บทที่ 1334 หลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1334 หลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์

แปลโดย iPAT

ราชันภูเขาม่วงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ไป่หนิงปิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดขณะที่อิงอู๋เซี่ยถาม “มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ?”

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “มันเป็นเจตจำนงสวรรค์จริงๆ แต่ข้าเป็นคนริเริ่ม”

“หมายความว่าอย่างไร?” ไป่หนิงปิงตกใจ

จากคำกล่าวของราชันภูเขาม่วง ดูเหมือนเขาจะตั้งใจทำให้ตนเองวิกลจริต

ราชันภูเขาม่วงถอนหายใจ ฉากในอดีตปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง “ในอดีตพวกเรากลุ่มร่างแยกรุ่นแรกพบว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเจตจำนงสวรรค์และพยายามหาทางรับมือมัน”

“ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้าเป็นผู้นำกลุ่มร่างแยกรุ่นแรก ข้ามีหน้าที่หาวิธีรับมือเจตจำนงสวรรค์”

“โดยใช้มรดกที่แท้จริงส่วนหนึ่งของเทพอมตะกลุ่มดาวรวมกับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า ข้าได้คิดค้นวิธีการหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์”

“หลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์?” ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยมองหน้ากับด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

“ถูกต้อง เจตจำนงสวรรค์กว้างใหญ่และอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ในเวลานั้นเราพึ่งเริ่มต่อสู้กับมัน เราไม่รู้ความลับและจุดอ่อนของมันเท่ากับตอนนี้ เวลานั้นเราถูกหยุดยั้ง สถานการณ์ของเราเลวร้ายลงและอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ”

ราชันภูเขาม่วงกล่าวต่อ “ข้าไม่มีทางเลือกและถูกบังคับให้ใช้วิธีนี้ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา เนื่องจากศัตรูมีพลังอำนาจสูงมาก ข้าจึงแสร้งยอมจำนนและแทรกซึมเข้าไปเพื่อล้วงความลับของมัน ท้ายที่สุดรู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้”

ดวงตาของไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยส่องประกายขึ้น

เจตจำนงสวรรค์ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ราชันภูเขาม่วงต้องการแทรกซึมเจตจำนงสวรรค์ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ราชันภูเขาม่วงอธิบาย “เจตจำนงสวรรค์ พวกเจ้าต้องเข้าใจมันอย่างชัดเจน เมื่อถ้ำสวรรค์กลืนกินสวรรค์ทั้งเก้า เจตจำนงสวรรค์จะสามารถเข้าไปขณะที่จิตวิญญาณสวรรค์จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ เช่นเดียวกันในกรณีของผู้อมตะ ทุกครั้งที่เจตนำจงสวรรค์เข้ามาในร่างของข้า ข้าจะกลายเป็นบ้าและสูญเสียตัวตน”

“อย่างไรก็ตามนี่เป็นเหตุผลที่ข้าสามารถลดเจตจำนงสวรรค์ที่ต้องการฆ่าข้าลงได้มากและสามารถรักษาชีวิตมาจนถึงตอนนี้”

“ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือเมื่อข้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์ ข้าสามารถทำความเข้าใจมันได้อย่างชัดเจนและสามารถเรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของมัน”

“เมื่อรู้จักเจตจำนงสวรรค์มากขึ้น ข้าก็สามารถวางแผนต่อต้าน”

“หลักการของสวรรค์คือไร้ปรานี มันคิดว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นเพียงตัวหมากเบี้ย จากมุมมองของเจตจำนงสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้คือตัวหมากของมันและในกระดานหมากรุกแห่งโชคชะตานี้มีจุดที่น่าสนใจบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของข้า”

คำอธิบายของราชันภูเขาม่วงทำให้ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยสนใจมาก

เพราะพวกเขาตระหนักแล้วว่าคำกล่าวของราชันภูเขาม่วงมีความสำคัญมาก

ราชันภูเขาม่วงกล่าวต่อ “ข้าหลอมรวมกับเจตจำนงสวรรค์และพบว่าแผนการของเจตจำนงสวรรค์มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญอยู่ ทุกครั้งที่ข้าเป็นบ้า ข้าจะฉวยโอกาสตรวจสอบจุดสำคัญเหล่านั้น เมื่อข้าได้สติกลับคืน ข้าจะพยายามใช้มันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส”

“และในการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้ พวกเจ้าได้เห็นการใช้หมากเบี้ยตัวหนึ่งแล้ว”

ร่างของไป่หนิงปิงสั่นสะท้านขึ้น

อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างเคร่งเครียด “นายท่านราชันภูเขาม่วง ท่านกำลังกล่าวถึงไท่เป่ยหยุนเฉิงงั้นหรือ?”

ราชันภูเขาม่วงพยักหน้า “ถูกต้อง ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นหมากตัวสำคัญในกระดานหมากรุกแห่งโชคชะตา แม้สวรรค์จะจัดเตรียมมันไว้ แต่ข้าก็สามารถพลิกสถานการณ์โดยใช้พลังของเขาเพื่อทำให้พวกเราสามารถหลบหนี”

ไท่เป่ยหยุนเฉินเคยพบกับราชันภูเขาม่วงเมื่อเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณและได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจากชายชรา

เจตจำนงสวรรค์และเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงต่างส่งอิทธิพลต่อไท่เป่ยหยุนเฉิงอย่างลับๆ

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนถูกใช้งานโดยเจตจำนงสวรรค์เพื่อกลับสู่อดีตและพลิกคว่ำแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ฟางหยวนจึงได้รับความช่วยเหลือจากไท่เป่ยหยุนเฉิงระหว่างกระบวนการนั้น

ไท่เป่ยหยุนเฉิงกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวน

แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะสติปัญญาของฟางหยวนเอง

ต่อมาไท่เป่ยหยุนเฉิงแยกตัวจากฟางหยวนและหันมาช่วยเหลือนิกายเงา

นี่เป็นเพราะฟางหยวนทรยศต่อเจตจำนงสวรรค์ ในช่วงเวลาสำคัญ เขาไม่ได้ทำลายวิญญาณทารกอมตะ แต่กลับใช้มันกับตนเอง ไท่เป่ยหยุนเฉิงช่วยนิกายเงาเพราะอิทธิพลของราชันภูเขาม่วง

ไท่เป่ยหยุนเฉิงเสียชีวิตในการต่อสู้ หากพิจารณาอย่างผิวเผินอาจเป็นเพราะฟางหยวน แต่จากมุมมองอื่น นี่เป็นตัวหมากที่ถูกเขี่ยทิ้งโดยความขัดแย้งระหว่างนิกายเงากับเจตจำนงสวรรค์

อิงอู๋เซี่ยได้ยินเรื่องนี้และเข้าใจราชันภูเขาม่วงมากขึ้น

เขากรีดร้อง “ข้าเข้าใจแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นายท่านราชันภูเขาม่วงได้เดินทางไปทั่วโลกเพราะท่านต้องการส่งอิทธิพลต่อตัวหมากที่สำคัญเหล่านี้และตอนนี้พวกเขาจะเป็นกำลังเสริมให้กับพวกเรา!”

ราชันภูเขาม่วงเผยรอยยิ้มบาง “ถูกต้อง”

…..

ภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนกำลังใช้สมาธิควบคุมวิญญาณจำนวนมาก

หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอมตะสมบัติเลือดระดับหก

ฟางหยวนสูดหายใจลึก การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดค่อยๆบินเข้าไปในเสาแสงสีมรกต

เสาแสงสีมรกตถูกอาบย้อนด้วยแสงสีแดงเลือดแทบจะในทันที

ฟางหยวนถอนหายใจ ขั้นตอนสำคัญจบลงในที่สุด

เสาแสงสีแดงเลือดค่อยๆอ่อนกำลังลงก่อนจะสลายไป กลิ่นอายของมันยังลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศและแทรกซึมลงไปในถ้ำด้านล่าง

มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปใต้พิภพเป็นระยะทางหลายลี้

มีรูระบายอากาศอยู่นับร้อยแห่งที่เชื่อมถ้ำใต้พิภพกับโลกภายนอก รูเหล่านี้ทั้งมืดและลึกแต่พวกมันส่งกลิ่นหอมออกมา

“ค่ายกลวิญญาณสำหรับถ้ำขดด้ายดำเนินการไปได้ครึ่งทางแล้ว”

“ต่อไปข้าต้องย้ายแมงมุมหน้าคนมาที่นี่และเริ่มเลี้ยงดูพวกมัน”

“กระบวนการนี้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนค่ายกลวิญญาณในอีกหนึ่งหรือสองเดือนข้างหน้า จากนั้นทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ”

ฟางหยวนเต็มไปด้วยความสุข

จื่อซานออกจากค่ายกลวิญญาณและกลับตระกูลจื่อไปแล้ว ขณะที่ฟางหยวนดำเนินการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเขาต่อไป

ในอาณาจักรแห่งความฝันก่อนหน้านี้ มันเหลือเพียงสองฉาก พวกมันถูกคลี่คลายโดยท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันของฟางหยวนไปแล้ว

ดังคาดตอนนี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนบรรลุระดับปรมาจารย์เรียบร้อยแล้ว

ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลและผลประโยชน์จากการพูดคุยกับจื่อซาน มันทำให้ฟางหยวนสามารถอนุมานค่ายกลวิญญาณใหม่สำหรับถ้ำขดด้าย

ค่ายกลวิญญาณนี้ใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมันเป็นสองเท่า

แนวคิดเพิ่มประสิทธิภาพแปดเท่าของฟางหยวนไม่สามารถทำได้

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นสองเท่าทำให้ฟางหยวนพอใจแล้ว

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนกำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ข่าวที่น่าตกใจก็ถูกเผยแพร่ออกมาและสามารถสั่นคลอนโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาค

นั่นคือสิบนิกายโบราณของภาคกลางและวังสวรรค์พ่ายแพ้!

พวกเขาส่งกลุ่มผู้อมตะเดินทางไปยังภาคเหนือ แต่นอกจากพวกเขาจะไม่สามารถช่วยหม่าหงหยุน พวกเขายังพ่ายแพ้ยับเยิน

ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดสามคนของภาคกลาง เว่ยหลิงหยาง นักรบหมื่นมังกร และไป่เฉินเทียน สองคนตายและอีกหนึ่งหายสาบสูญ

ผู้ที่สังหารผู้อมตะระดับแปดคืออดีตม้าของเทพอมตะตะวันเดือด สัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนาน พังพอนหางสุนัข

แต่กลุ่มผู้อมตะภาคกลางยังมีผู้รอดชีวิต

จ้าวเหลียนหยุน อวี๋อี้เย่ซือ ซือเจิ้งอี้ และอีกหลายคนได้รับการช่วยเหลือจากเว่ยหลิงหยาง พวกเขาสามารถหลบหนีด้วยการสนับสนุนจากกำลังเสริมของภาคกลาง

ข่าวนี้ทำให้คนทั้งโลกตกตะลึง

รากฐานและความแข็งแกร่งของภาคกลางเป็นที่ยอมรับจากสาธารณชนว่าแข็งแกร่งที่สุดในห้าภูมิภาค

นิกายโบราณทั้งสิบเป็นกองกำลังใหญ่ที่ปกครองภาคกลางทั้งหมด แต่ละนิกายสามารถเอาชนะเผ่าหรือตระกูลของภูมิภาคทั้งห้า

และวังสวรรค์คือผู้นำของสิบนิกายโบราณที่ส่งอิทธิพลต่อทั้งห้าภูมิภาค

สถานะของมันในหัวใจของคนภาคกลางไม่เคยสั่นคลอน ในหัวใจของผู้คนอีกสี่ภูมิภาค มันยังได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกทั้งใบ

หลังจากทั้งหมดมีเทพอมตะสามคนเคยเป็นผู้นำวังสวรรค์มาก่อน แล้วกองกำลังใดจะสามารถแข่งขันกับมัน?

แต่วังสวรรค์ที่ทรงพลังกลับพ่ายแพ้ในภาคเหนือ

หลังจากตกใจ ทุกคนได้เรียนรู้บางสิ่งและเกิดความเข้าใจมากขึ้น

เพราะทุกคนรู้ว่าคนเหนือมีพลังการต่อสู้สูงที่สุดและครั้งนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรยังลงมือด้วยตนเอง

สำหรับความพ่ายแพ้ของวังสวรรค์ พวกเขายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพราะมันเป็นการต่อสู้ต่างภูมิภาค

ในความเป็นจริงกลุ่มผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่เดินทางไปยังภาคเหนือไม่เพียงต้องต่อสู้กับถ้ำสวรรค์นิรันดรแต่พวกเขายังต้องต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูอีกด้วย

แต่โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล พวกเขาก็ทำให้วังสวรรค์และสิบนิกายโบราณของภาคกลางสูญเสียชื่อเสียง ขณะที่ชื่อเสียงของถ้ำสวรรค์นิรันดรและเทพอมตะตะวันเดือดเพิ่มสูงขึ้น