ตอนที่ 675 สรุปแล้วมีอะไรกันแน่
หวงเผยซานทราบเรื่องหนึ่งเป็นอย่างดี นั่นก็คือหากวันนี้เขาปล่อยให้ป๋ายถานผู้นี้เข้าไป ตำแหน่งผู้ดูแลทั้งภายในภายนอกของเขาก็ไม่สมควรเป็นแล้ว ทั้งยังจะถูกตัดคอต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อีกด้วย!
“เล่อผินเหนียงเหนียง นี่คือ?” ใบหน้าของหวงเผยซานแข็งค้างไป เขาหวนคืนสติกลับมา จากนั้นก็แสร้งถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ป๋ายถานได้ยินดังนั้นจึงตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หลายวันมานี้ฮ่องเต้ทรงยุ่งกับเรื่องของบ้านเมือง ข้ากลับใช้ชีวิตอย่างดีอยู่ในตำหนัก ในใจจึงรู้สึกละอายนัก ทว่าข้าก็เป็นเพียงสตรีในวังหลัง มิอาจทำให้ฝ่าบาทปลดเปลื้องความทุกข์ได้ ดังนั้นข้าจึงเข้าครัวด้วยตนเอง ตุ๋นน้ำแกงเนื้อแพะด้วยความตั้งใจมาถวาย”
“อยากจะให้ฝ่าบาททรงชิมดู” ป๋ายถานพูดถึงตรงนี้ ก็คล้ายกับรู้สึกละอาย นางยกมือขึ้นกุมใบหน้างามของตนครู่หนึ่ง
หวงเผยซานได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ากลับมีความกลัดกลุ้มใจ
นี่เป็นช่วงเวลาที่ไม่เช้าและไม่เย็นนัก ซูหลียังอยู่ภายในห้องทรงอักษร เมื่อครู่เขายังได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากภายใน ดูเหมือนจะไม่สามารถจบสิ้นได้ในเวลานี้
นี่…
“หวงกงกง?” ป๋ายถานเห็นเขาไม่โต้ตอบ นางจึงถามขึ้นอย่างสงสัย
หวงเผยซานดึงสติกลับมาฉีกยิ้มให้กับนางครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปรับกล่องอาหารนั้นไว้
“เล่อผินเหนียงเหนียง กล่องนี้ให้พวกเรารับไว้เถิด อีกครู่พวกเราจะนำไปถวายฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่ป๋ายถานได้ยินดังนั้นพลันขมวดคิ้วขึ้น นางเจาะจงมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อให้หวงเผยซานนำสิ่งของเข้าไปส่งให้กับฉินเย่หาน หากไม่ใช่เพราะต้องการพบหน้าฉินเย่หาน นางจะมาที่นี่ทำไมกัน
ทว่าป๋ายถานไม่ทราบว่า ฉินเย่หานในเวลานี้กำลังกอดสตรีนางหนึ่งไว้ในอ้อมแขน กำลังรักและทะนุถนอมนางอย่างสุดซึ้ง
“ฝ่า…อื้อ!” เสียงสนทนาจากด้านนนอกนั้นดังไม่น้อย ทว่าซูหลีได้ยินอย่างแจ่มแจ้งเพียงแต่ทันทีที่นางส่งเสียงร้องออกมา กลับรู้สึกว่าเสียงของตนนั้นผิดปกติเป็นอย่างมาก นางจึงยกมือขึ้นปิดปากตนเอง เพื่อไม่ให้นางส่งเสียงดึงดูดความสนใจจากคนภายนอก
ดวงตาคู่นั้นของฉินเย่หานจ้องนางตาเขม็ง เขาไม่มีความคิดที่จะหยุดพักเลยสักนิด
ซูหลีเห็นดังนั้นจึงร้อนใจอย่างอดไม่ได้ หากนางถูกป๋ายถานจับได้ในห้องทรงอักษรวันนี้ นางจะต้องเสียชื่อเสียงขึ้นมาโดยแท้ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังด้านไม่ดีเสียด้วย
ซูหลีไม่กล้าจิตนาการ ถึงเวลานั้นสิ่งที่รอนางอยู่จะเป็นสิ่งใดกัน
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ ทว่ากลับไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ นางเป็นคนรูปร่างเล็ก บัดนี้กลับถูกฉินเย่หานแสดงความรักไปหนึ่งคำรบ ยามเช้าก็ไม่มีเรี่ยวแรงอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว นางยังจะสามารถผละออกจากบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเสียที่ไหนกัน
