ตอนที่ 271 ท่านอ๋องมาหาแม่นางหรือมาดื่มชา / ตอนที่ 272 ที่นี่ข้าอยู่ไม่ได้ย่อมมีที่ที่ให้ข้าอยู่

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 271 ท่านอ๋องมาหาแม่นางหรือมาดื่มชา 

 

 

 

 

 

น่าอวี้ตอบ ‘อ้อ’ ด้วยท่าทางที่เหมือนจะเข้าใจ สายตาของนางมองวนไปวนมาที่เขา “เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องมาที่นี่คือมาหาแม่นางหรือมาดื่มชาดูละครหรือ” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว จงใจแกล้งนาง “ข้าว่าพี่เขยของเจ้านั้นมีตาหามีแววไม่ น้องสาวหน้าตาเช่นนี้ พี่สาวเองก็คงงดงามไม่แพ้กัน ที่บ้านมีดอกโบตั๋นไม่รัก กลับออกไปเด็ดดอกเบญจมาศ ไม่รู้จักของดี ยังจะหาเขาทำไมอีก” 

 

 

ชมคนเช่นนี้นางเพิ่งเคยเจอครั้งแรก ชมจนตัวลอยอย่างไร้ร่องรอยนัก หญิงสาวคนใดฟังแล้วไม่ชอบบ้าง อย่างไรเสียนางก็ดีใจ ในใจมีความสุขดั่งดอกไม้บาน รอยยิ้มก็กดลึกลงไปอีก นางเอาผ้าเช็ดหน้าป้องปาก ดวงตาหยีโค้งเหมือนพระจันทร์ที่แขวนอยู่บนฟ้า 

 

 

เขานึกถึงรอยยิ้มของเฉินยางขึ้นมา นางยิ้มแล้วดูใสซื่อ คนอื่นยิ้มแล้วดวงตาโค้งดั่งพระจันทร์ นางยิ้มขึ้นมาแล้วไม่เห็นตาเลย เพียงแต่ยิ้มได้หวานนัก ทำเอารู้สึกอบอุ่น พอคิดไปตัวเองก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

น่าอวี้เห็นเขายิ้มก็พูดอีกว่า “ท่านอ๋องนี่ก็ไม่รู้เสียแล้ว ผู้หญิงมักจะรักลึกซึ้งกว่าผู้ชาย ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน ทว่าผู้หญิงไม่ได้ ยอมรับเขาแล้วก็คือทั้งชีวิต หัวใจล้วนอยู่ที่ตัวเขาแล้ว เขากลับพาไปหาของรักของหวงของเขา สนเพียงความสุขตัวเอง จะไปสนความรู้สึกของภรรยาที่บ้านที่ตั้งตารอเสียที่ไหนกัน” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น พยักหน้าเห็นด้วยว่า “แม่นางเจี่ยงมองออกแล้วจริงๆ” 

 

 

“ไม่ใช่มองออก ข้าเป็นผู้หญิง ย่อมยืนอยู่ฝั่งผู้หญิงคิดถึงปัญหา ในบ้านแต่งไปห้าหกคนยังไม่พอ ยังต้องไปหาข้างนอกให้ได้ ข้าไม่เข้าใจยิ่งนัก หัวใจดวงเดียวจะรักได้มากมายเช่นนั้นจริงหรือ เรียก ‘ที่รัก’ อยู่ทั้งวัน พูดเรื่องจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตได้ง่ายดายนัก เพียงแต่ผ่านสองวันความสดใหม่หายไปแล้ว แม้แต่ชื่อของแม่นางก็ยังจำไม่ได้เลยมิใช่หรือ” 

 

 

นางยิ่งพูดยิ่งโกรธ พูดจนสุดท้ายราวกับไม่ได้มาร้องทุกข์แทนพี่สาวของนางอยู่ กลับเหมือนร้องทุกข์ให้ตัวเองอย่างไรนั้น เฝิงเยี่ยไป๋ป้องปากหัวเราะ พอฟังนางจบก็พูดตามต่อว่า “เช่นนั้นแล้วหากวันหน้าสามีของเจ้าก็เป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ต้องนอนกันทั้งวันทั้งคืนเลยหรอกหรือ คอยกังวลว่าเขาจะไปทำดีกับคนนี้ แล้วกังวลว่าเขาจะไปมุดห้องคนนั้น หัวใจไม่พอให้เป็นห่วง ไม่ถึงสองปีความงามนี้ก็คงร่วงโรย” 

 

 

