“ประธานเปปเปอร์!” เวลานี้ ประตูห้องทำงานถูกผลักออกด้วยแรงที่เยอะของผู้ช่วยเหมันตร์ แม้แต่ประตูก็ไม่เคาะ ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เปปเปอร์ขมวดคิ้วแน่น ไม่พอใจเล็กน้อย “มีเรื่องอะไร?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้ตอบในทันที แต่มองซ้ายมองขวาในห้องทำงานของเขา ค้นหาอะไรบางอย่าง
เปปเปอร์เม้มปาก เสียงเย็นชา “กำลังมองหาอะไร?”
“ประธานเปปเปอร์ คุณมายมิ้นล่ะ?” ผู้ช่วยเหมันตร์รีบถาม
เปปเปอร์นึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของตัวเอง อดที่จะสัมผัสมุมปากไม่ได้ หรี่ตาพูดเสียงราบเรียบ: “ไปแล้ว”
“ไปแล้ว?” ผู้ช่วยเหมันตร์เสียงสูง
เปปเปอร์นวดถูขมับ เดินไปที่โต๊ะทำงาน “นายหาเธอตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่?”
“ประธานเปอเปอร์ คุณลืมไปแล้วเหรอ? ว่าผมเพิ่งไปเขตนิวเทาน์ริเวอร์มา” ผู้ช่วยเหมันตร์เดินตามหลังเขา
เปปเปอร์หยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาโดยสัญชาตญาณ สายตาจ้องมองไปที่เขา “นายหมายความว่าอย่างไร? นายอยากจะพูดว่า ต้นไผ่กับมายมิ้นท์มีความเกี่ยวข้องกัน?”
ความเร็วในการเต็นของหัวใจเขา ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถูกต้อง ผมไปที่เขตนิวเทาน์ริเวอร์มา หาที่อยู่ในการจัดส่งของต้นไผ่ในอดีตจนเจอ และมันก็คือคฤหาสน์ตระกูลกิตติภัคโสภณ”
“มายมิ้นท์……คือต้นไผ่!” รูม่านตาของเปปเปอร์หดเล็กลงเท่าขนาดหัวเข็ม หมัดทั้งสองข้างก็กำไว้แน่น ยังมีความรู้สึกสั่นเทาเล็กน้อย
ผู้ช่วยเหมันตร์รีบร้อนตอบกลับไป “ใช่ครับ คุณมายมิ้นท์คือต้นไผ่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้นไผ่เคยบอกว่า เธอมีแม่เลี้ยงน้องสาว เคยเลี้ยงดูต่างๆ แถมที่อยู่ก็คือคฤหาสน์ตระกูลกิตติภัคโสภณอีกต่างหาก ดังนั้นต้นไผ่ไม่ใช่คุณมายมิ้นท์ยังจะเป็นใครไปได้อีก”
พูดถึงตรงนี้ เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่งเพื่อปรับลมหายใจ แล้วพูดอีกว่า: “สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ลายมือของคุณมายมิ้นท์กับต้นไผ่ ถึงแม้ลายมือของต้นไผ่จะดูเหมือนเด็ก ไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าคุณมายมิ้นท์ แต่ก็สามารถดูออกว่าเป็นลายมือของคนคนเดียวกัน แต่เราดันดูไม่ออก ยังมีภูมิหลังที่เหมือนกันของคุณมายมิ้นท์กับต้นไผ่อีก เราแค่คิดดูสักนิด ก็รู้สามารถได้เลยว่าคุณมายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่ แต่เราก็ไม่เคยไปคิดมาก่อน นี่มันน่าแปลกใจจริงเลย!”
ผู้ช่วยเหมันตร์ทุบหัวตัวเอง “ผมยังนึกสงสัยว่าตัวเองมีปัญหาทางด้านไอคิวหรือเปล่า”
เปปเปอร์ชกไปบนโต๊ะทำงาน เส้นเขียวช้ำโผล่ขึ้นมาบนหลังมือ “ไม่ ไม่ใช่ไอคิวนายที่มีปัญหา แต่มีบางคนที่ไม่อยากให้เราคิดไปทางด้านนั้น”
คนตระกูลนวบดินทร์กับเหมันตร์ต่างก็รู้เรื่องราวของเขากับต้นไผ่ แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นจุดที่เหมือนกันของมายมิ้นท์กับต้นไผ่เลย
สิ่งนี้มันหมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่าทุกคนได้รับผลกระทบจากพลังนั่น
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่รู้ว่าเปปเปอร์กำลังคิดอะไร เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ “ประธานเปปเปอร์ คุณหมายความว่า มีบางคนไม่อยากให้เรารู้ ว่าคุณมายมิ้นท์คือต้นไผ่? ใช่ส้มเปรี้ยวไหม? แต่ว่านี่มันไม่ถูกเลย……”
ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า ปฏิเสธการคาดเดาของเขา “ส้มเปรี้ยวต้องไม่อยากให้เรารู้ว่าคุณมายมิ้นท์คือต้นไผ่เป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามสิ่งที่เราคิดอยู่ในสมองได้นี่นา แต่พวกเรากลับไม่มีใครคิดไปทางที่ว่าคุณมายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่สักคน นี่มันน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ”
“นายเชื่อไหมว่า ในโลกนี้มีพลังบางอย่างที่คอยควบคุมอารมณ์ความรู้สึกและความคิดของคนอยู่?” จู่ๆเปปเปอร์ก็มองไปที่เขาแล้วถามขึ้นมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ไม่เชื่ออยู่แล้ว มันก็แค่การสะกดจิต……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อ้าปากของเขา “ประธานเปปเปอร์ มิน่าล่ะก่อนหน้านั้นคุณถึงพบจิตแพทย์ ผมก็นึกว่าคุณรู้สึกกดดันเครียดเกินไป ที่แท้คุณก็สงสัยว่าตัวเองถูกสะกดจิต?”
