ตอนที่ 677 สวมอย่างไร / ตอนที่ 678 เล่นหูเล่นตา

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 677 สวมอย่างไร

 

 

ซูหลีอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นในใจของนางเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ

 

 

เสียดายที่นางรู้สึกว่าฉินเย่หานเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชาชาญ นางจะรู้เสียที่ไหนกันว่ายามฮ่องเต้ทรงประสบกับเรื่องเช่นนี้ จะทรงมีท่าทางเช่นนี้ นาง…นางเกือบจะตกใจจนหมดสติไปแล้วนะ!?

 

 

“นี่จะทำอย่างไรดี” นางอดกลั้นความโกรธเอาไว้และเอ่ยด้วยเสียงต่ำ

 

 

ฉินเย่หานเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่อดกลั้นความโกรธของนาง ใบหน้าของนางแดงก่ำน่าดึงดูดใจยิ่งนัก ดวงตาดอกท้อไม่มีความเย็นชาและสุขุมเหมือนยามปกติ แต่กลับมีความเดือดดาลแฝงอยู่

 

 

เขาเห็นแล้วจึงค่อยๆ ฉีกยิ้มขึ้น

 

 

เขายิ้มบางๆ จากนั้นจึงหัวเราะอย่างสบายอกสบายใจ

 

 

ซูหลีถูกรอยยิ้มของเขาทำให้ตะลึงงัน เมื่อนางมีท่าทีตอบสนองก็อดเงยหน้ามองฉินเย่หานตาขวางมิได้ จะหัวเราะอะไรกัน ดูเหมือนเขากระทำเรื่องอะไรที่ทั้งสองคนควรจะอับอาย

 

 

ไม่สิ…

 

 

เป็นเรื่องที่นางควรอับอายโดยแท้

 

 

ใบหน้าของซูหลีแดงก่ำแล้วก็ซีดขาว ซีดขาวแล้วก็เขียวคล้ำ นางไม่คิดว่าตนจะมีวันนี้!

 

 

เสียงเล็กดังมาจากภายในห้องทรงอักษร ทำให้หวงเผยซานกับป๋ายถานผงะไป

 

 

หวงเผยซานตะลึงค้าง แต่ป๋ายถานผู้นั้นกลับผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงแผดเสียงออกมาด้วยโทสะว่า

 

 

“หวงเผยซาน นี่เจ้าบอกว่าฝ่าบาททรงเหนื่อยล้ารึ ใครทำให้เจ้าใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ให้เจ้าที่เป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่ง บังอาจปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้!?”

 

 

หวงเผยซานถูกเสียงเล็กแหลมของนางทิ่มแทงจนตัวสั่น คิดไม่ถึงว่าเล่อผินที่ดูอ่อนโยนในยามปกติ จะมีอีกด้านเช่นนี้

 

 

ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี แม้เขาจะได้หน้ายามอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ อย่างไรป๋ายถานก็เป็นนาย เขาเป็นบ่าว หากนางต้องการลงโทษ ก็เพียงแค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น

 

 

“เจ้า…” ในขณะที่ป๋ายถานต้องการพูดอะไรบางอย่างออกมา กลับได้ยินน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบดุจน้ำแข็งเอ่ยว่า

 

 

“เราอนุญาตเอง!”

 

 

เสียงคำพูดนี้เอ่ยออกมาดังมาก ทำให้พวกเขาได้ยินอย่างชัดเจน

 

 

ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้หวงเผยซานกับป๋ายถานทั้งสองคนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของฉินเย่หานเท่าไรนัก

 

 

“หวงเผยซาน”

 

 

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังอ้ำอึ้ง พลันได้ยินเสียงมาจากด้านในอีกครั้ง

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานรีบขานรับ

 

 

“ให้นางกลับไป”

 

 

น้ำเสียงที่ดังออกมาจากห้องทรงอักษรนี้มีความเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งกระทบเข้าสู่ก้นบึ้งหัวใจของป๋ายถาน

 

 

ใบหน้าของป๋ายถานแข็งกระด้าง นางคิดไม่ถึงว่าสิ่งนางที่รออยู่จะเป็นคำพูดประโยคนี้!

