ตอนที่ 346 ล่องูออกจากถ้ำ / ตอนที่ 347 ถูกต้อนจนมุม

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 346 ล่องูออกจากถ้ำ

 

 

           ผลการแข่งขันใกล้จะออกมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลงานของฉู่เจียเสวียนนั้นสมบูรณ์แบบ เพราะว่ามู่จื่อ แม้จะออกแบบต้นฉบับได้ แต่ว่ายังมีจุดหนึ่งที่เธอออกแบบผิด

 

 

           ในฐานะนักออกแบบ เมื่อต้องการออกแบบต้นฉบับเพื่อให้ได้งานที่สมบูรณ์แบบนั้น จะต้องร่างทุกลายเส้นอย่างดี ยิ่งต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องร้อยฝีเย็บอย่างไรเพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อน

 

 

           ทันทีที่ผลการแข่งขันออกมา มู่จื่อก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน

 

 

           บนเวที มู่จื่อตกใจจนใบหน้าขาวซีด เมื่อมองดูฝูงขนที่อยู่ด้านล่างเวที มือที่อยู่ข้างลำตัวกำชายกระโปรงของตัวเองทั้งสองข้างไว้แน่น

 

 

           ‘ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ต้องเชื่อใจเขา เชื่อใจเขา’ มู่จื่อพูดในใจไม่หยุด ยังคงรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้า แต่ว่าความตื่นตระหนกในแววตากลับหักหลังเธอ

 

 

           ฉู่อีอีรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงขยิบตาให้ใครบางคนในกลุ่มนักข่าว คนคนนั้นรับทราบ และเอ่ยปากทันที “การแข่งครังนี้ไม่ค่อยยุติธรรมหรือเปล่าครับ”

 

 

           ฝูงชนไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนประโยคนี้ขึ้นมา ห้องโถงที่เดิมทีมีเสียงดังก็เงียบลงทันใด

 

 

           ไม่ยุติธรรม? หมายความว่าอะไร? พวกเขาดูการแข่งขันของทั้งสองคนอย่างชัดเจน แม้ว่าในสายตาของพวกเขา ทั้งสองผลงานมีความสวยงามเหมือนกัน มองไม่เห็นความแตกต่าง แต่คนที่รู้เรื่องก็สามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว มันจะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร

 

 

           “คุณหมายความว่าอะไร พูดให้ชัดเจนที” นิสสันฟังนักข่าวและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

           เขาไม่เคยได้ยินคนอื่นสงสัยในคำพูดของเขาเลย เขาอยู่ในโลกแห่งการออกแบบมาหลายปี เขามักจะง่วนอยู่แต่กับผลงานไม่ใช่กับผู้คน

 

 

           “เท่าที่ผมรู้ คุณนิสสันกับคุณฉู่เจียเสวียนเคยพบกันเป็นการส่วนตัวใช่ไหมครับ” นักข่าวถาม

 

 

           “หา! พบกันเป็นการส่วนตัวเหรอ งั้นการแข่งครั้งนี้มีใต้โต๊ะหรือไง”

 

 

           “หรือว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อลบล้างข้อกล่าวหาของตัวเองงั้นเหรอ”

 

 

“……”

 

 

           ด้านล่างเวทีพูดคุยกันอื้ออึง หลังจากที่คนนั้นเอ่ยปากแล้ว ฉู่เจียเสวียนมองเขาอย่างเงียบๆ อยู่ตลอด แววตามีความเย็นชา ในที่สุดก็ออกมาแล้วเหรอ หึหึ

 

 

           “พวกเราเคยเจอหน้ากันแล้วยังไงคะ หรือเจอหน้ากันแล้ว ฉันจะต้องขอให้คุณนิสสันตัดสินให้ฉันชนะเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากบนเวทีสู่เบื้องล่าง พูดพร้อมมองดูคนที่ตั้งคำถามอย่างดูถูก

 

 