และจากคำพูดสันนิษฐานของประธานเปปเปอร์เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาก็ถูกสะกดจิตด้วยเช่นกัน!
ดวงตาเปปเปอร์สีเข้มลึก ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับโดยปริยาย
ถึงแม้พวกคุณหมอตฤณจะบอกว่าเขาไม่ได้ถูกสะกดจิต แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ตัวเองถูกสะกดจิตจริงๆ
เพียงแต่พวกคุณหมอตฤณตรวจวินิจฉัยไม่พบเท่านั้น
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคนที่สะกดจิตเขา ระดับวิชาความสามารถอยู่เหนือกว่าพวกคุณหมอตฤณอยู่มาก
ผู้ช่วยเหมันตร์ตบหน้าของตัวเอง คนทั้งคนตกตะลึงไป “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้……”
เปปเปอร์มองต่ำ “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป นายติดต่อหานักสะกดจิตชั้นนำที่สุดของโลก ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี”
“ครับ!” สีหน้าท่าทางเลขาผู้ช่วยเหมันต์เคร่งขรึมขึ้นมา รับคำอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากพวกเขาถูกสะกดจิตจริงๆ ก็ต้องหานักสะกดจิตชั้นยอดมาช่วยอยู่แล้ว
จากนั้น ผู้ช่วยเหมันตร์นึกอะไรบางอย่างได้ ถามอีกว่า “ประธานเปปเปอร์ คุณจะไปพบและบอกความจริงกับคุณมายมิ้นท์ไหม?”
พบและบอกความจริง……
เปปเปอร์ก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยตอบ
ก่อนที่จะจะรู้ว่ามายมิ้นท์คือต้นไผ่ เขาก็ต้องอยากจะพบกับต้นไผ่อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่ จู่ๆเขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะพบและบอกความจริงกับเธอ เพราะระหว่างเขากับมายมิ้นท์ มีเรื่องราวที่ซับซ้อนมากมายเกินไป
ราวกับมองความลังเลของเปปเปอร์ออก ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ประธานเปปเปอร์ ผมรู้ว่าที่คุณบอกว่าคุณรักส้มเปรี้ยว ก็เพราะว่าส้มเปรี้ยวคือต้นไผ่ แต่ความจริงเราทุกคนต่างก็ดูออก ว่าคุณไม่ได้รักส้มเปรี้ยวเลย”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย “นายดูออกเมื่อไหร่ว่าฉันไม่ได้รักส้มเปรี้ยว?”
“ดูออกตั้งนานแล้วล่ะครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ: “หกปีก่อน ตอนที่คุณกับส้มเปรี้ยวเจอกันครั้งแรก ถึงแม้ปากคุณจะบอกว่ารักเธอ แต่ในสายตาของคุณ ไม่มีความรักต่อเธอเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะฐานะต้นไผ่ของเธอคุณถึงได้ทำดีต่อเธอ แต่ว่าเวลาที่คุณเอ่ยถึงต้นไผ่ ในแววตากลับมีความรัก ซึ่งก็หมายความว่า ความจริงแล้ว คุณปฏิบัติต่อต้นไผ่กและส้มเปรี้ยวแยกออกเป็นสองคนตั้งแต่แรกแล้ว”
เปปเปอร์เงียบไป
จากคำพูดของเหมันตร์สามารถยืนยันได้ว่า เขาไม่เคยรักส้มเปรี้ยวเลยจริงๆ เหมันตร์ดูออกตั้งแต่หกปีที่แล้ว แต่กับตัวเขาเอง เพิ่งจะมารู้ตัวหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
สาเหตุมาพลังนั่นจริงๆเหรอ?
“ประธานเปปเปอร์ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากจะบอกกับคุณ นั่นก็คือคนที่คุณรัก คือคุณมายมิ้นท์” ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นตา จู่ๆก็เอ่ยปากอีกครั้งหนึ่ง
รูม่านตาเปปเปอร์สั่นเทา “คนที่ฉันรักคือมายมิ้นท์?”