และเป็นเพราะภายนอกมีคนอยู่ ทำให้นางเกิดความรู้สึกตื่นเต้น ร่างกายจึงไวต่อความรู้สึกยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ดวงตาของฉินเย่หานยิ่งลึกซึ้งกว่าเดิม และเขายิ่งไม่อยากปล่อยนางไป
ซูหลีแทบจะตาลีตาเหลือกและเป็นลมพับไป
“ฝ่าบาท ด้านนอก…มีคนนะพ่ะย่ะค่ะ!” นางสูดอากาศเข้าไปและพยายามอดกลั้นเสียงของตนให้แผ่วเบาลง นางเอ่ยประโยคนี้ออกมาพร้อมกับต้องการยกมือผลักคนตรงหน้า
ทว่าฉินเย่หานกลับทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนางก็มิปาน เขาไม่รู้จักเหนื่อยล้าเลยสักนิด
ซูหลี…
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!” ซูหลีไม่มีวิธีอื่นนอกจากส่งเสียงเล็กอ้อนวอนเขา หวังว่าเขาจะสามารถหยุดการกระทำนี้ลง
“อ้าย!” ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ตอบแทนนางกลับเป็นการลงโทษที่หนักหน่วงกว่าเดิม
ทั้งร่างของซูหลีสั่นเทิ้ม นางส่งเสียงร้องออกมาและเสียงนี้ทำให้ป๋ายถานที่อยู่ด้านนอกได้ยิน
คนอย่างป๋ายถานหลังจากได้ยินเสียงประหลาดเช่นนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างห้ามไม่ได้
นางมองหวงเผยซานด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยว่า “หวงกงกง สรุปแล้วมีอะไรกันแน่ ที่นี่คือห้องทรงอักษรเป็นสถานที่ที่ฝ่าบาททรงใช้จัดการเรื่องของบ้านเมือง!”
ตอนที่ 676 ทำไมถึงเข้าไปไม่ได้
“ทำไมข้าถึงเข้าไปไม่ได้” หากเมื่อครู่นางฟังไม่ผิดเสียงนั้นคงจะเป็นเสียงของสตรีอีกทั้งยังเป็นเสียงที่มีเสน่ห์เย้ายวนเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของป๋ายถานเปลี่ยนไปอย่างถนัดตา นางไม่มีทางจิตนาการออกเลยว่า ฝ่าบาทผู้ซึ่งไม่เคยมีความสนใจต่อนาง จะสามารถกระทำเช่นนั้นต่อสตรีอีกคนได้…
เพียงแค่คิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกควบคุมตนเองไม่อยู่ และต้องการถลาเข้าไปฉีกหน้าคนที่อยู่ด้านใน!
“เหนียงเหนียง วันนี้ฝ่าบาททรงว่าราชกิจตลอดทั้งช่วงเช้า บัดนี้ทรงกำลังเหนื่อยล้า เหนียงเหนียงอย่าได้เข้าไปเลย ของสิ่งนี้มอบให้พวกเราเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานก็รู้สึกรำคาญใจเช่นกัน
เขาได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่านี่ฉินเย่หานไม่คิดที่จะรามือ ฮ่องเต้ทรงเป็นเช่นนี้ เขาเป็นเพียงแค่บ่าวยังจะสามารถทำอะไรได้กัน
อีกทั้ง ป๋ายถานที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่คนที่เขาสามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย อย่างไรป๋ายถานก็เป็นนายส่วนเขาเป็นบ่าว
ทะ ทว่า…
สีหน้าของป๋ายถานเขียวคล้ำ นางมองไปที่หวงเผยซานด้วยความโกรธ
ที่จริงแล้วหากนางประสบกับเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวังหลวง อย่างไรนางก็คงสามารถมีความอดกลั้นได้บ้าง ทว่าบัดนี้นางเข้าวังมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เคยได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้สักครา
ป๋ายถานคิดว่าตนนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างมีความอดกลั้น ทว่าต่อให้มีความอดกลั้นถึงเพียงใด ก็รับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้!