           เธอเคยเจอกับรุ่นพี่นิสสันแล้วยังไงเหรอ เธอแค่ขอให้รุ่นพี่นิสสันเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการการแข่งขันการออกแบบของเธอเท่านั้น รุ่นพี่นิสสันเป็นผู้นำด้านการออกแบบ การเชิญให้เขามาตัดสิน ทำให้คำพูดมีน้ำหนักกว่าการเชิญใครก็ได้มาตัดสิน

 

 

           ดูแล้วเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เพราะว่าเขาคงไม่โง่ถึงขนาดสงสัยในตัวอาจารย์นิสสัน ท่าทางคนที่คิดจะทำร้ายเธอน่าจะเป็นคนอื่น เพียงแต่ใครกันแน่ที่มีความแค้นกับเธอมากมายถึงเพียงนั้น

 

 

           “งั้นพวกคุณเจอหน้ากันทำไม” นักข่าวเอ่ย มองฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามด้วยความก้าวร้าว

 

 

           “ฉันอยากเชิญให้อาจารย์นิสสันมาเป็นคณะกรรมการ” ฉู่เจียเสวียนยิ้ม มองดูคนนั้นด้วยความจริงจัง เธออยากให้เขามาเป็นคณะกรรมการจริงๆ

 

 

           “ตามที่ผมสืบเจอมันไม่ใช่แบบนี้มั้ง? คุณฉู่ เที่ยงของวันนั้นคุณคุยกับอาจารย์นิสสันที่ชั้นหนึ่งของโรงแรมนานมาก คงไม่ได้คุยแค่เรื่องงานมั้ง? ผมยังมีรูปที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันตอนนั้นในมือผมด้วย” พูดจบ ก็แสดงรูปถ่ายในมือต่อหน้าทุกคน

 

 

           ในรูปถ่าย ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส และอาจารย์นิสสันเหมือนจะมองเธอด้วยความลึกซึ้ง แววตาระคนความนึกคิดไม่สิ้นสุด

 

 

           เห็นคนนั้นหยิบรูปถ่ายออกมา ฉู่เจียเสวียนยิ้ม

 

 

 

 

       ตอนที่ 347 ถูกต้อนจนมุม

 

 

           “ฉันรู้ดีว่าช่วงนี้ทุกคนเป็นห่วงเรื่องของฉันมาโดยตลอด แต่ว่าความจริงฉันเป็นคนลอกเลียนแบบหรือเปล่า เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนมีคำตอบในใจแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าว เสียงที่ชัดเจนดังก้องกังวาลอยู่ในห้องโถง สายตามองกวาดไปยังกองนักข่าวทีละคน

 

 

           “คุณฉู่ ทำไมคุณต้องพูดจาดูยิ่งใหญ่ขนาดนั้นด้วย” นักข่าวเอ่ยถามคำถามที่ยุ่งยาก

 

 

           “คือว่า เรื่องที่ฉันคุยกับอาจารย์นิสสันในวันนั้น พวกคุณทุกคนจะฟังก็ได้” เอื้อมมือ ยกปากกาบันทึกเสียงในมือขึ้น พร้อมยิ้มให้คนผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวที

 

 

           ฉู่อีอีได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้ว ม่านตาหดตัว เธอบันทึกเสียงไว้ด้วยเหรอ

 

 

           เธอเตรียมการมาเป็นพันวิธี คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะบันทึกเสียงเอาไว้ แอบกัดฟัน แววตาที่มองเธอมีความชั่วร้าย

 

 

           ‘ฉู่เจียเสวียน’ ในใจยิ่งเกลียดชังมากกว่าเดิม และเจือปนความตื่นตระหนกด้วย ถ้าหากคนพวกนั้นรับสารภาพจะทำยังไง

 

 

           “รุ่นพี่นิสสันคะ ฉันอยากให้พี่ช่วยเรื่องนึง ก็คือเป็นคณะกรรมการในการแข่งขันของฉัน เชื่อว่าพี่ก็คงรู้ดี ว่าช่วงนี้ฉันถูกอินเทอร์เน็ตสงสัยว่าฉันลอกเลียนแบบงานคนอื่น ฉะนั้นเรื่องนี้ฉันจะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์”

 

 

           “ครั้งนี้อาจารย์นิสสันจะยอมช่วยฉันไหมคะ”

 

