ตอนที่ 273 กลิ่นแป้งชาดบนตัวผู้หญิง
เฝิงเยี่ยไป๋วางมือไว้ที่ข้างเอวของนาง แล้วก้มตัวลงพูดเบาๆ ที่ข้างหูนางว่า “หลับแล้วหรือ”
เฉินยางพูดเสียงอู้อี้อยู่เล็กน้อย ลมปากของเขาเป่าผ่านหูนางจนรู้สึกคัน นางยื่นมือไปเกา กลับถูกคว้าเอาไว้ได้ ถูกเขาออกแรงพลิกตัวมามองหน้าเขาตรงๆ “อย่าเพิ่งหลับ ลุกขึ้นมาก่อน ดูซิว่าข้าซื้ออะไรมาให้เจ้า”
นางลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับมีลูกแก้วที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืดฝังอยู่ในนั้น นางมองเขาเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอีก ขมวดคิ้วบ่นว่า “ไม่ดู ข้าง่วงมาก ท่านอย่าวุ่นวายเลย ข้าอยากจะนอน”
นางไม่ให้เขาวุ่นวาย เขาดันอยากจะวุ่นวายกับนาง เขาประคองไหล่นางให้นั่ง ไม่ยอมให้นางหลับ “ไม่ได้ ข้ารออยู่ตั้งนานเพื่อจะซื้อให้เจ้า เจ้าดูสักหน่อย ดูเสร็จแล้วค่อยหลับ”
ตามใจเขาเถอะ อยากจะวุ่นวายอย่างไรก็วุ่นวายไป นางไม่ลืมตา ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการหลับอีกแล้ว กลับมาดึกเช่นนี้ พอกลับมาก็วุ่นวายอีก เป็นโรคประสาทชัดๆ
“ไม่ตื่นใช่หรือไม่” เขาใช้วิธีร้ายๆ โดยเอามือไปเปิดหนังตาของนางขึ้นมา “ไม่ตื่นเจ้าก็อย่าได้คิดจะหลับดีๆ เลย”
เฉินยางหลับอยู่ดีๆ ก็ถูกเขาวุ่นวายเช่นนี้ ฝันดีๆ หายไปหมดสิ้น จึงโกรธขึ้นมา ลืมตาด้วยความจนใจ พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ตกลงท่านจะทำอะไร ข้าบอกว่าแล้วข้าไม่ดู! มีอะไรไม่อาจรอให้พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันหรือไร”
เขาเปิดห่อขนมแล้วหยิบมาชิ้นหนึ่ง ฉวยโอกาสที่นางพูดไม่หยุดนั้นยัดเข้าในปากนาง ถามเหมือนจะขอรางวัลเช่นนั้นว่า “ชิมดู อร่อยหรือไม่”
นางง่วงเสียกระไร จะมีอารมณ์กินขนมได้อย่างไร นางจุ๊ปาก จะว่าไปก็อร่อยจริงนั่นแล นางตื่นขึ้นมาทันที รีบกลืนลงไปชิ้นหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา “ซื้อมาจากที่ใดหรือ อร่อยจริงๆ!”
