บทที่ 82 หัวใจที่ตายด้านราวกับเถ้าถ่าน

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 82
หัวใจที่ตายด้านราวกับเถ้าถ่าน
เมื่อเห็นว่าจางหลินหลี่นอนสลบอยู่ในห้องนั่งเล่น ชางกวนโม่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโกรธแต่เขาก็ไม่ได้เสียสติขนาดนั้น เขาโทรศัพท์
หลังจากนั้นสักพัก เย่เฟิงก็เข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ของ มู่หรงเสวี่ย และต้องตกใจเมื่อได้เห็นความเละเทะที่อยู่เบื้องหน้า “คุณชาย!”
ชางกวนโม่พยักหน้า “พาเขาไปรักษา…” เขาหันไปทางจางหลินหลี่ที่นอนอยู่บนพื้น

“ครับ” เย่เฟิงไม่ได้ถามเพิ่ม ตรงเข้าไปอุ้มร่างที่ไร้สติของจางหลินหลี่และเดินออกไป

ชางกวนโม่เดินกลับเข้าไปที่ห้องและอุ้มมู่หรงเสวี่ย แล้วก็เดินออกไป ค่อยวางเธอลงที่เบาะหลัง เขาขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเองในเมือง A
เช้าวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยค่อยๆลืมตาขึ้น รู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกาย ทันใดนั้นความทรงจำของเมื่อคืนก็กลับมา… มู่หรงเสวี่ยกำผ้าห่มที่คลุมตัวเธอแน่น…ดวงตาฉายแววแห่งความเกลียดชัง

เธอมองไปรอบๆ นี่คือห้องของชางกวนโม่ที่คฤหาสน์ มู่หรงเสวี่ยพยายามเดินด้วยความเจ็บปวดไปที่ประตู เธออยากที่จะเปิดประตู เธออยากจะไปจากที่นี่ ดึงเปิดด้วยความแรงแต่ก็เปิดไม่ออก เธอบิดลูกบิดไปมาแต่มันก็ไม่ยอมเปิด ชางกวนโม่ขังเธอไว้ที่นี่จริงๆ

มู่หรงเสวี่ยทรุดลงกับพื้น มือกอดเข่าและหัวก้มลงไปที่เข่า หลังจากนั้นสักพักก็มีคนเอาเปิดประตูเล็กน้อยเพื่อเอาอาหารมาให้ “นายหญิงน้อยค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ!” คุณป้าหลิน ป้าแม่บ้านที่ชางกวนโม่ให้เย่เฟิงไปหามา เธอมีหน้าที่เพียงดูแลเรื่องอาหารสามมื้อของมู่หรงเสวี่ยและคอยรายงานทุกเรื่องของมู่หรงเสวี่ย

หลังจากที่รออยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ป้าหลินก็ส่ายหน้าและเดินออกไป
เขาทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง? เขาปฏิบัติกับเธอแบบนี้ได้ยังไง!?

มู่หรงเสวี่ยจ้องมองห้องที่คุ้นเคย หัวใจจมดิ่งไปกับความเศร้าและเสียใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สีหน้าของเธอซีดเผือด ไร้ชีวิตชีวาจนครีมรองพื้นก็ปกปิดร่องรอยเขียวช้ำไว้ไม่ได้ รอยเขียวช้ำตามร่างกายและผมที่ยุ่งเหยิงยิ่งทำให้ดูเศร้ามากขึ้นไปอีก

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยมัวไปด้วยคราบน้ำตาที่เหือดแห้ง ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดและความเศร้าในหัวใจเธอให้มากขึ้นไปอีก อาหารเช้าสุดหรูที่วางอยู่ข้างๆดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะความงี่เง่าของเธอ หัวเราะความงี่เง่าในชีวิตของเธอ

ในเวลานี้ ดวงตาคู่นี้ดูเหมือนจะทนกลั้นน้ำตาที่ไหลรินไว้ไม่ไหว เธอจึงเริ่มเอามือปิดหน้าและร้องไห้…ปล่อยให้น้ำตาแห่งความท้อแท้ไหลอาบใบหน้าแสนสวยแต่ซีดเผือดของเธอ
ดวงตาของเธอแดงและบวม นั่งอยู่ริมขอบเตียง ราวกับรูปสลักที่แข็งและไร้ชีวิต เธอเพียงแค่นั่งอยู่เงียบๆ, นิ่งเฉยและตายด้าน ทุกอย่างระหว่างสวรรค์กับโลกพังทลายไปกับเธอ หัวใจที่แตกสลายและไม่รู้สึกถึงอะไรอีกแล้ว

เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่าชางกวนโม่จะทำแบบนี้กับเธอ
ตอนบ่าย ป้าหลินเอาอาหารชุดใหม่มาเปลี่ยนกับอาหารเช้า “นายหญิงน้อย ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วนะคะ คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า ไม่ดีเลยนะคะ เดี๋ยวจะหิวเอานะคะ…” หลังจากที่รออยู่นาน คุณป้าหลินก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนในห้อง เธอถอนหายใจและไม่รู้ว่าคนในห้องทำความผิดอะไร ถึงต้องถูกขังไว้แบบนี้ เมื่อนึกถึงชายที่โหดร้ายเมื่อคืน แค่นี้ป้าหลินก็ขนลุกแล้ว ความเย็นชามากจนทำให้คนอื่นแข็งเป็นรูปปั้นได้เลย ถ้าเงินไม่ดีเธอก็อยากที่จะลาออกจริงๆ คนอะไรน่ากลัวจริงๆ

ความอัปยศอดสูเมื่อคืนทำลายศักดิ์ศรีของเธอจนหมด หัวใจของเธอแห้งเหี่ยวและมืดมิดจนเธอไม่อยากที่จะกินอะไร
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนจนป้าหลินเข้ามาดูอีกรอบ เธอเห็นว่าอาหารที่วางอยู่ตรงประตูยังไม่ถูกแตะเลย เธอเริ่มที่จะรู้สึกตกใจ ถ้าคนข้างในหิวจนตายล่ะ ต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ เธอรีบโทรไปเรียกชายโหดเหี้ยมคนเมื่อคืน และทันทีที่มีคนรับสาย “มีอะไร?” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมา

“คุณชายค่ะ นายหญิงน้อยไม่ยอมทานอะไรเลยทั้งวัน อาหารก็ไม่ถูกแตะเลย…” เธอไม่มีกุญแจจึงเปิดเข้าไปไม่ได้

“อะไรนะ? เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันกลับไป” ชางกวนโม่ที่กำลังอยู่ในห้องประชุม อยู่ดีๆก็ขึ้นเสียงและลุกขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที

ผู้จัดการแผนกที่อยู่ในห้องประชุมรู้สึกได้ถึงอันตรายเพราะสีหน้าของคุณชายเปลี่ยนไป เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เพราะความปั่นป่วนของตลาดหุ้นหรือเปล่า?! ไม่ได้ข่าวเลยนี่?!! ทุกคนต่างก็หูผึ่งเพื่อจะฟังรายละเอียดเพิ่ม

“เลื่อนการประชุมไปก่อน!” ชางกวนโม่หยิบเสื้อโค้ตที่เก้าอี้ ไม่พูดอะไรต่ออีกแล้วหายตัวไปจากออฟฟิศราวกับอากาศ
ทั้งห้องประชุมเริ่มมีเสียงพูดคุยดัง
กลับมาที่คฤหาสน์ ชางกวนโม่เดินด้วยความเร็วและเอ่ยปากถามป้าหลินที่กำลังยืนรออยู่ “มีเรื่องอะไร?”
“ไม่รู้ค่ะ ประตูล็อกป้าเลยมองไม่เห็นข้างใน อาหารทั้งเช้าและบ่ายไม่ถูกแตะต้องเลย นายหญิงน้อยไม่ได้พูดอะไร…” ป้าหลินสรุปสถานการณ์วันนี้ของมู่หรงเสวี่ยให้ฟังอย่างเคารพ

“โอเค ป้าไปได้แล้ว” ชางกวนโม่เดินขึ้นไปข้างบน
มีเรื่องมากมายผุดขึ้นมาในความคิดของเขา ยิ่งเขาคิดมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งไม่พอใจเธอมากขึ้นไปอีก เธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า

มือสั่นของชางกวนโม่ค่อยๆหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูและเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยนอนอยู่ที่ขอบเตียงราวกับตุ๊กตาพังๆ ดวงตาของเธอว่างเปล่าและซีดเผือดราวกับผี ไม่มีสีของเลือดเหมือนอย่างที่คาดเดาไปก่อนหน้านี้ หัวใจของชางกวนโม่สบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดลงไป แต่สีหน้าเขาไม่แสดงอาการใดๆ มีเพียงเสียงที่ยังคงเย็นชา “ทำไมถึงไม่ยอมกิน?!”

มู่หรงเสวี่ย อย่างไรก็ตามทำราวกับมองไม่เห็นและสายตาของเธอก็ไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ ยังคงเงียบเฉย เขาไม่มีตัวตนหรือไง?!!! ชางกวนโม่โกรธ ก้มลงไป มือจับเข้าที่คางของเธออย่างแรง บังคับให้เธอมองมาที่ตาเขา “ตอบฉันสิ!!!”