น่าอวี้เป็นหญิงที่ยังไม่แต่งงาน พูดเรื่องเช่นนี้กับผู้ชายจึงออกจะไม่เหมาะสมอยู่ อวี๋เอ๋อร์จึงเตือนนางเสียงเบา ให้นางระวังเสียหน่อย นางกลับไม่สนใจ พูดด้วยความเจ็บแค้นว่า “หากวันหน้าข้าได้แต่งกับชายเช่นนั้น จะตัดรากฐานของเขาเสียก่อน ดูว่าหลังจากนั้นเขาจะออกไปข้างนอกมั่วได้อย่างไร” 

 

 

ตายจริง คำพูดนี้ช่างพูดได้อย่างไม่รักษาหน้ายิ่งนัก คุณหนูตระกูลข้าราชการไฉนถึงพูดเช่นนี้ออกมาได้ ไม่ใช่ว่าควรมีความอ่อนโยนมารยาทอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ คราวนี้กลับทำเอาชื่อเสียงดีๆ เสียหมดเพราะประโยคเดียวของนาง อวี๋เอ๋อร์รีบย่อตัวพูดว่า “ท่านอ๋องโปรดอภัย คุณหนูของข้าปากไวใจซื่อ ที่พูดออกมานั้นล้วนไม่ได้ตั้งใจ” 

 

 

“ไม่เป็นไร” เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้ใส่ใจนัก ถึงขั้นรู้สึกว่าน่าอวี้ผู้นี้น่าสนใจนัก ยิ่งหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ชมนางว่าเป็นวีรสตรี จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก 

 

 

บรรยากาศเงียบลงเช่นนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว น่าอวี้คิดไปก็พูดอีกว่า “ข้ายังไม่ได้ขอบคุณบุญคุณที่ท่านอ๋องช่วยชีวิตไว้เลย ท่านอ๋องไม่ขาดสิ่งใด ข้าก็ไม่รู้ควรจะตอบแทนท่านอ๋องอย่างไร เพียงแต่ที่ฉื่อเจียนฝูเซิงนี้ของขึ้นชื่อที่สุดก็คือสุรา เช่นนั้นให้ข้าเลี้ยงสุราท่านอ๋องดีหรือไม่” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 272 ที่นี่ข้าอยู่ไม่ได้ย่อมมีที่ที่ให้ข้าอยู่ 

 

 

 

 

 

หากจะตอบแทน เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้นางตอบแทนโดยสิ้นเชิง ตอนแรกไม่ได้คิดจะช่วยนาง เพียงแต่ตอนหลังได้ยินว่าท่านพ่อของนางคือเจี่ยงเหว่ยเสนาบดีกรมทหาร คิดว่าวันหลังย่อมใช้ประโยชน์ได้ ถึงได้สร้างบุญคุณกับนางไว้ นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่คิดจะมีความผูกพันกับน่าอวี้มากมายนัก 

 

 

อีกอย่างที่บ้านเขานั้นยังมีคนที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ ตอนนี้เวลายังไม่ดึก หลับไปยังสามารถกอดภรรยาบนเตียงได้ อยู่ดื่มเหล้าที่นี่ อย่างไรเสียก็รู้สึกเสียเวลา “ไม่ล่ะ ความตั้งใจของแม่นางเจี่ยงข้าขอรับไว้ ข้าเพียงแค่ช่วยเหลือเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องใส่ใจนัก” 

 

 

คนต้อนรับโค้งตัวส่งขนมที่ใส่ห่อเรียบร้อยแล้วให้เฝิงเยี่ยไป๋ เฝิงเยี่ยไป๋จึงโยนตำลึงทองให้เขาสองก้อน ลุกขึ้นเตรียมจะไป ก่อนจะไปเหมือนนึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เมื่อครู่แม่นางเจี่ยงถามข้าว่าผู้ชายล้วนชอบหาแม่นางข้างนอกใช่หรือไม่ ที่ข้าอยากจะบอกคือ ผู้ชายส่วนมากเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าดอกไม้ที่บ้านอาจหอมไม่สู้ดอกไม้ป่าจริง แต่ดอกไม้ป่าไม่งามเท่าดอกไม้บ้านแน่นอน” 

 

 

เขาเชิดหน้าก้าวเท้าไป แม้จะไม่มองหน้า เพียงเงาหลังของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้หลงใหลได้แล้ว ช่างเป็นคนดีเสียนี่กระไร ข้างนอกมีแม่นางมากมายก็ไม่อาจผูกเขาไว้ได้ นึกถึงแต่เพียงภรรยาที่บ้านเท่านั้น ภรรยาของเขานั้น ก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญใหญ่หลวงอะไร ชาตินี้ถึงได้แต่งกับผู้ชายดีๆ เช่นนี้ แม้แต่นางเองพอเห็นแล้วก็ยังรู้สึกอิจฉา 

