หร่วนเซียงเซียงไม่คิดเลยว่าจิ้นหยวนจะถามเธอแบบนี้ เธอตกใจและส่ายศีรษะระรัว “ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้เป็นคนทำ พี่จิ้นหยวนอย่าใส่ร้ายฉันแบบนี้สิคะ…” 

 

 

จิ้นหยวนสังเกตสีหน้าของเธออย่างละเอียดราวกำลังจับผิดว่าเธอพูดจริงหรือไม่ หร่วนเซียงเซียงหัวใจเต้นโครมคราม พยายามทำตัวให้ผ่อนคลายมากที่สุด เธอแสร้งปั้นหน้าน่าสงสาร “พี่จิ้นหยวน ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะคะ ที่ผ่านมาฉันแค่มาอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงเท่านั้น ได้พูดอะไรเลยจริงๆ นะคะ” 

 

 

จิ้นหยวนมองเธออย่างจับสังเกตแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ ฉันเชื่อเธอ” 

 

 

เธอยิ้มดีใจ แต่จิ้นหยวนไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอีก เขาเอ่ยตัดความหวังเธอทันที “ต่อไปเธอไม่ต้องมาที่บ้านฉันอีก บ้านฉันไม่ต้อนรับเธอ” 

 

 

เธอหน้าถอดสีทันที ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะหักหน้าเธอดื้อๆ แบบนี้ ใบหน้าเธอแดงก่ำ เธอจ้องเขาแล้วเอ่ยถามเสียงสั่น “ทำไมคะ ทั้งๆ ที่คุณลุงชอบฉันมาก…” 

 

 

จิ้นหยวนเอ่ยตัดบทอย่างรำคาญใจ “แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ ตอนนี้มีโอกาสที่อาการของพ่อฉันจะกำเริบอีก ฉันจะกลับมาดูแลท่านเอง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอไม่ต้องมาที่นี่อีก” 

 

 

เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบราวกับว่าคำพูดทำร้ายจิตใจพวกนั้นไม่ได้ออกมาจากปากของเขาเอง    หร่วนเซียงเซียงน้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสาร เธอร้องออกมาเสียงดังว่า “พี่จิ้นหยวน” แล้วพูดไม่ออกอีก 

 

 

ใครมาเห็นสภาพเธอในตอนนี้ก็ต้องรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอ แต่จิ้นหยวนกลับเฉยชามาก เขากวาดสายตามองเธออย่างเยียบเย็น “ถ้าร้องไห้จนพอใจแล้วก็กลับไปซะ!” 

 

 

เขาไม่ปิดบังความชิงชังที่มีต่อเธออีกต่อไป เขาไม่เคยเชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าแค่มาอยู่เป็นเพื่อนจิ้นเฮ่าเฉยๆ โดยที่ไม่เคยพูดอะไรเลย เขาไม่เชื่อหรอกว่าอยู่ดีๆ จิ้นเฮ่าจะไม่ชอบหน้าเฉียวซือมู่โดยไม่มีสาเหตุ หร่วนเซียงเซียงจะต้องพูดอะไรกับจิ้นเฮ่าแน่ๆ 

 

 

เขาถึงขั้นสงสัยว่าที่รูปถ่ายของเขากับเฉียวซือมู่กลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมขนาดนั้น ตระกูลหร่วนจะต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ 

 

 

เพราะฉะนั้น เขาถึงได้เกลียดที่เห็นเธอเล่นละครตบตาไม่เลิก 

 

 

เขาเอ่ยจบแล้ว และเขาไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่นานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว เขาหมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วสั่งกับพ่อบ้าน “เดี๋ยวออกไปส่งคุณหร่วนด้วย” 

 

 

พ่อบ้านตอบรับเสียงเบาด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

หร่วนเซียงเซียงยืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวในห้องหนังสือ เธอรู้สึกอับอายขายหน้ามาก เธอไม่เคยถูกคนอื่นขับไล่ไสส่งแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำกับเธอแบบนี้ และเธอจะจำมันไว้! 