 

 

อีกทั้งยังถูกฉินเย่หานพูดต่อหน้าห้องทรงพระอักษรและพูดต่อหน้าบ่าวที่เฝ้าปรนนิบัติติดตามฉินเย่หาน

 

 

“เหนียงเหนียง!” เมื่อชำเลืองเห็นสีหน้าผิดปกติของป๋ายถาน สาวรับใช้ที่นางพามาด้วยคนหนึ่งก็เรียกนางด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

ป๋ายถานจ้องมองนางด้วยใบหน้าแข็งกระด้าง มือทั้งสองจิกที่กลางฝ่ามือของตนเองอย่างรุนแรงคล้ายกับต้องการทำให้ฝ่ามือของนางถูกทิ่มแทงจนทะลุก็มิปาน

 

 

“…หม่อมฉันทูลลาเพคะ” แม้นางจะมีสภาพจิตใจดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะทนรับฟังคำพูดประโยคนี้จากชายคนรักได้ ป๋ายถานหมุนกายออกไปจากห้องทรงพระอักษรด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ

 

 

หลังจากนางเดินออกไป หวงเผยซานก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เขาชำเลืองมองเงาจากทางด้านหลังของป๋ายถานที่ยังเชิดหน้าสูงเอาไว้

 

 

มีประกายความซับซ้อนพาดผ่านในดวงตาของหวงเผยซาน ก่อนเล่อผิงเหนียงเหนียงท่านนี้จะเข้ามาอยู่ในวัง นางเป็นสตรีอันเป็นที่รักแห่งสวรรค์… น่าเสียดายที่ไม่ใช่นาง อีกทั้งเป็นเพราะนางมีความมั่นใจในตนเองจนเกินไป จึงทำให้นางรู้สึกว่าฮ่องเต้ทรงมีท่าทีต่อนางเปลี่ยนไป

 

 

หวงเผยซานอยู่ข้างกายฮ่องเต้มาตลอดหลายปีขนาดนี้ ทว่ากลับไม่เคยเห็นฮ่องเต้มีพระทัยเมตตาต่อสตรีนางไหน

 

 

แน่นอนว่า…

 

 

ผู้ที่อยู่ข้างในนั้น ไม่นับรวมอยู่ในนั้นด้วย

 

 

ในเวลานี้ คนที่อยู่ในนั้นกลับเป็นดังเปลวไฟโดยแท้

 

 

ตุบ! นางโยนเศษผ้าลงบนโต๊ะ ในตานั้นมีเพลิงโทสะแผดเผาอยู่

 

 

“นี่จะสวมใส่ได้อย่างไร!? หรือจะให้ข้าออกไปเช่นนี้”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 678 เล่นหูเล่นตา

 

 

เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากที่ซูหลีจะโมโหต่อหน้าฉินเย่หาน

 

 

ฉินเย่หานจะเหลวไหลเกินไปแล้ว!

 

 

ห้องทรงอักษรเป็นสถานที่แห่งใดกัน นางมีตำแหน่งเป็นอะไรกัน นึกไม่ถึงเลยว่า…นึกไม่ถึงเลย!

 

 

ซูหลีหวนสติกลับคืนมา นางยังรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นรัว ในเวลานี้นางสวมเสื้อป้ายตัวในเรียบร้อยแล้ว ฉินเย่หานไม่ได้ฉีกเสื้อป้ายตัวในของนางจนขาด ทว่าก็ไม่ได้ดีอะไรนัก!?

 

 

นางโมโหเป็นอย่างมาก!

 

 

ฉินเย่หานมองนางอยู่หลายปราด เขาเพียงพบว่านางเพียงโมโหโดยไม่สนใจตนเลยสักนิด ภายในสายตาเคร่งขรึมและเก็บความรู้สึกของฉินเย่หานกลับมีความอารมณ์ขันพาดผ่าน มีเพียงแค่เวลานี้เท่านั้นที่ซูหลีดูคล้ายกับสตรีธรรมดา

 

 

“หวงเผยซาน” ในขณะที่ตกอยู่ในความเงียบ ฉินเย่หานพลันเปิดปากเรียกหวงเผยซานที่อยู่ด้านนอก

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เรื่องของป๋ายถานก่อนหน้าดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบต่อหวงเผยซานอะไรนัก เขารีบขานรับอย่างนอบน้อม

 

 

“หาอาภรณ์มาชุดหนึ่ง”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

แม้ซูหลีจะไม่มองฉินเย่หาน ทว่านางก็หูผึ่งคอยฟังว่าฉินเย่หานจะทำอะไรต่อ ยังดีที่ฉินเย่หานไม่ได้เหลวไหลเกินไป สุดท้ายก็ให้นางไปสวมเสื้อผ้า

 

 

ทว่า…

 

 

ทันทีที่ซูหลีครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ ก็รู้สึกว่าสมองของตนปวดไปหมด คล้ายกับเลือดกำลังไหลขึ้นไปแล่นในสมอง

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน!