 

 

อวี๋เอ๋อร์มองเงาหลังของเฝิงเยี่ยไป๋ บ่นด้วยความเสียดายว่า “ท่านดู คนเขาไม่สนใจเลย คงจะรังเกียจที่เมื่อครู่ท่านพูดจาไม่มีมารยาท” 

 

 

น่าอวี้กลับหัวเราะที่นางไม่เข้าใจ “หากเขารังเกียจที่ข้าพูดจาไม่มีมารยาท ไฉนถึงยังนั่งคุยกับข้าอยู่นานเช่นนี้ เขาคิดถึงคนที่บ้านคนนั้น จึงไม่อยากเสียเวลาต่างหาก” 

 

 

“เช่นนั้นท่านก็ยิ่งไม่มีโอกาสเลยไม่ใช่หรือ เบื้องบนสั่งมาแล้ว ให้ท่านรีบเร่งมือเข้า” 

 

 

“ให้ข้ารีบเร่งมือ แล้วพวกเขาไปทำอะไรเสียตั้งนาน” ในมือน่าอวี้กำแก้วชาที่เมื่อครู่เฝิงเยี่ยไป๋ใช้อยู่ ชาที่เหลือยังคงอุ่นอยู่ เป็นชาที่เขาดื่มไปครึ่งแก้วนั้น “ไม่ใช่ว่าจะทำก็ต้องทำให้ดีหรอกหรือ ที่นี่ข้าอยู่ไม่ได้ย่อมมีที่ที่ให้ข้าอยู่ อวี๋เอ๋อร์…พวกเราก็ต้องคิดเผื่อตัวเองด้วยแล้ว” 

 

 

อวี๋เอ๋อร์เป็นคนไม่ฉลาด นางพูดจาอ้อมไปมาตนฟังไม่เข้าใจ อ้าปากคิดจะถาม เพียงแต่คิดไปแล้วก็ล้มเลิกเสีย คุณหนูให้นางทำอะไรนางทำตามก็พอแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่ถูกเอาเปรียบ 

 

 

กลับมาที่เฝิงเยี่ยไป๋ ระหว่างทางเหม่อลอยอยู่ตลอด พอกลับมาถึงจวน ถามสาวใช้ว่าเฉินยางหลับไปแล้วหรือยัง สาวใช้บอกหลับไปแล้ว เดินไม่ถึงสองก้าวก็นึกถึงเรื่องที่เว่ยหมิ่นมาหาเขา บอกว่าจะมาเอาของกับเขา ก็ไม่ได้บอกว่าเอาสิ่งใด รอแล้วเขาไม่มาจึงได้กลับไปเสียก่อน 

 

 

เว่ยหมิ่นจะมีอะไรลืมไว้ที่เขาได้อีก ที่พูดเช่นนั้นคาดว่าคงเป็นข้ออ้าง ที่มาหาเขาคงจะมีเรื่องจะหารือ ตอนนี้ทั้งสองบ้านไปมาหาสู่ไม่สะดวก จะพูดคุยกันก็ลำบาก ต่อหน้าทุกคนเหมือนยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เพียงแต่ความจริงแล้วกลับต้องใช้ชีวิตดั่งนักโทษในคุก ความจนใจนี้มีใครเข้าใจบ้าง อีกอย่างเว่ยหมิ่นใช้ชีวิตอยู่ในวังหลายปีเช่นนี้ ฮ่องเต้นั้นเพื่อจะป้องกันนางมาหาเขา จึงต้องแอบส่งคนมาจับตานางไว้อยู่ หลายปีมานี้นางก็ผ่านมาเช่นนี้ ตัวเองเพิ่งจะมาไม่นาน เทียบกับนางแล้ว ช่างไม่น่าพูดถึงนัก 

 

 

ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาโอกาสคุยแล้วกัน 

 

 

เขาโบกมือให้สาวใช้ถอยกลับไป ตัวเองผลักประตูเข้าห้อง ในห้องมีเพียงเทียนที่ยังสว่างอยู่ คิดว่านางคงหลับไปแล้ว เขาหิ้วขนมเดินไปยังเตียงด้านใน ในผ้าห่มห่อคนจนรูปร่างกลายเป็นผอมยาว นางนอนตะแคง ดูเหมือนจะหลับสนิทไปเสียแล้ว