ความหยิ่งยโสจากยอดฝีมือสังกัดสำนักหายไปเมื่อมียอดฝีมือเร่ร่อนที่ทรงพลังปรากฏตัว!
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากเมฆา
“ฮ่าๆๆๆ พิธีแลกเปลี่ยนในกระโจมเทพสวรรค์ถูกศิษย์สำนักข้าควบคุมตลอด! ยอดฝีมือเร่ร่อนมาชิงตำแหน่งนี้ไปตั้งแต่เมื่อาไหร่กัน?”
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังตามมากับพลังที่แข็งแกร่งมาก ในพลังนั้นยังซุกซ่อนความป่าเถื่อนเอาไว้ด้วย
ถ้าหากสัมผัสพลังอย่างละเอียดจะพบกับชายผมหยิกที่ไว้หนวด! เขาสวมเสื้อที่คล้ายกับฟางและหมวกไผ่ พลังที่ปล่อยออกมาจากร่างของเขานั้นแข็งแกร่งมาก เขาไปถึงจุดที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวง!
“หนานอู่จากสำนักเตี้ยฉวน!”
ศิษย์สำนักคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความสุข
“เป็นไปได้ยังไง! ก่อนจะมาที่นี่ เขามีแก้วพลังชีวิตแค่สองดวง! เขาไปถึงระดับที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงแล้วรึ?”
แม้ว่าหนานอู่เพิ่งจะเพิ่มพลังขึ้นมา พลังของเขาก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าเฮ่ยเยี่ยหลางจุน เขายังมีอีกาภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงในระดับกึ่งภูติ เขาเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่เล็ก! ถ้าอยู่ด้วยกันพลัง…จะประมาทพลังของเขาไม่ได้เลย!
ดังนั้นถ้าหากทั้งสองได้ต่อสู้กันจริงๆ เขาอาจจะไม่แพ้ให้กับเฮ่ยเยี่ยหลางจุน! และหนานอู่เองก็เป็นคนที่มีชื่อในด้านจำนวนสมบัติติดตัว
นั่นเป็นเพราะว่าแต่ละครั้งที่เขาทะลวงพลัง วาสนาจะพาให้เขาได้สิ่งต่างๆมาจมากขึ้น เฮ่ยเยี่ยหลางจุนที่คิดถึงเรื่องนี้สีหน้าหม่นหมองลงเล็กน้อย ท่าทางของเขาดูไม่เป็นมิตร
เขาจึงท้าประลอง…
“ทำไมเราไม่เทียบว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันก่อนที่พิธีแลกเปลี่ยนจะเริ่มเล่า?”
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
หนานอู่หัวเราะโดยไม่พูดอะไร แววตามีความเหยียดหยามอยู่ด้วย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนเริ่มเข้ามามุงดู เมื่อเวลาผ่านไป ลานนกกระจอกเทวะเริ่มมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ!
จากนั้นจึงมีร่างสีดำบนท้องฟ้าบินเข้ามา คนคนนี้สวมผ้าคลุมสีดำ ร่างกายเปล่งแสงสว่างจนทำให้คนตาพร่าเมื่อมองเขา!
ทุกคนบอกได้เลยว่าเขาคือภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวง! การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คนสนใจ หลายคนตกใจกลัว…
“นั่นมันใครกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?”
“ข้าว่าเขาน่าจะเป็นยอดฝีมือเร่ร่อน!”
ผู้คนที่เริ่มพูดคุยทำให้เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกับหนานอู่หันไปมองครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาไป คนที่ยังจ้องมองอยู่คือจางซื่อเหลียนที่ท่าทางตกใจมาก
ต่อให้ซือหยูอยู่ที่นี่เขาก็มิอาจบอกได้ว่าชายผู้นี้เป็นใคร และเขาก็คือกังต้าเหล่ยที่แยกกับซือหยูมาตั้งแต่ในเขาจักรพรรดิสายฟ้า!
พวกเขาพบกันครั้งแรกเพียงแค่สองเดือนที่แล้ว แต่เวลานี้เขากลับเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวง! ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่กึ่งเทพ!
จากนั้นครึ่งชั่วยาม ดูเหมือนจะไม่มีใครมาอีก จางซื่อเหลียนจึงไม่มองหาใครอีกแล้ว นางมองหญิงสาวที่มีหมอกวารีปกคลุมกาย
“น้องสาวจิงหยู เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ซือหยูจะมาหรือไม่?”
จางซื่อเหลียนถาม
เซี่ยจิงหยูเงยหน้ามองทุกคนรอบๆ นางเป็นกังวลและมองหาซือหยู แต่นางก็ไม่เจอเขา
ถ้าซือหยูไม่เข้าร่วมงานครั้งนี้ก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะพ่ายแพ้ นางส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ
นางในตอนนี้ดูอ่อนแอและเหนื่อยล้า ไม่มีใครรู้เลยว่านางมีชีวิตรอดมาในสี่วันสุดท้ายได้อย่างไร
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ยิ่งทำให้ในอกของนางรัดแน่นและอึดอัดใจราวกับมีศิลาก้อนใหญ่วางทับอยู่ นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
ในตอนนี้ ที่เดียวที่ซือหยูจะปรากฏตัวกลับไม่มีแม้แต่เงาของเขา สังหรณ์ที่ไม่ดีในใจเริ่มหยั่งรากลึกลงไปในทุกวินาที
นางที่ถูกจางซื่อเหลียนถามหลายต่อหลายครั้งทนไม่ไหวอีกแล้ว หยดน้ำตาไหลอาบแก้ม ไหล่ของนางสั่นเบาๆ
“พี่หยู…พี่ไปอยู่ที่ไหนกัน?”
