ตอนที่ 240 ไม่อยากทำให้ชิงเฉิงเสียใจ / ตอนที่ 241 เยี่ยมซูเหิง

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 240 ไม่อยากทำให้ชิงเฉิงเสียใจ 

 

 

 

 

 

ท่าทีของซูจิ่วซือจริงใจ ซูเหิงเป็นศิษย์คนเก่งของสำนักศึกษาหนานซาน ย่อมเป็นคนฉลาด ไม่ว่าจะพูดในแง่ใด คนทำไม่น่าจะใช่ซูเหิง การทำอย่างนี้นอกจากทำลายอนาคตของตนแล้ว ยังไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย 

 

 

“ที่เจ้าพูดเป็นความจริง เราจะขอให้ระงับคดีไว้ก่อน ยังไม่ตัดสิน เจ้าถือโอกาสนี้สืบคดี แต่เรามีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง” 

 

 

“ฝ่าบาทโปรดมีพระบัญชา” 

 

 

ถ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างต้องการเงื่อนไขแลกเปลี่ยน ซูจิ่วซือก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากทูลรับคำ ไม่มีทางเลือก และที่สำคัญคือไม่อาจโต้แย้งและมีความเห็นขัดแย้งใดๆ  ในเมื่อพระองค์เป็นฮ่องเต้ 

 

 

“เราต้องการชิงเฉิง” 

 

 

ซูจิ่วซือตะลึง แล้วได้สติทันที “พระสนมกู้เป็นผู้หญิงของฝ่าบาทอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าฝ่าบาททรงหมายถึงอะไร” 

 

 

“นิสัยของชิงเฉิงเจ้าคงรู้ดี นางไม่ยอมใกล้ชิดเรา เวลานี้นางเชื่อฟังเจ้า และใกล้ชิดเจ้า เราให้เจ้าช่วยเรื่องนี้” 

 

 

“ฝ่าบาททรงปรารถนาจะให้หม่อมฉันทำอะไรเพคะ” 

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงลุกขึ้น หยิบขวดเคลือบสีดำออกมาจากที่ลับให้ซูจิ่วซือ “เจ้าเอายานี้ให้ชิงเฉิงกิน พอถึงตอนนั้นเราจะมีคำสั่ง” 

 

 

ซูจิ่วซือไม่รับยาที่เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงยื่นให้ นางทูลถามต่อ “เป็นยาอะไรหรือเพคะ” 

 

 

“เป็นยาที่จะทำให้เรากับชิงเฉิงเริ่มต้นกันใหม่” 

 

 

ซูจิ่วซือนึกถึงยาสั่งคะนึงหาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าอย่างไร นางไม่อาจวางยากู้ชิงเฉิง นางเป็นลูกสาวของตน จะทำร้ายลูกสาวได้อย่างไร 

 

 

เมื่อทอดพระเนตรเห็นซูจิ่วซือไม่รับยาที่พระองค์ทรงยื่นให้ พระเนตรของเฟิ่งอวิ๋นหล่างก็เย็นชาทันที “จิ่วซือ เจ้าคิดให้ดี เราไม่มีวันทำร้ายชิงเฉิง เราเพียงแต่อยากเริ่มต้นใหม่กับชิงเฉิง นี่เป็นหนทางเดียว ขอแต่ลบจางเฉิงออก เรากับชิงเฉิงจึงจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้” 

 

 

“จางเฉิงอาจจะถูกลบออกจากความทรงจำของชิงเฉิง แต่ไม่มีวันถูกลบออกจากพระทัยของฝ่าบาท หม่อมฉันทูลตามตรง ฝ่าบาททรงรำลึกถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาไม่ใช่หรือเพคะ” 

 

 

“เราจะลืมได้อย่างไร ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ชิงเฉิงไม่เคยลืมจางเฉิงเลย 

 

 

นางโทษเรามาตลอดว่าเป็นคนบีบคั้นจางเฉิง เดิมทีเราไม่ควรจะไยดีผู้หญิงคนนี้อีก แต่เราลืมนางไม่ลง นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เราเคยรัก จิ่วซือ เราขอถามอีกครั้ง เจ้าจะรับปากเรื่องนี้หรือไม่” 

 

 

