บทที่ 252 มีรอยประทับริมฝีปากของเธอ

รักหวานอมเปรี้ยว

การันต์ฟังออกแล้ว สายตาเยือกเย็นราวกับงูพิษ น้ำเสียงในการพูดกลับอ่อนโยน: “ไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอให้ตายหรอก บางครั้งการมีชีวิตอยู่ มันทรมานกว่าความตายด้วยซ้ำ”

“หมายความว่าอย่างไร?” ส้มเปรี้ยวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาบอกว่าจะไม่ฆ่ามายมิ้นท์

แว่นตาข้างหนึ่งของการันต์เป็นประกายแสงสีขาวขึ้นมา “ความหมายของผมคือ หาคนจำนวนหนึ่งทำลายเธอให้ย่อยยับ แล้วถ่ายคลิปเอาไว้ไม่ดีกว่าเหรอไง? เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เธอไม่เพียงแต่จะไม่สามารถรักษาเด็กในท้องเอาไว้ได้ ตัวเธอเองก็จะเหมือนตายทั้งเป็นอีกด้วย”

ดวงตาส้มเปรี้ยวเป็นประกาย “คุณพูดถูก ปล่อยให้มายมิ้นท์ตายไปแบบนี้ ราคามันถูกไปสำหรับเธอ ปล่อยให้เธออยู่อย่างเจ็บปวดทรมานไปตลอดชีวิต ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้เปปเปอร์จะรู้ภายหลังว่ามายมิ้นท์ต่างหากคือต้นไผ่ แต่มายมิ้นท์ผู้ที่ถูกทำให้แปดเปื้อนแล้ว เธอคิดว่าเปปเปอร์เองก็จะไม่มีความรักให้อีก

และตัวมายมิ้นท์เองก็จะโงหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิต ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้คำซุบซิบนินทาของคนในโลก แม้แต่เทนเดอร์กรุ๊ปเองก็จะถูกเยาะเย้ยเพราะเธอ

ดังนั้นแค่ฆ่าคนจะเพียงพอได้อย่างไรกัน มันต้องลงโทษตามเจตนาด้วย!

ส้มเปรี้ยวตื่นเต้นจนตัวสั่นไปทั้งตัว

สายตาการันต์คลุมเครือไม่ชัดเจน “ดูท่าคุณจะเห็นด้วยกับวิธีนี้ใช่ไหม”

“ถูกต้อง” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า

เธอไม่เพียงเห็นด้วยเท่านั้น กระทั่งรอไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ!

“คุณวางแผนจะลงมือเมื่อไหร่?” ส้มเปรี้ยวถามอย่างร้อนใจ

“พรุ่งนี้เลย คุณสนใจมาดูไหมล่ะ?” การันต์หมุนมีดผ่าตัดที่คมเฉียบ ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงการล่อลวงเล็กน้อย

สายตาส้มเปรี้ยวตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นมา “แน่นอน ฉันอยากเห็นมายมิ้นท์ถูกลากไปลงนรกด้วยตาของตัวเอง!”

“ได้ พรุ่งนี้ผมจะล่อมายมิ้นท์ไปที่ถนนเลเหนือ ที่นั่นคนน้อย คุณรอผมที่ถนนเลเหนือได้เลย” การันต์ใช่หัวแม่ขูดใบมีดของมีดผ่าตัด

ส้มเปรี้ยววางสายโทรศัพท์ลงด้วยความตื่นเต้น ในแววตาเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ “มายมิ้น แกจบแน่!”

“ฮัดชิ่ว!” ในห้องประธานบริษัทตระกูลนวบดินทร์ มายมิ้นท์เพิ่งจะเปิดโน้ตที่ตัวเองทำขึ้นมา ปลายจมูกก็คันขึ้นมา จามออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

เปปเปอร์วางถ้วยชาแดงเอาไว้ตรงหน้าเธอถ้วยหนึ่ง “หนาวเหรอ?”

“ไม่เท่าไหร่” มายมิ้นท์ตอบพร้อมรวบเสื้อสูททรงสลิมบนร่างกายตัวเอง

ในห้องทำงานมีฮิทเตอร์ทำความร้อน อากาศไม่หนาวสักเท่าไร

แต่เมื่อกี้มีชั่วแวบหนึ่ง จู่ๆเธอก็รู้สึกถึงความเย็นวาบวูบหนึ่งแปลบขึ้นมาจากแผ่นหลัง ทำให้คนรู้สึกขนลุกในใจ