“ซื้อจากข้างนอก” เขาพูดผ่านเพียงง่ายๆ แม้ว่าเขาไปที่ ‘ฉื่อเจียนฝูเซิง’ อะไรก็ไม่ได้ทำ เพียงแต่เรื่องเช่นนี้ก็ไม่อยากให้นางรู้
เฉินยางเหลือบมองเขาแล้วบ่นว่า “ท่านกลับมาดึกเช่นนี้ไปที่ใดมาหรือ วันนี้เว่ยหมิ่นมาหาท่าน รอท่านไม่ไหวจึงกลับไปเสียก่อน”
“ข้ารู้ เมื่อครู่สาวใช้บอกข้าแล้ว” เขาถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียง แล้วนั่งขัดสมาธิจ้องมองนาง นางยังมีสีหน้าสะลืมสะลืออยู่ งามอย่างอ่อนโยน เขามองอย่างไรก็มองไม่พอ “ที่นั่นยังมีขนมอีกมาก วันหลังอยากกินก็บอกข้า”
“อืม” นางตอบกลับ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะพูดกับเขา เพียงแต่เป็นเรื่องอะไรกลับนึกไม่ออกเสียที นางเอียงศีรษะนึกอยู่พักใหญ่ มีเรื่องหนึ่งอยู่จริง เพียงแต่เป็นเรื่องใด สมองของนางก็ไม่ค่อยดีแล้ว เพิ่งผ่านไปไม่นาน ไฉนถึงได้ลืมเสียแล้ว
ช่างเถอะ บางทีพรุ่งนี้เช้าอาจจะนึกขึ้นได้เอง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วนอนลงไปใหม่ เฝิงเยี่ยไป๋ขยับเข้าไปใกล้แล้วกอดนางถามว่า “โกรธหรือ โกรธข้าที่กลับมาช้าใช่หรือไม่”
นางตอบด้วยความไม่พอใจว่า “ไม่” พอหันหน้าไป จมูกแตะถูกเสื้อของเขาเข้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาในจมูก เป็นกลิ่นแป้งชาดที่บนตัวผู้หญิงถึงจะมี เข้มบ้างจางบ้าง นางขยับเข้าใกล้แล้วดมต่อ ไม่ผิดแน่ๆ นี่คือกลิ่นแป้งชาดที่อยู่บนตัวผู้หญิง หอมมาก นางย่นจมูกเงยหน้าถามเขา “ท่านไม่อาบน้ำหรือ”
ตอนนี้เขากอดนางกำลังสบาย จะยอมจากไปได้อย่างไร เขากอดนางแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย “อีกครู่หนึ่งค่อยไป”
เฉินยางผลักเขาออก บีบจมูกแล้วนั่งขึ้นมา “บนตัวท่านมีกลิ่นอะไร ไฉนถึงได้หอมเช่นนี้”
“กลิ่นอะไรหรือ” เขาก้มศีรษะดมตัวเอง มีกลิ่นหอมเสียที่ไหน ไฉนเขาถึงไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
“เหมือนกลิ่นแป้งชาด เพียงแต่ไม่เหมือนกับที่ข้าทาให้ท่านตอนเช้า แป้งนั้นไม่ได้หอมเช่นนี้”
——
ตอนที่ 274 ผู้ชายชอบไปสองหอนั้นที่สุด
แย่แล้ว คนต่างบอกว่าจมูกผู้หญิงไว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะไวขนาดนี้ เขาอยู่ที่ ‘ฉื่อเจียนฝูเซิง’ ไม่นาน ถึงกับมีกลิ่นแป้งชาดติดตัวมา ขณะกำลังกังวลอยู่ว่าจะอธิบายอย่างไรดีนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเฉินยางหัวเราะ แล้วนางก็พูดต่อว่า “เป็นท่านที่แอบทาแป้งชาดใช่หรือไม่ รอยฝ่ามือคงจะหายแล้วกระมัง ตอนเช้ายังพูดอยู่ว่าลูกผู้ชายทาแป้งชาดอะไร ตอนที่ไม่มีคนท่านก็แอบใช้มิใช่หรือ”
นางพูดราวกับกลบเกลื่อนตัวเอง เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เวลานั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลย เป็นเพราะเชื่อใจเขามากหรือว่าไม่สนใจเขาเลย หากเป็นหญิงอื่น ไม่ใช่ว่าควรจะชี้จมูกถามเขาว่าไปที่ใดหรือ จากนั้นก็โมโหวุ่นวายเสียยกใหญ่ ขว้างปาสิ่งของหรือไปตบตีกับหญิงที่ล่อลวงเขา อย่างไรเสียก็ยังดี แต่ไม่ควรจะเป็นเช่นสีหน้าของนางในตอนนี้