 

           “ไม่มีปัญหา ถ้าถึงตอนนั้นเธอลอกเลียนแบบงานของคนอื่นจริงๆ ล่ะก็ เธอก็จะถูกต้อนจนมุมแน่”

 

 

           การสนทนาระหว่างคนทั้งสองดังก้องอย่างชัดเจนในห้องโถง ทุกคนฟังบทสนทนาในปากกาบันทึกเสียง เริ่มกระซิบกระซาบกัน

 

 

           “คุณคือนักข่าวหนังสือพิมพ์บันเทิงคนนั้นสินะ ทำไมคุณถึงกัดไม่ปล่อยว่าฉันสมรู้ร่วมคิดกับรุ่นพี่นิสสันล่ะ” ฉู่เจียเสวียนมองนักข่าวที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบคม

 

 

           “ผมก็แค่เดา…” นักข่าวพูด

 

 

           “เดาเหรอ? คุณนักข่าวท่านนี้ การเดาคำเดียวของคุณรู้ไหมว่าฉันต้องจ่ายไปเท่าไร คุณรู้ไหมว่าการเดาของคุณ ฉันต้องดิ้นรนต่อสู้แค่ไหน”

 

 

           “ผม…”

 

 

           “คุณมู่จื่อ ขอถามหน่อย คุณคิดจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง” สายตาที่คมกริบของฉู่เจียเสวียนมองคนที่ยืนอยู่อีกด้าน สีหน้าซีดเซียว

 

 

           ในตอนนี้เชื่อว่าไม่ต้องให้ทุกคนเดาก็รู้แล้วว่าฉู่เจียเสวียนบริสุทธิ์ ฝีมือการออกแบบของเธอดีจนไม่มีที่ติ อีกอย่าง ชื่อเสียงของฉู่เจียเสวียนในวงการการออกแบบนั้นดีเสมอมา ฉะนั้นในตอนนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงผลการตัดสินแล้ว

 

 

           เรื่องการลอกเลียนแบบในครั้งนี้ ฉู่เจียเสวียนล้างมนทินได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ อีกทั้ง ความนิยมชมชอบของเธอก็ยกขึ้นไปอีกระดับ

 

 

           หลังจากแข่งขันจบแล้ว มู่จื่อก็ถูกจำรวจจับตัวไป ส่วนคนของฉู่เจียเสวียนในขณะนี้อยู่ที่สถานีตำรวจ ทุกคนต่างรอปากคำของมู่จื่อ ต้องการรู้ว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอทำ

 

 

           แต่ไม่ว่าอย่างไรมู่จื่อก็ไม่ยอมปริปากว่าใครอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่พูดอยู่ตลอดเวลาว่าเธออิจฉาฉู่เจียเสวียนและไม่พอใจ ดังนั้นจึงบอกว่าเธอลอกเลียนแบบผลงานคนอื่น ที่จริงแล้วเพราะเธออยากโด่งดัง

 

 

           ส่วนลึกในใจของฉู่เจียเสวียนไม่เชื่อคำพูดของเธอ แต่เธอยืนกรานว่าเธอเป็นคนทำเอง ฉู่เจียเสวียนก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายได้แต่ออกไปจากสถานีตำรวจกับกงจวิ้นฉือ

 

 

           “เจียเสวียน ตอนนี้เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว คุณอย่าคิดมากเลย” กงจวิ้นฉือออกจากสถานีตำรวจกับฉู่เจียเสวียน มองดูเธอที่คิ้วขมวดกัน เอ่ยปากปลอบโยนเธอ

 

 

           “จวิ้นฉือ เรื่องนี้ฉันคิดว่าจะต้องมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังเธอแน่นอน ฉันจะต้องสืบให้รู้เรื่อง” ฉู่เจียเสวียนกล่าว น้ำเสียงมั่นใจ เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกใส่ความอย่างมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีคนยอมรับแล้ว

 

 

           “อืม” กงจวิ้นฉือตอบ เปิดประตูรถให้ฉู่เจียเสวียนขึ้นไปนั่ง จากนั้นเธอจึงหันหลังกลับไปขึ้นรถ