เปปเปอร์มองดูท่าทางของมายมิ้นท์ เม้มริมฝีปากบางของตัวเอง หยิบรีโมทขึ้นมา แล้วปรับอุณหภูมิภายในห้องทำงานให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย “แบบนี้ก็น่าจะไม่หนาวแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ ประธานเปปเปอร์” มายมิ้นท์ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ

เธอไม่ได้รู้สึกว่าที่เขาทำแบบนี้ เพราะห่วงใยเธอ

เป็นเพียงการปฏิบัติดูแลที่พึงมีต่อหุ้นส่วนก็เท่านั้น ถ้าหากเป็นเธอ เธอเองก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน

เปปเปอร์อืมออกมา แสดงออกว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็วางรีโมทลง นั่งลงไปข้างกายเธอ

มายมิ้นท์ได้กลิ่นหอมมิ้นท์จากตัวของเขา สีหน้าท่าทางอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นความคิดก็เตลิดลอยไปแสนไกลในทันที กลับไปถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่เธอพบกับเขาครั้งแรก

ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมพัดผ่านเบาๆ สาวน้อยที่แอบถ่ายได้กลิ่นหอมสดชื่นของเด็กหนุ่มที่แอบชอบลอยมา เช่นเดียวกับช่วงเวลาในตอนนี้ แต่เธอกลับไม่มีความรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนอย่างในตอนนั้นอีก

เพราะกลิ่นหอมยังคงเป็นกลิ่นหอมแบบนั้น แต่คนกลับไม่ใช่คนคนนั้นแล้ว

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มายมิ้นท์ระงับอารมณ์แปรปรวนในใจ มองดูเปปเปอร์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ประธานเปปเปอร์ คุณเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมดีกว่า กลิ่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคุณเท่าไหร่ คุณน่าจะเหมาะกับกลิ่นหอมประเภทโอเชี่ยนมากกว่า”

ได้ยินคำพูดนี้ เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา

เขาใช้กลิ่นหอมมิ้นท์แบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เป็นเพราะต้นไผ่ชอบ ดังนั้นเขาเลยใช้มันมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกกับเขา ว่าเขาไม่เหมาะกับกลิ่นหอมกลิ่นนี้

ยังมีอีก สายตาเมื่อครู่ของเธอมันคืออะไรกันแน่ ถ้าหากเขามองไม่ผิด ดูเหมือนเธอจะมองเห็นใครอีกคนหนึ่งผ่านตัวเขา

คนคนเป็นใครกัน? ราเม็งหรือลาเต้?

รู้สึกได้ถึงไอความเย็นและความกดอากาศต่ำจากผู้ชายที่อยู่ข้างกาย มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น

คงไม่ใช่คำแนะนำของเธอเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาโกรธนะ?

คิดไป มายมิ้นท์ก็ฉีกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มขึ้นมาอย่างอายๆ “ขอโทษด้วยนะคะประธานเปปเปอร์ เมื่อกี้ฉันพูดมากไป คุณก็ถือว่าฉันไม่เคยพูดแล้วกันนะคะ”

เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง “ผมไม่เหมาะกับกลิ่นนี้จริงๆเหรอ?”

“คุณพระ?” มายมิ้นท์อึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่โกรธเธอ แต่กลับถามขึ้นมาว่าตกลงเขาเหมาะหรือไม่เหมาะกันแน่

“คุณอยากฟังความจริงหรือคำโกหกล่ะ?” มายมิ้นท์ถามขณะดื่มชาแดง

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมองเธอ “คุณว่าล่ะ?”

มายมิ้นท์ยิ้มออกมา “ก็ได้ งั้นฉันจะพูดความจริงแล้วกัน คุณในตอนนี้ ไม่เหมาะสม”

“เพราะอะไรถึงเป็นผมในตอนนี้ล่ะ?” เปปเปอร์หรี่ตา

เขารู้สึกว่า คำพูดคำนี้ของเธอเหมือนจะซ่อนข้อความอะไรบางอย่างเอาไว้

แต่แล้วมายมิ้นท์ก็ส่ายหน้า ไม่อยากจะพูดอะไรมากอีก วางแก้วกาแฟลง ดันสมุดจดบันทึกไปตรงหน้าเขา “ประธานเปปเปอร์ ช่วยอธิบายจุดสำคัญที่ฉันวาดพวกนี้ให้ฉันหน่อยสิ”

เปปเปอร์มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปล่อยวางความสงสัยที่อยู่ในใจลง อธิบายรายละเอียดในห้องประชุมที่เธอไม่เข้าใจให้เธอฟัง

ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มายมิ้นก็ปิดสมุดจดบันทึกลง แล้วก็ยืนขึ้นมา โค้งคำนับให้เปปเปอร์ “ขอบคุณประธานเปปเปอร์มากนะคะที่อธิบายเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง ฉันเข้าใจเกือบหมดแล้วค่ะ”

