ตอนที่ 429: ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์
เจี้ยนเฉินสะบัดมือและส่งกระบี่ไฟไปยังปราณกระบี่ที่พุ่งตรงมาทางเขา เมื่อถูกกระแทก กระบี่ไฟและปราณกระบี่จึงปะทะกันด้วยการระเบิดอย่างรุนแรงซึ่งกระจายทุกอย่างแม้กระทั่งเมฆเหนือศีรษะพวกเขา
อาคารภายในนิกายหยางจิส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ ดังนั้นมันจึงมีความเสี่ยงต่อการถูกไฟไหม้ แรงระเบิดทำให้มีไฟลุกลามไปทั่วทุกที่และอาคารก็ติดไฟได้ง่าย
ในเวลาไม่นาน อาคารก็เริ่มสว่างขึ้นเพราะไฟ เนื่องจากเหล่าสาวกจำนวนมากพยายามที่จะขนย้ายสิ่งของล้ำค่าจากซากปรักหักพังที่ลุกไหม้ หลายคนพยายามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับเปลวไฟโดยใช้น้ำเพื่อชะลอการลุกลาม ในเวลาอันรวดเร็ว เจี้ยนเฉินทำให้ทั้งนิกายกลายเป็นบ้า
สองแม่ลูกมองดูการต่อสู้ด้วยปากที่อ้าค้างเพราะความตกใจกับการรับมือของนิกายหยางจิ พวกเขาตกใจมากแต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขกับความตื่นตระหนกที่นิกายหยางจิได้ประสบ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกเกรงกลัว เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถแก้แค้นใครได้ เจี้ยนเฉินจึงได้มาแก้แค้นนิกายหยางจิแทนพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทั้งคู่กังวลว่าเจี้ยนเฉินจะต้องประสบกับปัญหาเพราะพวกเขา
“ท่านแม่ นายท่านแข็งแกร่งมาก เขาเป็นใครกันแน่ ? ” ซานถามด้วยความตกใจและสะพรึงกลัว
แม่ทำได้เพียงแค่ส่ายหัวด้วยสีหน้าอันว่างเปล่า “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามผู้มีพระคุณของเรารู้จักพ่อของเจ้าและถ้าเขาเต็มใจช่วยเราขนาดนี้ มันก็แสดงว่าพวกเขาสนิทสนมกันมาก”
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายอย่างสดใสขณะที่เขาเริ่มบินขึ้นไปหลายสิบเมตร ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโส 2 คนสวมชุดขาวก็เข้ามาปิดล้อมอย่างรวดเร็ว พวกเขาหยุดห่างออกไป 50 เมตร
บรรพชนอาวุโสของนิกายหยางจิมองดูอาคารที่ถูกไฟไหม้อยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าโกรธแค้นก่อนที่จะจ้องมองเจี้ยนเฉิน “เจ้า เจ้าเป็นใคร ? บอกชื่อของเจ้ามา”
เจี้ยนเฉินจ้องกลับไปก่อนที่จะหันไปมองผู้อาวุโสสูงสุดด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม “ข้าไม่คิดว่าข้าจะพบเจ้าที่นี่ หืมม เจ้าวิ่งไม่ไกลพอ คราวก่อนข้าไม่ได้หมายหัวเจ้า มาดูกันว่าว่าคราวนี้เจ้าจะหนีรอดจากหายนะได้หรือไม่”
บรรพชนอาวุโสโกรธมากเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่สนใจเขาอย่างโจ่งแจ้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสสูงสุดก็เริ่มเดือดดาลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ารู้จักชื่อของเซียนสวรรค์ทุกคนในบริเวณนี้ แต่ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินคนที่มีรูปร่างหน้าตาเช่นเจ้ามาก่อน เจ้าเป็นใครและทำไมเจ้าต้องเข้าไปยุ่งกับสงครามของเรากับอาณาจักรเกอซุน ? “
เจี้ยนเฉินยิ้มเยาะ “ข้าเป็นคนของอาณาจักรเกอซุน แต่สงครามไม่ใช่เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ นิกายหยางจิของเจ้าได้ทำลายอาวุธเซียนของลูกชายเพื่อนรักของข้า พวกเจ้าทำให้เขาพิการ ข้าคงข่มตาหลับไม่ลงหากไม่ได้แก้แค้น ดังนั้นนิกายหยางจิจึงต้องชดใช้ด้วยเลือด” เจี้ยนเฉินพูดก่อนที่จะยิงกระบี่เพลิงทั้งสองไปยังผู้อาวุโสทั้งสองอย่างรวดเร็ว
พวกเขาป้องกันการโจมตีด้วยปราณกระบี่ของพวกเขา ผู้อาวุโสทั้งสองมองดูเปลวไฟเคลื่อนตัวเผาไหม้อาคารมากยิ่งขึ้นแทนที่จะจางหายไป
