเขาก็อยากได้หัวของเซียวเหยี่ยน และอย่าแตะต้องหลิงอวี้จื้อ”
“ท่านอาจารย์ เหตุใดทางเมืองหลวงถึงต้องการเก็บหลิงอวี้จื้อไว้เจ้าคะ”
เฟิงอิ๋นรู้มาตลอดว่าเจียงสือติดต่อกับคนที่เมืองหลวงอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร รู้แต่เพียงว่าสำนักอู๋จี๋มีวันนี้ได้ต้องขอบคุณการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากคนผู้นั้น เจียงสือสำนักในบุญคุณของคนผู้นั้นมาตลอด เพียงแต่เจียงสือเป็นคนระวังตัวมาก ติดต่อกับคนที่เมืองหลวงด้วยตนเองตลอด เหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรแม้แต่นางก็ไม่รู้ชัด
“พวกเขามีแผนของตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรยุ่ง ออกไปเถิด!”
“เจ้าค่ะ ศิษย์ขอตัวลา”
เฟิงอิ๋นรับคำแล้วออกไปจากห้องของเจียงสืออย่างเคารพนอบน้อม แต่จิตใจนั้นหนักอึ้ง บางเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว ดันไม่ยอมควบคุมใจของตนเองให้ดี ตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะโทษก็ต้องโทษตัวเอง
วันถัดมาฟ้าเริ่มสว่าง ชุนเหนียงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เตรียมไปห้องครัวทำอะไรกินสักหน่อย นางเกิดในบ้านที่ลำบากยากจนตั้งแต่แรกแล้ว งานบ้านอะไรก็ทำได้หมด พอเข้าไปในสำนักอู๋จี๋ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานพวกนี้อีก ไม่ได้จับมาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชินมือไปบ้าง แต่ก็ยังทำได้
เพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ จู่ๆ ก็มีเสียงที่หน้าต่าง นางมองหน้าต่างอย่างระวังระไว ไม่นานเงาคนสีดำพุ่งพรวดจากหน้าต่างเข้ามาในห้อง รอจนเห็นชัดเจนว่าเงาสีดำนั้นเป็นใคร ชุนเหนียงก็ตกใจจนหน้าขาวซีด เหตุใดจู่ๆ เฟิงอิ๋นจึงมาหานาง สิ่งที่กังวลที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นชุนเหนียงมองตนด้วยสีหน้าตกใจหวาดกลัว เฟิงอิ๋นก็พูดเสียดสีว่า
“ชุนเหนียง แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ เมื่อก่อนอยู่ต่อหน้าข้าไม่ใช่ต้องทำยโสหรอกหรือ ซ้ำยังวางแผนกับเซียวเหยี่ยนหลอกข้า เจ้าหลงคิดว่าตนเองอยู่กับหลิงอวี้จื้อแล้วจะรอดพ้นปลอดภัยหรือ ตัวนางเองยังเอาตัวแทบไม่รอด คราวนี้มั่วชิงก็ไม่อยู่ ใครก็ช่วยเจ้าไว้ไม่ได้”
“เจ้ามาคราวนี้เป็นเจตนาของตนเองหรือว่าเป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก”
ชุนเหนียงรู้ว่ามั่วชิงไม่อยู่ ตอนนี้ก็เกรงว่าจะยังไม่กลับมา ข้างกายหลิงอวี้จื้อก็มีแค่มู่หรงนี่อวิ๋นคนเดียว เขาไม่ใช่คู่แข่งของเฟิงอิ๋นด้วยซ้ำ ใบหน้าชุนเหนียงไม่มีสีเลือด ในใจทั้งหวาดกลัวทั้งหมดหวัง ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับมองเห็นพญายม เสียงเริ่มสั่นเครือ
หากครั้งนี้เฟิงอิ๋นมาหานางเพื่อแก้แค้น นางจะได้ตายง่ายดายสักหน่อย ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอะไร หากเป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก เช่นนั้นตอนนี้นางคงตายไม่ได้แล้ว แต่จะได้อยู่แบบตายทั้งเป็น วิธีการของเจียงสือ หลายปีมานี้ชุนเหนียงเห็นจนชินตา เมื่อนึกถึงขึ้นมาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ข้ายังไม่มีอิสระจะมาจัดการเจ้าได้ ครั้งนี้เป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก”
ตอนที่ 373 ข่มขู่ชุนเหนียง
เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของเจียงสือ ชุนเหนียงก็เริ่มยืนไม่อยู่ รีบเกาะมุมโต๊ะ ฝืนร่างกายเพื่อยืนให้มั่น
เห็นชุนเหนียงตกใจจนมีสภาพเช่นนี้ เฟิงอิ๋นก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“หากเจ้ากลัวขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ควรจะหักหลังเจ้าสำนัก
ชุนเหนียง มีความกล้าที่จะทำ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะรับผิดชอบ แม้จะไปจากเจ้าสำนักแล้ว เจ้าก็ยังทำตัวให้คนอื่นเขาดูถูกเช่นนี้ ครั้งนี้ข้ามาพร้อมกับคำสั่งของเจ้าสำนัก เจ้าสำนักบอกว่าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย”
