พิธีแลกเปลี่ยนดำเนินไปอย่างเป็นระบบในลานนกกระจอกเทวะ และการแลกเปลี่ยนต่างๆล้วนเกิดขึ้นอย่างลับๆ แม้ว่าจะมีสมบัติที่ดีปรากฏออกมาบ้างอยู่เนืองๆ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่นี่แล้ว…สมบัติปริมาณเท่านี้จะค่อนข้างดูน่ากลัว
เกือบทุกคนกำลังรอกับการแลกเปลี่ยนรอบถัดไปที่กำลังจะมาถึง สายตาพวกเขาเหลือบมองท้องฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว พวกเขาสงสัยว่าในตอนนี้จะมีเหล่าผู้เฒ่าที่แข็งแกร่งสังเกตอยู่หรือไม่…
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม การแลกแบบส่วนตัวยังคงไม่จบสิ้น แต่เวลาที่จิวโจวให้นั้นมีเพียงครึ่งวัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้
“ท่านทั้งหลาย พวกท่านมีเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น…”
จางซื่อเหลียนเตือน นางหันไปมองเซี่ยจิงหยู
เซี่ยจิงหยูแววตาว่างเปล่า นางมองไปยังขอบนภาไกลโพ้น นางไม่เคยรู้สึกว่างเปล่าเช่นนี้มาก่อนเลย
นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะใจที่แหลกสลาย นางคิดเพียงอย่างเดียวว่าคนนางกำลังคิดถึงตอนนี้จะยังมีชีวิตอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของโลกใบนี้ ดังนั้นนางจึงใช้ดวงตาของตัวเองมองความงดงามของโลกแทนเขา
แต่ความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายที่ไร้ขอบเขตกลับกัดกินจิตใจของนาง นางสับสน รู้สึกราวกับว่าสีสันในชีวิตได้หายไป
แต่นางก็ยังมีหวังอยู่ว่าซือหยูที่นางรักจะยังไม่ตาย นางตัดสินใจจะเชื่อว่าเขาหนีรอดมาจากหุ่นเชิดสีเงินได้สำเร็จ นี่เป็นความหวังหนึ่งเดียวเท่านั้นของนาง
เพียงอึดใจเดียว พิธีแลกเปลี่ยนอิสระในรอบแรกได้จบลง ทุกคนใจเย็นลงและเริ่มคาดหวังกับรอบต่อไป
รอบต่อไปจะเป็นรอบที่สำคัญที่สุดในพิธีแลกเปลี่ยน ซึ่งแท้จริงก็คือรอบที่เหล่าผู้เฒ่าจากจิวโจวจะมาเข้าร่วม!
จางซื่อเหลียนมองรอบๆ นางยิ้มบางๆ
“ต่อไป รอบที่สองของพิธีแลกเปลี่ยนจะเริ่มขึ้นแล้ว ครั้งนี้จะเป็นการแลกรวม”
จางซื่อเหลียนหยิบเอาแผ่นไม้ไผ่จำนวนมากออกมา นางเขียนหมายเลขลงบนแต่ละแผ่นด้วยพลังชีวิต นางสลักหมายเลขจากหนึ่งถึงเก้าร้อยซึ่งเป็นจำนวนพอดีกับผู้เข้าร่วม
“ทุกคนจะได้แผ่นไผ่ไปคนละหนึ่งแผ่นตามลำดับ เมื่อถึงหมายเลขของตัวเอง พวกท่านจะต้องนำสมบัติที่อยากจะแลกมาและเอ่ยถึงสิ่งที่อยากจะได้ ถ้ามีใครมีสมบัติที่ต้องการและเต็มใจจะแลก ท่านผู้นั้นจะแลกกับท่านโดยตรง”
จางซื่อเหลียนรออยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อ
“ถ้าหากมีคนมากเกินไปที่จะแข่งกันแลกสมบัติชิ้นเดียวกัน ผู้ที่เสนอสิ่งล้ำค่าสูงสุดจะชนะไป กฎมีอยู่เช่นนี้ ห้ามทุกคนทำร้ายกัน! และถ้าหากมีใครกล้าข่มขู่ บีบบังคับ หรือขโมยในพิธีนี้ คนผู้นั้นจะต้องได้รับผลที่ตามมาอย่างสาสม!”
เสียงของจางซื่อเหลียนไม่ดังนักแต่ก็ยังคงเปี่ยมได้ด้วยพลัง เพราะความสำเร็จของพิธีแลกเปลี่ยนนั้นขึ้นอยู่กับผู้เข้าร่วมที่ทำตามระเบียบและกฎที่ตั้งไว้
ด้วยเหตุนี้ ใครที่กล้าจะขู่บังคับให้แลกกับคนที่ไม่เต็มใจจะต้องถูกลงโทษสถานหนักเมื่อกลับไปที่ลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจว เคยมีบางคนที่กล้าจะปล้นในพิธีแลกเปลี่ยน…แต่พวกเขาเหล่านั้นล้วนถูกผู้เฒ่าจากสำนักต่างๆสังหารจนหมดสิ้น!