เสียงของนางน่าสงสารนัก จางซื่อเหลียนตัวแข็งทื่อ นางถอนหายใจเบาๆ จากนั้นจึงหันไปมองที่ท้องนภา
ในตอนนั้นเอง เสียงระเบิดดังลั่นมาจากยอดกระโจมเทพสวรรค์ ทุกคนเห็นรอยเปิดเหนือกระโจมเทพสวรรค์ที่กำลังเริ่มปิดในทันที!
จากนั้นก็มีลำแสงพุ่งเข้ามาในช่องว่างที่กำลังปิด น่าอัศจรรย์มากที่ลำแสงทำให้ช่องว่างไม่ปิดตัวลง
“ข้าเปิดทางให้สมบัติได้ครึ่งวัน พวกเจ้าทุกคนจะต้องทำการแลกเปลี่ยนให้เสร็จทันเวลา!”
เสียงดังกังวาลดังมาจากเหนือนภา เสียงนั้นทรงพลังจนทำให้คนมองขึ้นไปอย่างนับถือ
“ผู้เฒ่าจ้าวเทวะจากตำหนักเมฆาม่วง…ผู้เฒ่าหยินหยาง!”
มีคนที่บอกที่มาของลำแสงนี้ได้จากน้ำเสียง!
จางซื่อเหลียนเงยหน้าเหลือบมองด้านบนก่อนจะพูด
“พิธีแลกเปลี่ยนจะเริ่มขึ้นแล้ว รอบแรกจะเป็นการแลกแบบอิสระ! พวกเจ้าหยิบเอาของล้ำค่าที่สุดที่ได้ออกมา ทุกคนจะแลกกันและกันอย่างอิสระ จิวโจวจะไม่แทรกแทรงแต่อย่างใด”
รอบแรกคือรอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ทันทีที่นางพูดก็มีคนถึงเก้าร้อยคนอยู่ที่นี่ พวกเขาเริ่มหยิบเอาสมบัติที่คิดจะแลกออกมา ทุกคนเริ่มมีปากเสียงต่อกัน
แม้ว่านี่จะเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดมันก็ไร้ประสิทธิภาพที่สุดเช่นกัน เพราะระบบนี้ต้องการโชคอย่างมากในการที่ใครคนใดคนหนึ่งจะได้สิ่งที่ต้องการในระยะเวลาอันสั้น
แท้จริงแล้วมันให้ความรู้สึกที่ไม่มั่นใจ ไม่มีใครกล้าจะเอาสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเองออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น ดังนั้นมันจึงมักจะเป็นรอบที่ใช้เวลามากที่สุด
ขณะนั้นเอง ที่หมื่นลี้ไกลออกไป ในป่าลับที่ซ่อนเร้นไว้อย่างดี ซือหยูกำลังนั่งสมษธิอยู่ ใบไม้และฝุ่นเกาะบนร่างกายของเขา ดวงตาของเขาปิดสนิทและแทบจะไม่ขยับเขยื้อน เขาดูราวกับรูปปั้น!
จากนั้น ซือหยูค่อนๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งแสงบางๆในทีแรก จากนั้นจึงค่อยๆเปล่งแสงที่สว่างจ้าออกมา สุดท้ายดวงตาเขาก็ปล่อยแสงที่จ้าจนน่ากลัวออกมา!
พลังของเขาฟื้นฟูจนถึงจุดสูงสุด ไม่เพียงเท่านั้น แก้วพลังชีวิตดวงที่สองของเขาเองก็เริ่มที่จะก่อตัวขึ้นแล้ว!
ถ้าเขาบ่มเพาะต่อไปเช่นนี้หลายวันอีกหน่อย เขาจะได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าซือหยูจะได้อะไรมาเยอะหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่หลายครั้งหลายครา ถ้าเขาได้ต่อสู้อย่างหนักแบบเดิมอีกไม่กี่รอบ นั่นก็จะเป็นการง่ายที่เขาจะทะลวงพลังขั้นต่อไป!
ซือหยูพอใจมากกับอัตราการฟื้นฟูพลังและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เขามองดูสภาพอากาศและคำนวนเวลาด้วยมือ เขาชักสีหน้าในทันที
“ไม่นะ…พิธีแลกเปลี่ยนเริ่มขึ้นแล้ว!”
เขาสะบัดฝุ่นออกจากตัว จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะทิ้งชุดจากสำนักศีลหวนคืนที่ใส่อยู่
เพราะที่พิธีแลกเปลี่ยนจะมีคนที่แข็งแกร่งมากมายจากจิวโจวมาสังเกตการณ์ การจะมีคนระดับสูงจากสำนักศีลหวนคืนมาด้วย ถ้าหากเขาแต่งกายเป็นศิษย์ปลอม เขาจะต้องถูกจับได้ในทันทีแน่นอน!
ซือหยูพลิกฝ่ามือเรียกชุดสีดำและหมวกไผ่ออกมาสวม นี่จะทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูธรรมดา
พร้อมกันนั้นก็มีแสงส่องประกายอยู่ข้างๆ กิเลนน้อยกระโดดออกมา มันแปลงกายเป็นลู่จือยี่
ซือหยูใช้ผ้าไหมคลุมตัวกิเลนน้อยและพามันไปกับเขา เขาแน่ใจว่าการปลอมตัวเช่นนี้จะไม่มีใครจำเขาได้แน่นอน!
“ไปพิธีแลกเปลี่ยนกันเถอะ!”
ซือหยูแสยะยิ้มและบินขึ้นไปกับกิเลนน้อย
เขาคิดถึงมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าและโลหิตมังกร ซือหยูตั้งใจจะแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา!