บทที่ 1335 การตอบสนองของวังสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1335 การตอบสนองของวังสวรรค์

แปลโดย iPAT

“เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนเสียชีวิตขณะที่นักรบหมื่นมังกรหลบหนี…”

ฟางหยวนพึมพำ

ข้อมูลถูกส่งมาถึงเขาในเวลานี้

“เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของวังสวรรค์เป็นอย่างมาก”

“พังพอนหางสุนัข…ม้าของเทพอมตะตะวันเดือด พลังการต่อสู้ของมันน่ากลัวจริงๆ”

“แม้สิ่งนี้จะช่วยยกขวัญกำลังใจของคนเหนือแต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับวังสวรรค์”

ด้วยประสบการณ์ชีวิตห้าร้อยปีและประสบการณ์ในสงครามห้าภูมิภาค ฟางหยวนรู้ว่าวังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกล้ำ หากเปรียบเทียบ ถ้ำสวรรค์นิรันดรยังไม่ถือเป็นสิ่งใด

“เหตุการร์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแรกของข้า”

“หลังจากนี้ภาคเหนือและภาคกลางจะเป็นศัตรูกัน ยิ่งไปกว่านั้นถ้ำสวรรค์นิรันดรและวังสวรรค์ก็จะอยู่คนละฝ่าย”

“ตอนนี้วังสวรรค์จะแก้แค้นหรือไม่? หากพวกเขาทำ มันจะน่าสนใจมาก”

ฟางหยวนไตร่ตรองและพยายามคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นของเทพอมตะตะวันเดือด ขณะที่วังสวรรค์มีสามผู้อมตะระดับเก้า ทั้งสองต่างเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างรุนแรง

ตอนนี้ผู้อมตะทั้งโลกกำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้

พวกเขากำลังรอดูการตอบสนองของวังสวรรค์

ตามตรรกะ วังสวรรค์ต้องตอบโต้เพราะพวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหว ชื่อเสียงของพวกเขาจะร่วงหล่นลง

แต่กำแพงภูมิภาคยังเป็นปราการป้องกันสงครามใหญ่ระหว่างผู้อมตะ

และคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องวังสวรรค์แห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือด

มันยากเกินไปที่วังสวรรค์จะโจมตี

ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีหรือไม่ พวกเขาก็มีข้อแก้ตัวให้กับตนเอง

และไม่ว่าวังสวรรค์จะเลือกทางใด การเคลื่อนไหวของพวกเขาจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของทั้งห้าภูมิภาค

ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาทำนายไว้นานแล้ว

หากวังสวรรค์ส่งผู้อมตะไปช่วยหม่าหงหยุน พวกเขาพบอุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาล้มเหลว พวกเขาจะหลบหนีกลับภาคกลางและการต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลานานมาก

แต่เมื่อฟางหยวนได้รับข่าวนี้ เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

มีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่เขายังไม่สามารถระบุได้ว่าปัญหาที่แท้จริงคือสิ่งใด

“บางทีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นเพราะการกระทำของข้า มันเกิดจากผลกระทบของการกำเนิดใหม่ของข้า นี่ทำให้ข้อได้เปรียบของการกำเนิดใหม่ลดน้อยลง ดังนั้นข้าจึงรู้สึกไม่สบายใจงั้นหรือ?”

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม

“ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น การเพิ่มความแข็งแกร่งก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

“อาณาจักรแห่งความฝัน ข้ามาแล้ว!”

ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร ตราบเท่าที่เขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและพบว่าตนเองอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง

เวลากลางคืน ดวงจันทร์ส่องประกายเย็นเยียบ

หมาป่าเห่าหอนขณะที่ฟางหยวนไม่สามารถเคลื่อนไหว เขาถูกคนสองคนแบกจากด้านหน้าและด้านหลัง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนตระหนักว่าตนเองไม่สามารถเคลื่อนไหวและเริ่มประเมินสถานการณ์

“อูด อูด”

เสียงคล้ายหมูดังเข้าหูฟางหยวน

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่ามันเป็นเสียงของสองคนที่แบกเขาเอาไว้

คนทั้งสองแบกฟางหยวนขึ้นภูเขา

เมื่อเมฆสีดำบนท้องฟ้าลอยออกไป แสงจันทร์ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ทั้งสองไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์อสูรที่มีศีรษะเป็นหมู!

‘ในยุคปัจจุบัน มนุษย์อสูรกำลังจะสูญพันธุ์ แต่พวกมันปรากฏตัวในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่คือยุคสมัยใด?’ คำถามปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน

ฟางหยวนรู้สึกผิดปกติและเริ่มดิ้นรน แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าเขาอ่อนแอมากและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขาดิ้นรนอย่างหนักแต่เขายังขยับร่างกายได้เพียงเล็กน้อย

“กรอ…”

มนุษย์อสูรหัวหมูป่าเห็นการเคลื่อนไหวของฟางหยวนและเริ่มส่งเสียงคำราม

‘โอ้ ไม่!’ ฟางหยวนกรีดร้องอยู่ภายใน

แต่มนุษย์อสูรทั้งสองเร็วกว่า พวกมันโยนฟางหยวนลงบนพื้น

ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทำให้เขาแทบหมดสติ

ด้วยความมุ่งมั่น ฟางหยวนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นและเห็นมนุษย์อสูรหัวหมูป่ายกขาขึ้น

มันกระทืบใบหน้าของฟางหยวน

“บึม!”

ศีรษะของฟางหยวนถูกทุบราวกับผลแตงโม เลือดไหลออกมาพร้อมกับมันสมองที่กระจัดกระจายไปทั่ว

‘บัดซบ!’ การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันสิ้นสุดลง จิตวิญญาณของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาถูกบังคับให้ออกมา

‘นี่หมายความว่าข้าต้องรอโอกาส ข้าไม่สามารถทำการผลีผลาม?’ ฟางหยวนคิดขณะใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาตนเอง

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีจำนวนการใช้งานที่จำกัดเนื่องจากม้าปีศาจฝันร้ายถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

แต่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวแตกต่างออกไป ตราบเท่าที่มีภูเขาตงฮัน วิญญาณความเด็ดเดี่ยวก็ยังมีเพียงพอ

ดังนั้นฟางหยวนจึงยินดีรับอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณมากกว่าการใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

คราวนี้ฟางหยวนไม่ขยับเขยื้อนและปล่อยให้มนุษย์อสูรหัวหมูป่าอุ้มไปถึงครึ่งทาง

“กรอ…” เมื่อถึงจุดหนึ่ง มนุษย์อสูรหัวหมูก็หยุดและคำราม

ภายใต้แสงจันทร์ ฟางหยวนเห็นมนุษย์อสูรหัวหมูป่าสองตัวนี้ยืนอยู่บนขอบหน้าผา

‘โอ้ ไม่’ ฟางหยวนกำลังจะต่อสู้เมื่อมนุษย์อสูรหัวหมูป่าโยนเขาลงจากหน้าผา

‘นี่คือ?’ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อมองเห็นหลุมศพขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง

ศพจำนวนนับไม่ถ้วนนอนและส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมารอบๆ

ร่างของฟางหยวนถูกบดขยี้และตายอยู่ท่ามกลางกองซากศพเหล่านั้น

เขาถูกบังคับให้ออกจากอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

‘อาณาจักรแห่งความฝันนี้คือสิ่งใด?’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ที่ภาคกลาง ในวังสวรรค์

“ท่านราชันมังกร เชิญ” ผู้อมตะหญิงชราหลังค่อมก้มตัวลงเล็กน้อย

ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่ต่อหน้าราชันมังกรด้วยความเคารพ

ราชันมังกรไม่ได้อยู่ในสภาพที่อ่อนแออีกต่อไป หลังจากดูดกลืนพลังชีวิตของมังกรปีศาจ ตอนนี้เขากลับมาแข็งแรงและกลายเป็นผู้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่ง

เขากำลังมองไปยังหอคอยที่อยู่ด้านหน้า “ยายชา เจ้าทำได้ดี”

มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากหอคอยดวงตาสวรรค์

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า!

แม้มันจะถูกทำลายที่ภาคใต้ แต่วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของมันยังถูกรักษาไว้ หลังจากพวกมันถูกส่งกลับมายังวังสวรรค์ ยายชาก็ตื่นขึ้นและพยายามซ่อมแซมมัน

ตอนนี้นางทำสำเร็จแล้ว หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แบบ

“ท่านราชันมังกร เชิญ” ยายชานำทาง

ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยติดตามยายชาเข้าไปในหอคอยดวงตาสวรรค์

บันไดหยกขาวไม่ต่างจากเดิมแต่หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่ได้ถูกกระตุ้นใช้งาน ดังนั้นมันจึงไม่มีภาพใดๆปรากฏขึ้นบนกำแพง

เมื่อสามผู้อมตะเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด พวกเขาก็พบกับวิญญาณอมตะดวงหนึ่งอยู่ที่นี่

วิญญาณอมตะดวงนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณระดับเก้าออกมา มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแมงมุมสีขาวดำที่มีบาดแผลสีแดงพาดอยู่บนร่างกายและแทบจะแยกมันออกเป็นสองส่วน

มันก็คือวิญญาณชะตากรรม

วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของเทพปีศาจบัวแดงที่หยิบยืมพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณชะตากรรมเกือบตาย แต่หลังจากการทำงานหนักมาหลายชั่วอายุคนของสมาชิกวังสวรรค์ ในที่สุดมันก็ฟื้นตัวขึ้นห้าสิบส่วน

เมื่อมาถึงจุดนี้ มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ความเร็วในการฟื้นตัวของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ด้วยการทำงานอย่างหนักของยายชา ตอนนี้มันฟื้นตัวขึ้นหกสิบส่วนแล้ว

“ดีมาก ดีมาก ยายชา เจ้ามีความสำคัญอย่างมากต่อวังสวรรค์และมวลมนุษยชาติ ข้าแน่ใจว่าเมื่อวังสวรรค์ปกครองห้าภูมิภาค ชื่อของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์และเป็นที่เคารพนับถือของบุตรหลานทุกคนในอนาคต” ราชันมังกรยกย่อง

ยายชายิ้ม “ขอบคุณท่านราชันมังกร ข้าช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นการซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์ก็เป็นความปรารถนาของหญิงชราผู้นี้อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า”

ยายชาหัวเราะอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างของนางกลายเป็นฝุ่นควันและถูกลมพัดหายไปในอากาศ

ผู้อมตะระดับแปด ยายชา ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเสียชีวิตลงแล้ว

นางเหลืออายุขัยเพียงเล็กน้อย นางตื่นขึ้นด้วยความตกใจจากการเสียชีวิตของเจ้าวังคนก่อนและตัดสินใจอุทิศตนเพื่อวังสวรรค์

นี่ทำให้วังสวรรค์สูญเสียผู้อมตะระดับแปดไปในลักษณะนี้

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

การแสดงออกของราชันมังกรไม่เปลี่ยน เขากล่าว “ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ ผู้อมตะมากมายของวังสวรรค์ต่างเสียสละตนเองในลักษณะนี้เพื่ออนาคตที่สดใสของคนรุ่นหลัง เว่ยหลิงหยาง ไป่เฉินเทียน พวกเขาเสียสละตนเองเช่นเดียวกับยายชา และในอนาคตเราสองคนก็จะทำเช่นเดียวกัน”

“เหตุใดวังสวรรค์ถึงเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งมาตลอด นอกจากสามเทพอมตะยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการ นั่นคือผู้อมตะของเราไม่กลัวที่จะเสียสละตนเอง เพราะเรารู้ว่ามนุษยชาติต้องการพวกเรา สวรรค์พิภพต้องการพวกเรา!”

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึกและกลับสู่ความสงบ “หากเป็นเช่นนั้น ท่านราชันมังกร ตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป?”

ราชันมังกรปิดเปลือกตาก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้ง “ยุคที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว บางคนไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

“แต่ฟางหยวน อิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง และคนอื่นๆล้วนเจ้าเล่ห์ พวกเราไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด มันยากเกินไปที่จะอนุมานตำแหน่งของพวกเขาโดยเฉพาะกำแพงภูมิภาคที่กีดขวางอยู่” เทพธิดาจื่อเว่ยกังวล

“อย่าห่วง” ราชันมังกรโบกมือ “ไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ที่ใด เราต่างรู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คืออาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้”

“ลืมเรื่องของภาคเหนือและถ้ำสวรรค์นิรันดรไปได้เลย พวกมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ”

“เราต้องกำจัดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับแรก!”