ดังนั้นแล้ว พิธีแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ถือว่ามีความน่าเชื่อถือและเคร่งครีดยิ่งกว่าบางง่ายในจิวโจวเสียอีก! ต่อให้จางซื่อเหลียนไม่เตือน คนที่นี่ก็ไม่น่าจะมีใครกล้าฝ่าฝืนกฎเพราะประวัตศาสตร์เองก็สั่งสอนผู้คนถึงสิ่งที่ตามมา!
ในงานครั้งนี้ การมีลำดับที่สูงกว่าไม่จำเป็นว่าจะต้องดีเสมอไป นั่นก็เพราะว่าการจัดลำดับไม่ได้จัดตามสมบัติที่ผู้ใดมีอยู่ และคงจะไม่มีใครกล้าเอาสมบัติที่ยอดเยี่ยมของตัวเองออกมาให้ผู้ควบคุมงานดูเช่นกัน ดังนั้นหมายเลขที่ดีก็คือหมายเลขที่หกขึ้นไป
“แผ่นไผ่ที่หกเป็นของข้า มีใครจะสู้กับข้าเพื่อแย่งมันหรือไม่?”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนยืนนิ่งและพูดด้วยเสียงอันอ่อนนุ่ม
หนานอู่หัวเราะและตอบด้วยคำถาม
“ข้าก็อยากได้แผ่นที่หก ใครจะแย่งข้าไปได้ล่ะ?”
สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง ยอดฝีมือคนหนึ่งที่หัวไวรีบถอยออกจากพื้นที่ที่จะเกิดการต่อสู้และทิ้งแผ่นไผ่ของตัวเองทันที
เขาโยนมันทิ้งไปเพราะว่ามีกึ่งภูติที่เก่งกาจสองคนกำลังจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงแผ่นหมายเลขซึ่งเป็นแผ่นที่เขาถือครองอยู่พอดี! เขาไม่อยากจะต่อต้านเฮ่ยเยี่ยหลางจุนหรือหนานอู่จึงโยนมันทิ้งไป
ฟึ่บ!
สาวสวยคนหนึ่งบินเข้าไปรับแผ่นไผ่แผ่นนั้น นางพูดด้วยความดีใจ
“หลางจุน ข้าเอามาให้เจ้าแล้ว…”
ฟึ่บ!
ตอนที่นางพูดก็สัมผัสถึงพลังอันแข็งแกร่งได้จากด้านหลัง มีฝ่ามือหนึ่งตบนางออกไป! สาวใช้ของเฮ่ยเยี่ยหลางจุนกระอักเลือดพร้อมกับกระเด็น!
แผ่นไผ่ที่หกในมือของนางยังถูกชิงเอาไปด้วย คนที่ลอบโจมตีอย่างน่ารังเกียจนี้เป็นศิษย์จากสำนักที่มีชื่อเสียง!
“ท่านหนานอู่ ข้าจิ้นเฉินจากสำนักแม่น้ำอำพัน”
จิ้นเฉินเป็นชายที่ดูดุร้าย เขายื่นแผ่นไผ่ที่เพิ่งจะชิงมาให้กับหนานอู่
หนานอู่หัวเราะชอบใจ
“เจ้าทำได้ดีมาก”
“กล้าดียังไงมาลอบโจมตีนาง!”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนไม่พอใจมาก เขาพุ่งเข้าใส่จิ้นเฉิน
หนานอู่ยังคงยิ้ม เขาแผ่พลังมหาศาลจากร่างกายออกมา
จากนั้นพลังของเขาได้ก่อตัวออกมาจากฝ่ามือ พลังไร้ลักษณ์นี้มีสีแดสงฉาน มันพุ่งเข้าใส่เฮ่ยเยี่ยหลางจุนที่กำลังเข้ามา
ปั้ง!
หมอกสีชมพูล้อมรอบเฮ่ยเยี่ยหลางจุน มันถูกสะท้อนกลับไปด้วยท่าอันแข็งแกร่ง แต่ท่านี้ก็ขวางเขาได้อยู่บ้าง
จิ้นเฉินใช้จังหวะนี้ไปหลบหลังหนานอู่ แม้ว่าเขาจะเป็นกังวล เขาก็ดูหนักแน่นมั่นคง เขาทำให้เฮ่ยเยี่ยหลางจุนโกรธก็เพราะไปแย่งแผ่นไผ่มาให้หนานอู่!
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนแววตาเยือกเย็น เขาหันไปมองหนานอู่ที่กำลังปกป้องคนขโมยแผ่นป้าย!
“ย่อมได้! มาดูกันว่าคนอย่างเจ้าที่เพิ่งเป็นกึ่งภูติจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน!”
หนานอู่ถามเสียงดัง
“คิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ?”
จางซื่อเหลียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นทั้งสองกำลังจะต่อสู้
“หยุดนะ! อย่ารบกวนพิธีแลกเปลี่ยน…”
นางสั่งทั้งสองคน