“ใช่ครับ คุณหลงรักคุณมายมิ้นท์มานานมาแล้ว เพียงแต่ว่าคุณยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง และผมกับท่านย่าแล้วก็คุณทามทอยต่างก็ดูออกกันหมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกคุณ ผมอยากให้คุณค้นพบและรู้สึกได้ด้วยตัวเอง เพราะถึงผมพูดออกมา ก็ไม่แน่ว่าคุณจะเชื่อ” ผู้ช่วยช่วยเหมันตร์กางมือยักไหล่
เปปเปอร์รู้สึกฝาดที่ลำคอเล็กน้อย เปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ในใจก็ยิ่งเหมือนมีพายุคลื่นลมที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
คนที่เขารักคือมายมิ้นท์?
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!
แต่แล้วเปปเปอร์ก็หาคำพูดที่จะมาหักล้างไม่ได้
เพราะเขารักต้นไผ่ ตอนนี้ต้นไผ่กลายมาเป็นมายมิ้นท์ ถ้างั้นก็แน่นอนว่า คนที่เขารักก็กลายมาเป็นมายมิ้นท์
แต่เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่ผู้ช่วยเหมันตร์ต้องการบอกกับเขาไม่ใช่ความหมายนี้
แต่จะบอกเขาว่า ในสถานการณ์ที่เขาไม่รู้ว่ามายมิ้นท์ก็คือต้นไผ่ เขาก็ตกหลุมรักมายมิ้นท์แล้ว
“เพราะอะไรตอนนี้ถึงได้ยอมบอกฉันได้?” เปปเปอร์เค้นถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย
ผู้ช่วยเหมันตร์เกาหัวเบาๆ “เรื่องนี้……ก็เพราะรู้แล้วว่าคุณมายมิ้นก็คือต้นไผ่ หลังจากที่พบว่าคุณตกหลุมรักคุณมายมิ้นท์แล้ว ผมก็รู้ว่าคุณไม่ได้รักต้นไผ่แล้ว กับต้นไผ่แล้วมันเป็นแค่ความหมกมุ่นหลงใหลอย่างหนึ่งเท่านั้น คุณคิดว่าความหมกมุ่นหลงใหลนั่นคือความรัก ทำให้คุณคิดว่าคนที่คุณรักยังคงเป็นต้นไผ่ แต่เวลานี้คุณมายมิ้นท์กับต้นไผ่กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอีก”
สายตาของเปปเปอร์ขรึมลง ไม่พูดอะไรอีกแล้ว
เขาเข้าใจแล้ว จนถึงตอนนี้ เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองยังรักต้นไผ่ แต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้รักต้นไผ่มานานแล้ว คนที่เขารักคือมายมิ้นท์!
ถึงแม้ว่าต้นไผ่ก็คือมายมิ้นท์ แต่ความรักนี้ก็แตกต่างไป เพราะตอนที่เขาตกหลุมรักมายมิ้นท์นั้น ไม่รู้เลยว่าเธอก็คือต้นไผ่
ดังนั้นในตอนนั้นตอนที่หย่ากับมายมิ้นท์ ในใจเขารู้สึกได้รางๆว่าได้สูญเสียสิ่งสำคัญอะไรที่สุดไป ดังนั้นเมื่อเขาเห็นตอนที่มายมิ้นท์สนิทกับผู้ชายอื่น ในใจเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียขนาดนั้น
ในตอนนี้ ในที่สุดเปปเปอร์ก็เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรตัวเองถึงถูกมายมิ้นท์กระทบต่ออารมณ์ทุกครั้ง เพราะอะไรเมื่อกี้ตัวเองถึงได้มีการกระทำแบบนั้นออกมาได้ เพราะเขารักเธอ ไม่ใช่ถูกพลังนั่นควบคุม แต่เป็นความรักที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขาเอง
มองดูสีหน้าท่าทางของเปปเปอร์ ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ว่าเขาเข้าใจแล้ว พูดให้กำลังใจว่า: “ประธานเปปเปอร์ ไปพบแล้วก็บอกความจริงกับคุณมายมิ้นท์เถอะ เชื่อว่าถ้าคุณมายมิ้นท์รู้ว่าคุณคือคนที่ติดต่อกับคุณในตอนนั้น เธอต้องให้อภัยคุณอย่างแน่นอน”
ให้อภัยเหรอ……
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางเอาไว้
สำหรับเรื่องที่มายมิ้นท์จะให้อภัยเขาหรือเปล่า เขาไม่รู้ แต่เขาอยากถามเธอจริงๆ ที่พวกเขานัดพบกันในตอนนี้ เพราะอะไรสุดท้ายคนที่มาถึงไม่ใช่เธอ แต่กลับเป็นส้มเปรี้ยว
เพราะอะไรส้มเปรี้ยวถึงได้รู้เรื่องที่พวกเขาติดต่อกันได้!