เมื่อมีเสียงโห่ร้อง ผู้อาวุโสสูงสุดเริ่มรวบรวมธาตุน้ำของโลกและก่อตัวเป็นน้ำรูปทรงกลมยักษ์ เขายกกำปั้นขึ้นมา รูปทรงกลมก็พุ่งพรวดลงมาเป็นห่าฝนที่ดับไฟทันที
น้ำและไฟปะทะกันด้วยเสียงแตกแหลม ไฟระเหยน้ำและเปลี่ยนน้ำให้เป็นไอน้ำที่กระจายไปทั่วท้องฟ้าและปิดบังการมองเห็นของทุกคน
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่เขาพูดว่า “ดูเหมือนว่าแม้แต่น้ำของเจ้าก็ถูกไฟของข้าระเหย” ไฟเริ่มจับกลุ่มรอบ ๆ เจี้ยนเฉินอีกครั้งในขณะที่เขายังคงเติมเชื้อเพลิงที่เข้มข้นมากขึ้น
ลูกบอลสีชมพูสดใสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตรเริ่มปรากฏขึ้น มันโตขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันถูกย่างด้วยเปลวไฟ อุณหภูมิของมันก็เริ่มสูงขึ้นเช่นกัน
จากการกระทำของเจี้ยนเฉิน นิกายหยางจิจึงรู้ทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร พวกเขาเริ่มตื่นตระหนก
บรรพชนอาวุโสรีบก่อตัวกระบี่ที่ทำมาจากพลังเซียนธาตุดิน,และพุ่งตรงไปที่เจี้ยนเฉินเพื่อหยุดเขา.
เจี้ยนเฉินยิ้มก่อนที่จะทำให้ลูกบอลไฟระเบิด มันส่งคลื่นความร้อนอย่างมหาศาลเหนือนิกายหยางจิ ในเวลาเดียวกัน เขาได้สร้างพลังงานดั้งเดิมในมือขวาของเขาและโจมตีอาวุธเซียนของบรรพชนอาวุโส
เมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน บรรพชนอาวุโสก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก เขารีบถอยหนีทันที เขามองดูอาวุธเซียนของเขา มันมีช่องว่างขนาดใหญ่
บรรพชนอาวุโสหวาดกลัวมากเมื่อเห็นรูในอาวุธเซียนของตัวเอง เขามองเจี้ยนเฉินและตะโกนว่า “จจ…เจ้า ! มันเป็นไปได้อย่างไร ! ” ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับว่าหัวใจของเขาเพิ่งถูกโจมตี สำหรับคู่ต่อสู้ที่มีระดับความแข็งแกร่งเท่ากัน ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม พวกเขาจะไม่สามารถทำลายอาวุธเซียนของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาถึงจุดนี้,เปลวไฟที่มาจากลูกบอลไฟก็ปกคลุมทั้งนิกายหยางจิ อาคารนับไม่ถ้วนถูกไฟไหม้ ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นนรก สาวกจำนวนมากวิ่งพล่านไปทั่ว พวกเขาพยายามที่จะดับไฟที่ลุกไหม้บนร่างกายของตัวเอง พวกเขาร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานและหมดลมหายใจไปในที่สุด นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา มันเป็นไฟที่ถูกสร้างขึ้นจากธาตุของโลก ดังนั้นผู้ที่ที่ไม่มีกำลังมากพอจะไม่สามารถทนได้นาน
เหล่าสาวกที่โชคดีที่ไม่ได้ถูกเผากระจัดกระจายไปทั่ว พวกเขาพยายามหนีเอาชีวิตรอด ตอนนี้มีอันตรายรุนแรงต่อชีวิตของพวกเขา สาวกที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขายังต้องสูญเสียชีวิต อันตรายเช่นนี้หมายความว่าสาวกทุกคนควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหนีจากทะเลเพลิง
เซียนสวรรค์เป็นบุคคลที่น่ากลัวเกินความสามารถที่พวกเขาจะรับมือได้ เพราะคลื่นพลังงานจากการโจมตีของเซียนสวรรค์สามารถสร้างความเสียหายที่แม้แต่เซียนปฐพีก็จะต้องตกตะลึง
“ฟู่” ก่อนที่ไฟจะลุกลามไกลออกไปทางนิกาย ฝนจำนวนมากเริ่มตกลงบนกองไฟ มีเสียงดังฉ่าเมื่อฝนเริ่มระเหยและพยายามที่จะดับไฟ ผู้อาวุโสสูงสุดลอยอยู่เหนืออากาศ เขานำน้ำเข้ามามากขึ้นเพื่อต่อสู้กับเปลวไฟ
แม่และลูกถอยหลังออกไปหลายเมตร พวกเขากลัวที่จะเข้าใกล้เปลวเพลิงที่ร้อนจัดและรุนแรง ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงมองดูฉากข้างหน้าด้วยความตกใจ ข้างหน้าของพวกเขาคือนิกายหยางจิที่ไร้เทียมทานจริง ๆ หรือ ?
เมื่อเห็นสายฝนที่หนักขึ้น ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็จ้องมองอย่างมืดมิดก่อนจะหันออกจากบรรพชนอาวุโสไปสู้กับอาวุโสสูงสุดแทน
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสสูงสุด บรรพชนอาวุโสจึงรีบร้องเตือนว่า “ระวัง กระบี่ของเขามีพลังลึกลับอยู่ อย่าปล่อยให้มันสัมผัสอาวุธเซียน ! “
เมื่อได้ยินคำเตือนของบรรพชนอาวุโส ใบหน้าของอาวุโสสูงสุดก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สบายใจ เขารวบรวมธาตุน้ำของโลกอีกครั้ง กระบี่สีฟ้าปรากฏขึ้นในมือของเขา ผู้อาวุโสสูงสุดพยายามหลบพลังงานดั้งเดิม เขาใช้กระบี่ธาตุน้ำแทงที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน
พลังงานดั้งเดิมของเจี้ยนเฉินก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อปะทะกับกระบี่น้ำ เมื่อปะทะกัน 3 ครั้ง เจี้ยนเฉินจึงสามารถโจมตีอาวุธเซียนของผู้อาวุโสสูงสุดได้ ทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมาเนื่องจากเกิดความเสียหายกับอาวุธเซียนของเขา
เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินกำลังจะใช้โอกาสนี้ในการจบชีวิตของผู้อาวุโสสูงสุด พลังจำนวนมหาศาลก็ตกลงมาจากท้องฟ้าในทันที มันกำลังยึดร่างของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะแข็งทื่อ ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันเหมือนกับว่าเขาติดอยู่ในบึง
พลังงานจำนวนมหาศาลเริ่มไหลเวียนออกมาจากบรรพชนอาวุโส ในขณะนี้บรรพชนอาวุโสก็เหมือนเทพเจ้าสงครามที่ลงมาจากสวรรค์ เสื้อผ้าและเส้นผมของเขาโบกสะบัด กระบี่ยาวของเขาชี้ขึ้นตรงไปพร้อมกับพลังงานจำนวนมหาศาลที่รวมกัน
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อลมเริ่มคร่ำครวญด้วยเสียงแหลม ในทันใดนั้น เปลวไฟที่เผาไหม้อาคารก็ถูกพัดออกไปและหมอกบนยอดเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“นี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ! ” เจี้ยนเฉินมองบรรพชนอาวุโสอย่างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่นี่ แม้หลังจากที่ได้เห็นเซียนสวรรค์มากมายหลายคนไม่มีใครสักคนที่มีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์นอกเหนือจากเซียวเทียนและหมิงตง
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเริ่มเคร่งขรึม ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เป็นสิ่งที่เขาต้องระวัง แม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าเซียนสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็พึ่งพาพลังงานดั้งเดิมของเขา หากเขาไม่สามารถใช้มันได้ การฆ่าเซียนสวรรค์จะต้องใช้พลังงานจำนวนมาก
“ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ผู้อาวุโสหยาง ท่านมีมันจริง ๆ ! ” ผู้อาวุโสสูงสุดมองบรรพชนอาวุโสด้วยความตกใจอย่างที่สุด