ซูจิ่วซือเข้าใจแล้ว ถ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะทำก็ง่ายนิดเดียว แค่มีพระบัญชาก็ได้ แต่พระองค์กลับมอบหมายเรื่องนี้ให้นางทำ คงรู้สึกว่าเรื่องนี้จะทำร้ายจิตใจชิงเฉิง พระองค์ไม่ปรารถนาที่จะทำด้วยพระองค์เอง จึงให้นางเป็นคนจัดการเรื่องนี้ แต่ถึงนางจะปฏิเสธ เฟิ่งอวิ๋นหล่างก็ยังจะทำ 

 

 

ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะหาทางแก้ปัญหาระหว่างพระองค์กับกู้ชิงเฉิงด้วยวิธีนี้ ถ้ากินยาเข้าไป ชิงเฉิงก็จะลืมเหตุการณ์และผู้คนทั้งหมด พอถึงตอนนั้นในวังในอันเร้นลับ นางอาจจะรักเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ความทรงจำมีแต่เฟิ่งอวิ๋นหล่าง แต่ไม่อาจจำนางกับกู้หลียวน และอดีตทั้งหมด  

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างอยากทำให้กู้ชิงเฉิงกลายเป็นชิงเฉิงของพระองค์เอง 

 

 

หลังจากครุ่นคิดแล้ว ซูจิ่วซือก็ไม่ได้ทูลรับปาก “เรื่องนี้หม่อมฉันไม่อาจรับปากได้เพคะ หม่อมฉันไม่อยากทำร้ายชิงเฉิง” 

 

 

“ดีมาก” เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเก็บขวดเคลือบ “ถ้างั้นเจ้าก็รอเก็บศพซูเหิง เจ้ามีเวลาเพียงสามวัน พอพ้นสามวัน ก็ถือว่าเราได้ทำตามสัญญาแล้ว” 

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอพบซูเหิงได้หรือไม่เพคะ”  

 

 

“เราจะให้เจ้าพบเขาครู่หนึ่ง” 

 

 

“ฝ่าบาททรงพระเมตตา” 

 

 

“ไปได้!” 

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างโบกพระหัตถ์ ให้ซูจิ่วซือออกไป 

 

 

ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จา ลุกขึ้นแล้วถอยออกไป 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 241 เยี่ยมซูเหิง 

 

 

 

 

 

พอออกจากตำหนักหานจาง ซูจิ่วซืออยากไปวังจื่อจิง เพื่อเตือนกู้ชิงเฉิง พอใกล้จะถึงวังจื่อจิง นางกลับเดินอ้อมไป ถ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะประทานยาสั่งให้กู้ชิงเฉิง ไม่ว่านางจะพูดอย่างไร สุดท้ายก็คงห้ามไม่ได้ 

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างเป็นฮ่องเต้ หากมีพระประสงค์ ย่อมมีโอกาสมากมาย ไม่มีใครหนีพ้น 

 

 

พอคิดให้ดี กู้ชิงเฉิงใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานมาหลายปี ถ้าลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อไปอาจจะมีความสุขมากขึ้น 

 

 

พอคิดได้อย่างนี้ ซูจิ่วซือก็เลิกคิดที่จะไปบอกกู้ชิงเฉิง  

 

 

กู้ชิงเฉิงไม่คิดจะไปจากวังหลวงตลอดชีวิต และอยากอยู่วังจื่อจิงไปจนตาย ความจริงแล้วซูจิ่วซือก็ไม่อยากเห็นกู้ชิงเฉิงเป็นอย่างนี้ไปทั้งชาติ แต่ก็รู้ว่ากู้ชิงเฉิงมีนิสัยดึงดัน เชื่อในความคิดของตนไม่เปลี่ยนแปลง  

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงทำอย่างนี้ ไม่แน่อาจจะเป็นโอกาสให้กู้ชิงเฉิงพ้นจากปัญหา ไม่มีหนทางอื่น 

 

 

ถ้ากู้ชิงเฉิงสูญเสียความทรงจำและไม่ได้รักเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ซูจิ่วซือก็อยากพานางออกจากวังหลวง เมื่อในใจไม่มีความผูกพันกับใคร นางคงยินดีจากไป วันหลังยังเริ่มต้นใหม่ได้ 

 

 

ปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดสำหรับซูจิ่วซือคือการช่วยซูเหิง เฟิ่งอวิ๋นหล่างให้เวลานางเพียงสามวัน นางต้องสืบหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซูเหิงให้ได้ภายในเวลาสามวัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ 

 

 

หากไม่ได้จริงๆ นางจำเป็นต้องใช้ป้ายเว้นโทษประหาร ไม่ว่าอย่างไร นางต้องรักษาชีวิตของซูเหิงให้ได้ 

 

 

พอออกจากวัง ซูจิ่วซือก็ไปที่คุก เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงมีพระบัญชาไว้แล้ว เจ้าเมืองจึงพาซูจิ่วซือเข้าไปในคุกเอง ท่าทีนอบน้อม “องค์หญิง เชิญทางนี้” 

 

 

“รบกวนใต้เท้าฟางแล้ว” 

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า ตามใต้เท้าฟางเข้าไปในคุก เห็นซูเหิงนั่งบนพื้นในห้องขังในสุด เสื้อผ้าอย่างดีที่สวมอยู่เปลี่ยนเป็นชุดนักโทษ ผมซึ่งเคยมีที่รัดผมเวลานี้สยายลงมา ผมเผ้ารุงรังนั่งอยู่บนพื้น ชุดนักโทษสีขาวมีรอยเลือด แสดงว่าถูกเฆี่ยนด้วยแส้ 

 

 

“องค์หญิง มีอะไรก็พูดคุยกันเร็วหน่อย อีกสักครู่จะมีคนพาองค์หญิงออกไป” 

 

 

“ขอบใจใต้เท้าฟาง” 

 

 

ซูจิ่วซือแสดงมารยาทต่อใต้เท้าฟาง พยักหน้าให้ไต้เท้าฟาง พอใต้เท้าฟางออกไป ก็เหลือแต่ซูจิ่วซืออยู่ในคุก 

 

 

“น้องรอง” 

 

 

ซูจิ่วซือรีบเดินเข้าไปที่หน้าลูกกรง จับลูกกรงไว้แน่น ร้องเรียก 

 

 

พอได้ยินเสียงซูจิ่วซือ ซูเหิงซึ่งนั่งอยู่บนพื้นก็เงยหน้าขึ้นทันที แล้วผุดลุกขึ้น เดินโซเซเข้ามา จับที่ลูกกรง “พี่ เข้ามาได้อย่างไร” 

 

 

“พวกนั้นเฆี่ยนตีเจ้าใช่หรือไม่” 

 

 

ซูจิ่วซือเห็นรอยเฆี่ยนที่ชุดของซูเหิง และมีรอยเลือดชัดเจน บางที่เป็นแผลแตก แสดงว่ามีการลงโทษด้วยการเฆี่ยน  

 

 

ซูเหิงสั่นหัว “พี่ ข้าไม่เป็นไร วางใจเถอะ! ข้าทนไหว ไม่มีวันรับสารภาพแน่” 

 

 

ซูจิ่วซือห่วงมาก แต่เวลานี้ยังไม่สามารถพาซูเหิงออกไปได้ จึงหลีกไม่พ้นการถูกทรมาน เมื่อก่อนตอนที่นางติดคุกวังหลวงก็เคยถูกทรมาน 

 

 

“น้องรอง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

มีเวลาไม่มาก ซูจิ่วซือจึงต้องรวบรัด พยายามไม่พูดเรื่องที่ไม่จำเป็น ถามตรงๆ 

 

 

“เมื่อคืน ข้าอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ซูคังเข้ามาหา บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับข้า ข้าจึงออกไปกับซูคัง นึกไม่ถึงว่าพอเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคนก็โดนตีสลบไป 

 

 

พอฟื้นขึ้นมาข้าก็อยู่ในห้องหอ หลี่ซูหลานตายไปแล้ว 

 

 

ข้าตรวจดู เห็นเสื้อผ้าข้ามีรอยเลือด พอจะออกไป พวกนั้นก็เข้ามา ทั้งหมดนี้ซูคังเป็นคนทำ เขากลัวว่าหลี่ซูหลานจะคุกคามฐานะของเขา และรู้สึกว่าข้าเป็นอุปสรรคขัดขวางเขา จึงคิดหาทางยิงทีเดียวได้นกสองตัว”