มู่หรงเสวี่ยไม่พูด สายตาของเธอหลี่เล็กลงและมองมาที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวไม่ต่างจากเมื่อคืน มันยากที่จะยอมรับและความเจ็บปวดราวกับมีดคมก็ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของเธอลึกลงไป น้ำตาที่ไหลไม่สิ้นสุดเอ่อขึ้นมา
ในห้องที่คุ้นเคยนี้ คนที่คุ้นเคย ความทรงจำอันแสนหวานที่ผ่านมาและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเมื่อคืนเริ่มชัดเจนขึ้นมา จนจุกแน่นอยู่ภายใน… “บ้าเอ๊ย ฉันสั่งให้เธอพูดไง!” ชางกวนโม่โมโหจนผลักเธอลงไปที่เตียง

พูดอะไรล่ะ?! พูดถึงความป่าเถื่อนของเขาเมื่อวานงั้นเหรอ?! อีกอย่างพี่จาง “คุณทำอะไรกับพี่จาง?” เสียงร้องไห้แหบดังออกมา

“เธอแคร์มันมากขนาดนั้นเลยเหรอ!!! พอพูดได้ก็ถามถึงมันเลย!” ชางกวนโม่เตะเข้าที่โต๊ะน้ำชากระจกที่ตั้งอยู่ข้างๆจนแตก “ปัง!!!” เสียงกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆร่วงลงกับพื้น
“บ้าเอ๊ย นังตัวดี!!!” ความโกรธพวยพุ่ง ชางกวนโม่ดึงร่างเธอขึ้นมาและฉีกเสื้อเธอภายในพริบตา

ดวงตาของเธอแวบความตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย ความทรงจำของเมื่อคืนเข้ามาในจิตใจของเธออีกครั้ง เธอเริ่มที่จะขัดขื่นอย่างสิ้นหวัง “อย่า ปล่อยฉันนะ คุณมันเป็นปีศาจ…” ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย ยิ่งอ่อนแรงมากกว่าเมื่อคืนอีก

“ปล่อยงั้นเหรอ? ปล่อยให้เธอไปหาชู้รักงั้นเหรอ?! เธอฝันไปเถอะ…” เขาถอดเข็มขัดออกจากเอวและมัดมือเธอไว้เหมือนเมื่อคืน
การทรมานอีกรอบเกิดขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ชางกวนโม่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อก็นอนอยู่ที่ข้างเตียง สีหน้าแสดงความพอใจแต่กลับเจ็บปวดมากกว่าเดิม
มู่หรงเสวี่ยเหลือเพียงหัวใจที่แตกสลายราวกับดอกไม้บานที่ถูกขยี้ หัวใจเธอตายด้าน เธอไม่เหลือความกล้าให้เกาะกุม ความคิดถึงแสงสว่างในชีวิตของเธอได้ถูกพรากไปจากหัวใจเป็นครั้งแรก…ยังไงซะ ชีวิตนี้ของเธอคงไม่มีทางออก ชีวิตของเธอคงจะวนไปเหมือนกับชีวิตที่แล้ว

บางทีเธออาจจะไม่ควรกลับมามีชีวิตอีกรอบ…ความเจ็บปวดนั้น

เสี่ยวเข่อลี่และฟางฉีฮัวออกห่างจากตระกูลมู่หรงไปนานแล้ว เธอไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเขาว่าจะมาทำร้ายพ่อแม่อันเป็นที่รักอีก
เธอน่าจะพอใจที่ดึงความสุขที่ถูกขโมยไปกลับมาได้ เธอควรจะพอใจ มองดูผู้ชายที่ถูกส่งมาให้เธอหลังจากที่กลับมาเกิดอีกครั้ง บางทีเธออาจจะไม่ควรหวังเรื่องที่จะมีความสุข เธอไม่สมควรจะได้รับ

มู่หรงเสวี่ยลุกออกจากเตียง หยิบเศษกระจกที่เกลื่อนอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วกรีดลงไปที่มือตัวเองอย่างแรง สีแดงของเลือดกระจายไปทั่วในทันที…มู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่หางตา…เลือดหยดสุดท้าย…ความฝันนี้เหมือนตอนที่ได้กลับมาเกิดใหม่
ชางกวนโม่ได้ยินเสียงรอยแตกและดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง มือสองข้างที่อยากจะห้ามแต่คว้าเศษแก้วในมือของมู่หรงเสวี่ยไว้ไม่ทันแล้วเขาก็ได้เห็นสีแดงของเลือดเต็มสองตา

เขาดึงเสื้อออกมาทันทีและกดไปที่รอยบาดลึกที่แขนของมู่หรงเสวี่ย
“ไม่นะ ไม่นะ เธอกล้า…” ดวงตาของเขาเป็นสีแดงระเรื่อและน้ำตาก็ไหลรินออกมา
ชางกวนโม่รีบห่อร่างของมู่หรงเสวี่ยด้วยผ้าห่มและรีบอุ้มเธอวิ่งออกมา
เร็วเข้าสิ…ไม่นะ…ไม่นะ เขาจะไม่ยอมให้เธอตาย
เธอห้ามตายจากเขาไปเด็ดขาด…ไม่มีวัน
ความกลัวแล่นไปทั่วหัวใจ