 

 

“เรื่องของเฉิงเค่อ” ในขณะที่กำลังอ้ำอึ้ง จู่ๆ ก็ได้ยินฉินเย่หานที่อยู่ด้านข้างเปิดปากเอ่ย

 

 

ซูหลีผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงแหงนศีรษะมองเขา

 

 

กลับเห็นดวงตาที่ลุ่มลึกดุจมหาสมุทรที่กำลังจ้องนางตาไม่กะพริบ หาได้หลงเหลือความอบอุ่นเหมือนกับเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

 

 

“จักต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”

 

 

“…พ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีขยับริมฝีปาก สุดท้ายจึงขานรับ เพียงแต่ในใจของนางมีความโกรธแค้นอยู่บ้าง ในใต้หล้านี้คงไม่มีสตรีผู้ใดที่ต้องความอดกลั้นเท่านางแล้วกระมัง

 

 

เมื่อปรนนิบัติเสร็จแล้ว ยังต้องรับคำสั่งที่เขาสั่งให้ไปกระทำอย่างมีความสุขอีก

 

 

สามารถใช้คำว่าอุทิศตัวเองทั้งหมดมาบรรยายได้หรือไม่

 

 

นางพลันรู้สึกสะเทือนใจกับการอุทิศตัวของตนเอง

 

 

“หากมีเรื่องอะไร ขอเพียงรายงานขึ้นมา เราจะเป็นผู้รับผิดชอบแทนเจ้าเอง” อย่างไรก็ตาม เมื่อซูหลีรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างมากในใจ ฉินเย่หานซึ่งมักเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งกลับเอ่ยประโยคเช่นนี้เสริมขึ้น

 

 

มีประกายความตกใจพาดผ่านในดวงตาของซูหลี ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าก็คือความหวาดหวั่นในใจ

 

 

ฮ่องเต้ผู้มีพระพักตร์เย็นชาผู้นี้ดูแล้วก็ไม่ใช่คนที่ปรนนิบัติยากอะไรขนาดนั้นนี่นา! อย่างน้อยเขาก็รู้จักปกป้องซูหลีจากเรื่องนี้

 

 

ที่จริงซูหลีนั้นเข้าใจดีว่า ของสิ่งนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่แน่เบื้องหลังอาจมีอะไรพิลึกพิลั่นปิดซ่อนอยู่ก็ได้ ทว่านางก็ต้องกระทำ

 

 

ไม่ใช่เพื่อราษฎรในใต้หล้า แต่เพื่อให้นางสามารถยืนอยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้อย่างมั่นคง

 

 

เมื่อมีคำพูดประโยคนี้ของฉินเย่หาน นางก็สามารถไปจัดการอย่างวางใจได้แล้ว

 

 

อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครต้องการลอบทำร้ายนางในมุมมืด

 

 

ดังนั้นสำหรับซูหลีแล้ว การพูดรับปากของฉินเย่หาน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการมาห้องทรงอักษรในวันนี้

 

 

หลังจากนางใคร่ครวญแล้วจึงรีบคำนับและเอ่ยว่า “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 

 

“อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเรา” คิดไม่ถึงว่าฉินเย่หานจะจ้องนางตาไม่กะพริบ ในดวงตาเต็มไปด้วยความมืดหม่นและเอ่ยว่า “หากคราหน้า เจ้ากล้าที่จะเล่นหูเล่นตากับคนอื่นบนท้องพระโรง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแล้ว!”

 

 

ซูหลีตะลึงงัน…

 

 

เล่นหูเล่นตา!

 

 

นี่เป็นการต้องโทษทั้งที่ไม่ได้กระทำโดยแท้!

 

 

นางไปเล่นหูเล่นตาเล่นตากับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

 

 

นางก็แค่คิดเช่นนี้ในใจ ทว่าหลังจากได้ยินแล้วกลับรีบผงกศีรษะ

 

 

ดูเหมือนว่าที่ฉินเย่หานปฏิบัติต่อนางเมื่อครู่นั้น จะเป็นเพราะเรื่องของนางกับเซี่ยอวี่เสียน

 

 

ช่างเถอะ เขาจะพูดอะไรก็แล้วแต่ นางแค่ฟังก็เท่านั้น เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาอารมณ์ไม่ดีและกระโจนเข้ามาอีก…