ตอนที่ 238 พลิกคดีอย่างไร / ตอนที่ 239 แต่ละคนสมัครใจ

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 238 พลิกคดีอย่างไร 

 

 

 

 

 

“อาเขยเชื่อจริงหรือว่าเจ้าเมืองจะสืบสวนคดีใส่ร้ายได้” 

 

 

ซูจิ่วซือย้อนถาม 

 

 

“จิ่วซือ ซูเหิงออกจากบ้านตั้งสามปี อาจจะรับนิสัยไม่ดีเข้ามาก็เป็นไปได้ คนเราไม่ควรถือมั่นเกินไป บางครั้งต้องใช้กระบวนการยุติธรรมมาจัดการ เรื่องนี้เจ้าไม่ควรก้าวก่าย เจ้าเมืองคงสืบสวนได้ชัดเจน” 

 

 

ซูเหมยมองซูจิ่วซือแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้น 

 

 

“หวังว่าต่อไปท่านอาจะรู้จักใช้กระบวนการยุติธรรมมาจัดการ” ซูจิ่วซือพูดอย่างเย็นชา นางไม่อาจทนดูสีหน้าของซูเหมยได้ 

 

 

“ข้ากลับก่อนละ เชิญอาเขยและท่านอาตามสบาย” ซูจิ่วซือพูดจบ ก็ดึงซูเหลียงอินออกไปจากห้อง 

 

 

พอมาถึงที่ที่ไม่มีคน ซูเหลียงอินก็ร้อนใจจนแทบร้องไห้ “พี่ หลักฐานชัดเจนอย่างนี้ เราจะทำอย่างไรดี ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเกิดเรื่องขึ้น คงไม่ให้พี่รองกลับมา ข้ากลัวว่าพี่รองจะโดนฆ่าอย่างแม่” 

 

 

“ไม่หรอก ข้ารับรอง ซูเหิงไม่เป็นอะไรแน่” 

 

 

ซูจิ่วซือลูบหลังปลอบใจซูเหลียงอิน  

 

 

“แต่เราจะช่วยพี่รองอย่างไร ในห้องมีเขาอยู่คนเดียว แขนเสื้อก็มีเลือด จะอ้างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น” 

 

 

เรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจนจริงๆ การจะพลิกคดีเป็นเรื่องยากมาก 

 

 

“วิธีปกติคงพลิกคดีไม่ได้” จู่ๆ กู้หลียวนก็พูดขึ้น เขาเดินเข้ามา “ซูเหิงเพิ่งมาไม่กี่วันก็เกิดเรื่อง แสดงว่ามีคนคิดว่าเขาเป็นตัวขัดขวาง เรื่องนี้ต้องเป็นซูคังทำแน่ จิ่วซือ เวลานี้หลักฐานอาจจะไม่เป็นผลดีต่อซูเหิง มีสองคนที่สามารถช่วยซูเหิงได้” 

 

 

“สองคนมีใครบ้าง” 

 

 

ซูเหลียงอินร้อนใจมาก กู้หลียวนพูดจบ นางก็ซักถามทันที 

 

 

“คนหนึ่งคือฝ่าบาท อีกคนหนึ่งคือหลี่ซั่ว” 

 

 

เวลานี้ซูจิ่วซือเองก็ไม่เข้าใจความหมายของกู้หลียวน “หลี่ซั่วทำไมเกี่ยวข้องกับเจ้าเมือง” 

 

 

“จิ่วซือ เจ้าไม่รู้หรือ! หลี่ซั่วเป็นคนที่ใต้เท้าฟางสนับสนุน ทั้งสองมีคบหาสมาคมกันลึกซึ้ง เขาสามารถช่วยพูดกับใต้เท้าฟางได้ 

 

 

ถ้าเขายินดีช่วย แม้ช่วยซูเหิงไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้เขาพูดกับทางคุก อย่าให้ซูเหิงถูกทรมาน โทษโบยตีทรมานสารพัด ซูเหิงเป็นปัญญาชน ข้าเกรงว่าเขาจะทนไม่ไหว อาจจะตายในคุก 