เขาบอกไม่ใช่ สีหน้าเคร่งเครียด เขาจ้องมองนางตรงๆ รอให้นางหัวเราะเสร็จแล้ว ก็กระตุกมุมปากถามนางว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ชายชอบไปสองหอใดที่สุด”
เฉินยางตอบ “ไม่รู้”
เขาพูดว่า “หอที่ผู้ชายชอบไปที่สุดนั้น หนึ่งคือหอสุรา สองคือหอนางโลม รู้หรือไม่ว่าหอนางโลมคือสถานที่ใด ก็คือซ่อง ซ่องก็คือสถานที่ที่แม่นางขายตัว แม่นางเช่นใดล้วนมีทั้งสิ้น แต่ละคนล้วนเป็นหญิงงาม และเป็นบ้านอันอบอุ่นของผู้ชายทุกคน”
เฉินยางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดเรื่องเหล่านี้กับนาง นางทำหน้าตั้งใจเหมือนฟังนิทาน พอเขาพูดจบ นางยังเร่งเขาอีก “จากนั้นเล่า บ้านอันอบอุ่นหมายถึงอะไร”
ทั้งๆ ที่เป็นตัวเขาเองที่ทำเรื่องน่าละอายใจ ตอนนี้กลับถูกนางทำเอาจะโกรธก็โกรธไม่ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วอธิบายให้นางรู้
“ไม่มีจากนั้นแล้ว หากผู้ชายไปหอนางโลม ก็มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือไปหาแม่นางเพื่อหาความสุข หาความสุขหมายถึงอะไรก็คงไม่ต้องให้ข้าอธิบายให้เจ้าแล้วกระมัง ก็คือประสานเป็นหนึ่ง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ผู้ชายที่เที่ยวซ่องก็ไม่ใช่ผู้ชายดีอะไร คราวนี้รู้หรือยัง”
เฉินยางหน้าแดง หากคราวนี้นางยังไม่เข้าใจอีกก็โง่แล้วจริงๆ นางอ้ำอึ้งอยู่เล็กน้อย ถึงนึกขึ้นได้ว่าจะถามเขา “เช่นนั้นแล้วกลิ่นแป้งชาดบนตัวท่าน ก็คือไปเที่ยวซ่องมาหรือ”
เรื่องเช่นนี้ยังต้องให้เขาอธิบายให้นางถึงจะรู้เรื่อง เฝิงเยี่ยไป๋ถอนหายใจยาวๆ รู้สึกลึกๆ ว่าเส้นทางความรักหลังจากนี้คงยากลำบากนัก เพียงแต่ยังดีที่นางรู้จักถามแล้ว ขณะกำลังจะอธิบายให้นางฟัง ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกนางชิงพูดก่อนว่า “เช่นนั้นท่านก็ไม่ใช่ผู้ชายดีอะไร”
เขารีบอธิบาย “ข้าไม่ได้ไปหาแม่นาง ข้ามีเจ้าแล้ว จะไปหาแม่นางคนอื่นอีกได้อย่างไร!”
ความจริงแล้วนางควรจะโมโห สามีของตัวเองไปเที่ยวซ่อง ผู้หญิงคนใดไม่โมโหบ้าง เพียงแต่เฉินยางรู้สึกว่า หากเฝิงเยี่ยไป๋มีใจจะไปหาแม่นางจริง เช่นนั้นแล้วจวนท่านอ๋องทั้งหลังก็คงไม่พอใส่ อีกอย่าง หากเขาไปเที่ยวซ่องจริงๆ ทำไมยังต้องปลุกให้นางตื่นแล้วอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้นางรู้ นี่ไม่ใช่ว่าสารภาพเองทำให้ตัวเองลำบากหรอกหรือ!
ตอนนี้ฟังเขาอธิบาย นางรู้สึกว่าเพียงแค่อภัยให้เขาอย่างใจกว้าง ก็ต่างคนต่างมีความสุขแล้ว ไม่ต้องโกรธจนดึกๆ ดื่นๆ จมูกไม่ใช่จมูกตาไม่ใช่ตาจะดีเสียได้อย่างไร จึงตบไหล่เขาพูดจาดีๆ ว่า “ไม่เป็นไร ข้าเชื่อใจท่าน”
ความใจกว้างเช่นนี้ หากเป็นผู้ชายคนอื่นคงไม่ต้องอธิบาย ควรจะหัวเราะดีใจแล้ว เพียงแต่เขาไม่เหมือนกัน พอเขาได้ยินนางพูดว่าเชื่อใจกลับหัวเราะไม่ออกเอาเสียอย่างนั้น