 

 

สีหน้าของเธอดูโหดเ**้ยม เธอยิ้มเย็นแล้วพูดกับตัวเอง “จิ้นหยวน คิดว่าจะไล่ฉันได้เหรอ? ฝันไปเถอะ” 

 

 

เธอหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับความแค้น สักวันเธอจะต้องเอาคืนให้สาสม โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชื่อเฉียวซือมู่คนนั้น 

 

 

เฉียวซือมู่กลับถึงบ้านแล้ว เธอถามพ่อบ้านเฉินแล้วได้คำตอบว่าเขายังไม่กลับบ้าน เธอโทรศัพท์หาเขาอีกครั้งแต่ยังคงไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม เธอนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? ทำไมถึงติดต่อเขาไม่ได้สักที? 

 

 

เธอครุ่นคิดเล็กน้อย เพิ่งขึ้นขึ้นได้ว่าเธอควรจะโทรหาหลินจื้อเฉิงที่มักจะอยู่กับจิ้นหยวนบ่อยๆ แต่เธอต้องชะงักเล็กน้อยเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา 

 

 

ที่ผ่านมาเธอมีแต่จิ้นหยวนคนเดียว ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ติดต่อเขาไม่ได้แบบนี้ เธอจึงไม่เคยคิดที่จะติดต่อคนรอบข้างของเขาเลยสักครั้ง 

 

 

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเสียใจที่ตัวเองชะล่าใจแบบนี้ เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วหันไปถามพ่อบ้านเฉิน “คุณมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณหลินหรือเปล่าคะ?” 

 

 

พ่อบ้านเฉินชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ “ไม่มีครับ” 

 

 

เธอโยนโทรศัพท์มือถือไปอีกทางด้วยความผิดหวัง “ช่างมันเถอะ” 

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องเราเขาอย่างเดียว จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องกลับมา 

 

 

ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้นก็เถอะ แต่สภาพจิตใจของเธอก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี ถึงแม้แม่ครัวจะเสิร์ฟอาหารเย็นแสนอร่อยเต็มโต๊ะ แต่เธอกลับไม่มีอารมณ์กินเลยสักนิด เธอกินข้าวแค่ครึ่งถ้วยและคีบผักกินไปอีกสองคำพอเป็นพิธีเท่านั้น 

 

 

พ่อบ้านเฉินพยายามพูดปลอบใจเธอ “คุณเฉียว คุณชายงานยุ่งมาก บางทีเขาอาจจะแค่ลืมโทรศัพท์มือถือ คุณอย่างเป็นกังวลไปเลยนะครับ” 

 

 

เขาคิดเพียงแค่ว่าเธอแค่เป็นห่วงจิ้นหยวนเฉยๆ เท่านั้น เพราะเขายังไม่รู้ว่าในโลกอินเทอร์เน็ตด่าว่าเธอเป็นผู้หญิงรักสบาย เป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่ยอมพลีกายเพื่อเงินทอง  

 

 

เฉียวซือมู่ขยับปากอยากจะอธิบาย แต่ตอนนี้เธอหมดอารมณ์แล้วจึงได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ “ฉันกลับห้องก่อนนะคะ ถ้าเขากลับมาก็รบกวนมาบอกฉันด้วยนะคะ” 

 

 

“ได้ครับ” 

 

 

เธอลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นบันไดไป พอปิดประตูลงพลันรู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดเหือดหายไปหมดจนต้องนอนแผ่หราแน่นิ่งอยู่บนเตียงกว้าง 

 

 

วันนี้เธอเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมาเยอะมากจนรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ ตอนนี้เธอรู้เพียงแค่ว่าร่างกายเมื่อยล้าไปหมด เธอรู้ตัวดีว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอเครียดมากเกินไป 

 

 

เธอนอนแผ่หราอยู่บนเตียงสักพักกว่าจะลากสังขารตัวเองให้ลุกไปเข้าห้องน้ำได้ เธอรีบอาบน้ำอุ่นอย่างรวดเร็ว เธออาบน้ำเสร็จแล้วแต่จิ้นหยวนยังไม่กลับมาเสียที เธอใช้ความคิดชั่วครู่แล้วหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คออกมา พยายามจะติดต่อจิ้นหยวนผ่านอินเทอร์เน็ต 