ดังนั้นในเวลานี้ นางยิ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
“หวงกงกง นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?” ป๋ายถานวางมาดเย็นชา จากนั้นพูดตำหนิหวงเผยซาน
หวงเผยซานอ้ำอึ้งไปเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงปรากฏรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
ดูเหมือนว่าวันนี้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนทนความลำบากเสียแล้ว
ก็เพื่อเรื่องเหล่านั้นของฮ่องเต้!
หวงเผยซานกัดฟัน เรื่องนี้เขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ว่ากันไปตามเหตุผล ป๋ายถานก็ถือว่าเป็นสาวงามไม่มีข้อบกพร่อง อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ได้รับการอบรบมาอย่างดี มิหนำซ้ำยังเป็นสตรีผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อฮ่องเต้ทรงมิโปรดปราน ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานผู้ที่อยู่ด้านในท่านนั้น
อีกทั้งยังยินยอมกระทำเรื่องเช่นนี้กับนางผู้นั้น เขาจะสามารถทำอะไรได้
“เหนียงเหนียงโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซายหลับตาลงและทรุดตัวคุกเข่าลงไปที่ด้านข้างของป๋ายถาน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ป๋ายถานก้าวเข้าไปภายในห้องทรงอักษรแม้แต่ก้าวเดียว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท! ได้โปรด! อย่า!” ทว่าซูหลีที่อยู่ภายใน ส่วนหนึ่งคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวจากภายนอก และอีกด้านหนึ่งก็คอยสังเกตฉินเย่หาน ทั้งร่างของนางคล้ายกับมีชีวิตอยู่ในน้ำและไฟในเวลาเดียวกัน นางเพียงรู้สึกว่าทุกวินาทีนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากเกินจะเปรียบ
นางอ้อนวอนฉินเย่หานด้วยเสียงแผ่วเบา ฉินเย่หานเงยหน้ามองนาง ทว่ากลับเห็นใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความอ่อนแอเช่นนี้ต่อหน้าเขา
อย่ามองท่าทางที่นางแสร้งทำเป็นกลัวเขามากในยามปกติ ทว่าในใจเขานั้นเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด
คาดไม่ถึงว่า จะเห็นความอ่อนแอของนางเพราะเรื่องเช่นนี้ ในใจของฉินเย่หานกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เมื่อในใจมีความพึงพอใจแล้ว เขาก็ไม่เคี่ยวกรำนางอีกต่อไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินเย่หานก็หยุดการกระทำของเขาลง
“เฮือก!” แม้ในที่สุดฉินเย่หานจะหยุดลงมือ ทว่าซูหลีกลับยังต้องอดกลั้นไม่ให้เสียงของตนเล็ดลอดออกมา
นางกลัวว่าน้ำเสียงที่ประหลาดของตน จะเผยอะไรบางอย่างออกมา
ทันทีที่เขาเดินออกไป ร่างทั้งร่างของซูหลีก็พิงลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังอย่างไร้เรี่ยวแรง คล้ายกับคนที่กลั้นใจจนจะขาดใจใกล้ตายแล้ว เมื่อได้สัมผัสกับอากาศ นางจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ
“หวงกงกง วันนี้เจ้ากล้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไม่ไว้หน้าแล้วหรือ!?” เสียงเยียบเย็นของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านนอก ทำให้ซูหลีหวนสติกลับคืนมาและอยากที่จะหนีออกไป
ทว่าทันทีที่นางก้มศีรษะลง ก็พบกับเศษผ้าขาดเต็มพื้น และนางไม่รู้ว่าชุดขุนนางไปยั่วโมโหฉินเย่หานหรืออย่างไร ถึงได้ถูกเขาดึงทึ้งจนกลายเป็นเช่นนี้!