พูดจบเฟิงอิ๋นก็หยิบสมุนไพรเซียนหลินจือกอนั้นออกมาจากอกเสื้อ
“นี่คืออะไร เจ้าย่อมรู้จักแน่นอน เจ้าสำนักให้เจ้าเอาสิ่งนี้ใส่ในอาหารของเซียวเหยี่ยน หากทำเรื่องนี้สำเร็จ เจ้าสำนักก็จะไม่มาหาเจ้าอีก มิเช่นนั้นผลที่ตามมาเป็นเช่นไรเจ้าคงรู้ดี”
ชุนเหนียงมองสมุนไพรเซียนหลินจื่อในมือเฟิงอิ๋นด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่ต้องถามก็รู้ว่าสิ่งนี้มีปัญหา
เจียงสือยังคงไม่ยอมปล่อยเซียวเหยี่ยน ไม่กี่วันที่ได้คลุกคลีมา นางเห็นพวกหลิงอวี้จื้อเป็นเพื่อนของตนไปแล้ว เดิมทีนางอยากไปให้ไกลความผิดชอบชั่วดีเหล่านี้ อยากมีชีวิตที่เงียบสงบ ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย นางเดินบนเส้นทางที่ไม่มีทางหวนคืน เมื่อเดินไปแล้วก็ไม่มีทางวกกลับ
เมื่อเห็นสีหน้าของชุนเหนียง เฟิงอิ๋นก็คิดในใจแล้วว่าต้องทำอย่างไร นางเอาสมุนไพรเซียนหลินจือยัดใส่มือชุนเหนียง
“ชุนเหนียง ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้า
สำนักอู๋จี๋คือนรก เพียงเข้ามาที่นี่แล้ว หากไม่ตายก็ออกไปไม่ได้ มั่วชิงใช้ความพยายามมากเพียงใดถึงออกไปได้ เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ นางยังมีโอกาส แต่เจ้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ประสบการณ์เช่นนั้น ยอมรับชะตากรรมเสียเถิด!
ไม่ต้องคิดเพ้อฝันไร้สาระอีก ทั้งสำนักอู๋จี๋มั่วชิงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ผู้คุมกฎเฟิง ท่านอ๋องไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”
“เจ้าวางใจเถิด ไม่นานเขาก็มาที่นี่ สิ่งที่เจ้ามีคือโอกาสลงมือ”
พูดจบเฟิงอิ๋นก็เตรียมตัวไป ชุนเหนียงเรียกนางไว้
“เจ้าฆ่าข้าตอนนี้เถิด”
“เจ้านึกว่าตายแล้วจะจบหรือ หากตายแล้ว อาจารย์ก็จะเอาศพของเจ้ามาทำนักรบไร้ชีพ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะทำลายร่างกายนี้ไปสิ้น มิเช่นนั้นถึงแม้จะตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็จะไม่จบ อาจารย์ยังรอเจ้ากลับไปคืนชีพใหม่ ชุนเหนียง อย่าทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
เฟิงอิ๋นไม่ได้หันกลับมา พูดจบก็ออกไปทางหน้าต่าง ห้องกลับสู่ความสงบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เงียบสงบ ราวกับว่าไม่เคยมีใครเข้ามา
ชุนเหนียงนั่งบนเก้าอี้ กำสมุนไพรเซียนหลินจือไว้แน่น นางควรทำอย่างไรดี
นางรู้ดี ถึงแม้นางจะใส่สมุนไพรเซียนหลินจือให้เซียวเหยี่ยนกินตามคำสั่งของเจียงสือ เจียงสือก็จะยังไม่ปล่อยนางเช่นเดิม อย่างมากก็คงตายอย่างสบายขึ้นหน่อย มิเช่นนั้นเฟิงอิ๋นคงไม่ให้นางยอมรับชะตากรรมเสีย เจียงสือไม่ใช่คนใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
นั่งอยู่สักพัก เห็นข้างนอกฟ้าสว่างทั่วแล้ว นางจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องทำอาหารเช้า เก็บสมุนไพรเซียนหลินจือเก็บเข้าอกเสื้อ รีบออกจากห้อง
ทำอาหารเช้าให้เสร็จ ชุนเหนียงกำลังจะเรียกหลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นมากินข้าวเช้า ทั้งสองคนก็ลุกจากเตียงแล้ว เดินตามกันเข้ามาในห้องทานอาหาร
“สายป่านนี้แล้วมั่วชิงยังไม่กลับมา คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ!”
ใจหลิงอวี้จื้ออยู่ไม่สุข ตามปกติ มั่วชิงควรจะกลับมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“หากมีเรื่องจริงๆ คงมีข่าวแว่วมาแล้ว รออีกหน่อยเถิด”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้า พอเข้าไปแล้วยังไม่เห็นอวิ๋นซั่ว หลิงอวี้จื้อจึงพูดว่า
“เอ๊ะ อวิ๋นซั่วเล่า ข้าจะไปเรียกเขา”
พูดจบก็เตรียมจะลุกไปเรียกอวิ๋นซั่ว ชุนเหนียงวางชามกับตะเกียบในมือลง
“คุณหนูหลิง ท่านกินก่อนเถิด ข้าไปเรียกคุณชายอวิ๋นเองเจ้าค่ะ”
“ขอบใจนะ ชุนเหนียง รบกวนเจ้าแล้ว ฝีมือเจ้าไม่เลวเลย”
หลิงอวี้จื้อมองก๋วยเตี๋ยวควันฉุยบนโต๊ะ พูดพลางยิ้มหวาน