 

 

ปรากฏว่าเธอส่งข้อความให้เขาแล้วแต่ไร้การตอบกลับใดๆ จากเขาเหมือนเดิม เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ข่าว เธอกวาดสายตาดูพาดหัวข่าวแล้วถึงกับชะงักนิ่งอึ้งไปทันที 

 

 

ข่าวของเธอกับจิ้นหยวนที่เคยเป็นประเด็นร้อนตามหน้าเว็บไซต์ข่าวชื่อดังอันตรธานหายไปในอากาศจนหมด ไม่เพียงแค่รูปถ่ายเท่านั้นที่หายไป แม้แต่ความคิดเห็นเลวร้ายพวกนั้นก็หายไปด้วย เธอดีใจมาก รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของลูกน้องของจิ้นหยวนเป็นแน่ 

 

 

ปกติแล้วข่าวซุบซิบนินทาชาวบ้านเป็นข่าวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องอินเทอร์เน็ต อย่างข่าวภรรยาของดาราชื่อดังที่นอกใจจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องหย่ากันก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง และกลายเป็นเรื่องสนุกปากของทุกคนในโลกอินเทอร์เน็ต นี่เป็นสันดานของมนุษย์ เพราะฉะนั้น จู่ๆ ข่าวของเธอก็หายไปกลางอากาศแบบนี้ ให้ตายเธอก็ไม่เชื่อหรอกว่าไม่ใช่ฝีมือลูกน้องของจิ้นหยวน   

 

 

เธอยังสังเกตเห็นด้วยว่าข่าวที่จิ้นเฮ่าประกาศงานหมั้นกลางงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าก็หายไปด้วยเหมือนกัน ดูท่าทางแล้วจิ้นหยวนเองก็ไม่เห็นด้วยความสิ่งที่จิ้นเฮ่าทำ เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วมุมปากของเธอก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว พลันรู้สึกอิ่มใจเป็นอย่างมาก 

 

 

ในเมื่อเขาลงมือแล้ว แล้วทำไมจนป่านนี้แล้วเขายังไม่กลับบ้านอีก? เธออยากจะแบ่งปันความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้กับเขามากเหลือเกิน 

 

 

เธอเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงใหญ่พักใหญ่ อุณหภูมิในห้องนอนค่อยๆ เย็นลง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา นี่มันเลยเวลาที่เขาต้องกลับบ้านตั้งนานแล้วนะ 

 

 

เธอครุ่นคิดไปมา ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรกันนะที่สามารถยื้อตัวเขาเอาไว้ได้นานขนาดนี้ 

 

 

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิดๆ หนังตาของเธอค่อยๆ หนักอึ้งจนแทบจะปิดแล้ว เธอพยายามฝืนไม่ให้หลับอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่ในที่สุดเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความง่วงที่โจมตีเธออย่างหนัก เธอกอดผ้าห่มไว้แน่นแล้วค่อยๆ จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเธอยื่นมือลูบคลำที่นอนข้างตัวด้วยความเคยชินทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา แต่กลับพบเพียงความเย็นอันว่างเปล่า เธอชะงักนิ่งอึ้ง พลันความหนาวเหน็บแผ่ซ่านเข้าไปในจิตใจ เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน 

 

 

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแต่กลับไม่มีเบอร์โทรที่ไม่ได้รับสาย เธอยันกายลุกขึ้นนั่ง อารมณ์เธอหดหู่เหมือนสภาพอากาศข้างนอกไม่มีผิด สภาพอากาศที่มืดครึ้มและอาจจะเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าได้ตลอดเวลา 

 

 

นับตั้งแต่วันที่เธอรู้จักเขาจนกระทั่งถึงตอนนี้ นอกจากช่วงเวลานั้นที่เธอทะเลาะกับเขาแล้ว เขาไม่เคยค้างคืนนอกบ้านเลย แต่เมื่อคืน…