 

 

ข้ากับหลี่ซั่วปกติไม่เคยไปมาหาสู่กัน ข้าจะพยายามลองดู ทางฝ่าบาทให้ชิงเฉิงช่วยทูล คำพูดของนางได้ผลมากกว่า ข้าจะเขียนจดหมายบอกนาง” 

 

 

ซูจิ่วซือปรามกู้หลียวน “ทางฝ่าบาท ข้าไปทูลเอง อย่าทำให้ชิงเฉิงหนักใจ ฝ่าบาทยังติดหนี้ข้าอยู่ ข้าจะไปทูลขอร้องให้ยืดเวลาอีกสักหน่อย” 

 

 

ทางด้านหลี่ซั่ว ซูจิ่วซือก็วิตกว่าเขาจะไม่ช่วย นางรู้แน่ชัดแล้วว่าหลี่ซั่วมีความสัมพันธ์กับพระสนมโหรว นางกุมความลับเรื่องนี้อยู่ จึงไม่กลัวว่าหลี่ซั่วจะไม่ช่วย 

 

 

“ยืดเวลาก็ไม่มีประโยชน์ เราไม่พบหลักฐาน เวลานี้มีแต่ฝ่าบาทเท่านั้นที่จะปล่อยตัวซูเหิงได้ ถ้าจะให้ซูเหิงพ้นเงื้อมมือเจ้าเมือง ก็ต้องไปทูลขอร้องฝ่าบาท เรื่องนี้ชิงเฉิงทำได้” 

 

 

ความจริงกู้หลียวนก็อยากให้กู้ชิงเฉิงถือโอกาสนี้คืนดีกับเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ในเมื่อในหัวใจนางยังมีเฟิ่งอวิ๋นหล่าง กู้หลียวนคิดเสมอว่าทั้งสองจำเป็นต้องอาศัยโอกาส 

 

 

“การจะรักษาชีวิตซูเหิงไม่ใช่เรื่องยาก ในมือข้ายังมีป้ายเว้นโทษประหาร ข้าอยากให้เขาออกจากคุกอย่างผู้บริสุทธิ์ เขาเพิ่งเข้ารับราชการ ไม่อาจมีคดีติดตัว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาก็ไม่มีอะไรเหลือ” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 239 แต่ละคนสมัครใจ 

 

 

 

 

 

ซูเหิงเป็นคนมีอุดมการณ์ แต่ถ้าโทษทัณฑ์ครั้งนี้ทำให้รับราชการไม่ได้ นางก็นึกไม่ออกว่าต่อไปซูเหิงจะเป็นอย่างไร  

 

 

เพื่อวันนี้ เขาได้พากเพียรมาเนิ่นนานและทุ่มเทอย่างหนัก เขาคงไม่สามารถรับผลอย่างนี้แน่ 

 

 

“เป็นเรื่องยากจริงๆ” กู้หลียวนถอนหายใจ “เราพยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ รักษาชีวิตเขาไว้ก่อนแล้วค่อยว่า ป้ายเว้นโทษประหารในมือเจ้าได้มาจากจื่อหยวนใช่หรือไม่!” 

 

 

ซูจิ่วซือไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า 

 

 

กู้หลียวนสีหน้าประหลาดใจ “จื่อหยวนมอบป้ายเว้นโทษประหารให้เจ้า ถ้าท่านแม่รู้เรื่องเข้า คงโกรธตายแน่ สาวงามนำเคราะห์จริงๆ” 

 

 

พอได้ยินคำเปรียบเทียบอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็ขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จา ซูเหลียงอินรีบปกป้องพี่สาว “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร เจ้าต่างหากที่นำเคราะห์ไปให้ผู้หญิงตั้งมากมาย เจ้านั่นแหละที่เป็นหนุ่มงามนำเคราะห์” 

 

 

ซูจิ่วซืออดหัวเราะไม่ได้ “คำนี้เอามาเปรียบหลียวน เหมาะจริงๆ” 

 

 

“ผู้หญิงแต่ละคนสมัครใจทั้งนั้น” 