ต้องบอกว่า เปปเปอร์เป็นครูที่ดีเยี่ยมมากๆคนหนึ่งจริงๆ

แม้แต่กับผู้ซึ่งไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีและไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งพลังงานใหม่อย่างเธอ ภายใต้การอธิบายของเขา ในส่วนที่ไม่เข้าใจ ก็ยังสามารถฟังเข้าใจได้ประมาณเจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือค่อยกลับไปค้นหนังสือก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้ว

จากนี่จะเห็นได้ว่า หนังสือเล่มวิเคราะห์ของพรุ่งนี้ไม่เป็นปัญหาแน่นอน

“ไม่เป็นไร” เปปเปอร์ยื่นมือออกมา อยากช่วยพยุงมายมิ้นท์ลุกขึ้น

มายมิ้นท์กลับลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อน เลี่ยงการกระทำของเขาไป

เปปเปอร์มองดูมือที่วางอยู่กลางอากาศของเขา สายตาเคร่งขรึมลง จากนั้นก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ชักมือกลับไปอย่างเฉยเมย “พวกเราคือทีมเวิร์ค ผมไม่อยากให้ใครมาทำให้ความคืบหน้าของทั้งทีมช้าลง ดังนั้นจากนี้ไปถ้ามีส่วนไหนที่ไม่เข้าใจ คุณถามผมโดยตรงได้เลย ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้คนเดียว”

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในใจมายมิ้นท์ผุดขึ้นมาคำหนึ่งว่าเป็นอย่างนี้จริงๆด้วย

เขาทำเพื่อไม่ให้เธอถ่วงแข้งถ่วงขาถึงได้ให้การดูแลเธอเป็นพิเศษจริงๆ

การคาดเดาได้รับการยืนยันแล้ว มายมิ้นท์ก็ยิ้มออกมา

แบบนี้ถึงจะดี เธอจะได้ไม่รู้สึกกดดัน ไม่ต้องไปคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“ฉันรู้แล้ว ฉันต้องขอขอบคุณประธานเปปเปอร์เอาไว้ล่วงหน้าก่อนเลย” มายมิ้นท์มองดูเปปเปอร์

เปปเปอร์เปลือกตาตกผิดหวังเล็กน้อย “ไม่เป็นไร”

“เอาล่ะประธานเปปเปอร์ เวลาก็สายมากแล้ว ฉันต้องขอตัวก่อน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” มายมิ้นพูดขณะที่ยกข้อมือขึ้นมามองดูนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย ราวกับต้องการจะรั้งเอาไว้

แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลย มองดูเธอเดินออกไปจากห้องทำงาน

ปัง!

หลังจากประตูห้องทำงานปิดลง ในห้องทำงานที่กว้างใหญ่เหลือเปปเปอร์อยู่แค่คนเดียวเท่านั้น

เปปเปอร์ละสายตาจากหน้าประตู และหยุดสายตาไว้ตรงตำแหน่งที่มายมิ้นท์เพิ่งไปนั่งเมื่อกี้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง

ผ่านไปไม่กี่วินาที สายตาของเขาก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง มองไปทางโต๊ะน้ำชาที่วางอยู่หน้าโซฟา ข้างบนยังมีถ้วยชาแดงที่เธอเคยดื่มวางเอาไว้ บนขอบถ้วยชาแดง ยังมีรอยริมฝีปากสีแดงสดประทับไว้อย่างชัดเจน

มองดูรอยริมฝีปากนั่น แววตาของเปปเปอร์ขรึมลงมา ยื่นมือออกไปโดยสัญชาตญาณ หยิบถ้วยชาแดงขึ้นมา จากนั้นริมฝีปากบางก็ประทับไปยังรอยริมฝีปากนั่น แล้วดื่มชาที่อยู่ด้านในไปอึกหนึ่ง

ชาแดงเย็นไปหมดแล้ว ของเหลวที่เย็นชืดไหลตามลำคอลงไปในกระเพาะอาหาร เปปเปอร์ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาจากการกระทำของตัวเอง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบร้อนวางถ้วยชาแดงลง แล้วกำหมัดเอาไว้

นี่เขากำลังทำอะไรอยู่?

เปปเปอร์มองดูมือของตัวเอง นัยน์ตาคลุมเครือไม่ชัดเจน

เขาถึงกับทำเรื่องแบบนี้กับถ้วยชาแดงที่มายมิ้นท์เคยดื่ม

หรือว่าเขาถูกพลังลึกลับนั่นควบคุมอีกแล้ว?