 

 

กู้หลียวนโต้แย้ง 

 

 

“พูดอย่างกับว่าคนที่ชอบพี่สาวข้าไม่ได้สมัครใจอย่างนั้นแหละ” 

 

 

กู้หลียวนเดิมทีเพียงแต่ล้อเล่น นึกไม่ถึงว่าถูกเด็กสาวโต้แย้งจนไม่รู้จะตอบอย่างไร 

 

 

“เจ้าเด็กน้อยปากดีนัก ข้ากลับก่อนละ จิ่วซือ รอฟังข่าวจากข้า” กู้หลียวนไม่โต้แย้งกับซูเหลียงอิน เขากำชับสองสามคำก็จากไป 

 

 

ซูจิ่วซือกับซูเหลียงอินพากันกลับไปที่เรือน ซูเหลียงอินจับมือซูจิ่วซือ ก้มหน้าตลอดทาง “พี่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้อนใจ ข้าแค้นใจตัวเองจริงๆ” 

 

 

“เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังเล็ก เรื่องนี้เดิมทีเป็นเพราะข้าทำให้พวกนั้นไม่พอใจ ว่าไปแล้วพวกเจ้าพลอยเดือดร้อนเพราะข้า ข้าไม่ได้ปกป้องพวกเจ้าให้ดี” 

 

 

ซูเหลียงอินสั่นหัว “พี่ วันหลังอย่าพูดอย่างนี้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน พลอยเดือดร้อนอะไรกัน พี่เพียงแต่ทำเรื่องที่พี่รองอยากทำ ถ้าข้าโตกว่านี้หน่อย ข้าก็จะทำอย่างนี้เหมือนกัน” 

 

 

“ไม่ต้องห่วง ข้ารับรอง คราวนี้ซูเหิงไม่เกิดเรื่องแน่” 

 

 

ซูเหลียงอินพยักหน้า นางรู้ว่าซูจิ่วซือเก่งจริงๆ  บ่อยครั้งนางรู้สึกโทษตัวเอง รู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย มีแต่ทำให้ซูจิ่วซือยุ่งยากมากขึ้น  

 

 

เมื่อก่อนนางไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ เวลานี้นางยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ  ถ้าครอบครัวซูเหวินหมดไป พวกนางจึงจะอยู่อย่างสงบ ไม่เช่นนั้นพวกนั้นจะคอยจัดการพวกนางสามพี่น้อง พวกนางกับคนที่เรียกว่าอารองไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ถึงขั้นที่ต้องตายไปข้างหนึ่ง 

 

 

รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือเข้าเฝ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างในวังแต่เช้า ราวกับทรงคาดไว้แล้วว่าซูจิ่วซือจะมา หลังจากถวายบังคมแล้ว เฟิ่งอวิ๋นหล่างก็ตรัสขึ้นอย่างช้าๆ “จิ่วซือ คราวก่อนเจ้าเล่นหมากล้อมชนะเรา เรารับปากว่าจะทำตามที่เจ้าขอร้องอย่างหนึ่ง เวลานี้เจ้าจะขอร้องอะไร” 

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า “เรื่องน้องชายของหม่อมฉัน ฝ่าบาทคงทรงทราบมาแล้ว หม่อมฉันเชื่อมั่นในตัวน้องชาย รู้ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง จึงมาทูลขอให้ฝ่าบาททรงยืดเวลาไปสักระยะ อย่าเพิ่งตัดสินคดี ให้หม่อมฉันสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน” 

 

 

“เจ้าไม่พบซูเหิงสามปีแล้ว ทำไมจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำ” 

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเอนพิงพระที่นั่ง ตรัสถามต่อ 

 

 

“หม่อมฉันกับซูเหิงแม้ไม่พบกันสามปี แต่หม่อมฉันกับน้องชายโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก เขาเป็นคนอย่างไรหม่อมฉันรู้ดี ซูเหิงเป็นคนฉลาด ถ้าเขาเป็นคนทำ คงไม่ทิ้งหลักฐานไว้มากมาย”