ตอนที่ 494 ซีเอ๋อร์พักผ่อน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีมองผู้อาวุโสสูงสุดที่สามอย่างหยอกล้อ “ตาเฒ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องผิดหวังแล้ว อีกสองเฒ่าในตอนนี้ยังเอาตัวเองไม่รอด คงไม่มีเวลามาช่วยเจ้าหรอก ดังนั้นเจ้าจงรับชะตากรรมซะเถอะ”

“พรวด!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเข็มของมู่เฉียนซี ผู้อาวุโสทั้งสามก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน

“อ๊าก!” เขาตะโกนเสียงดัง

ยาพิษของมู่เฉียนซี เรียกได้ว่าทําให้คนบ้าคลั่งได้ เข็มนี้ทําให้เขาสูญเสียสติปัญญาไปอย่างสมบูรณ์

“ผนึกมังกรวารี!”

จากนั้น มู่เฉียนซีก็ลงมือ

ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดถึงต้องจัดการกับผู้ที่ไม่มีความคุกคามใด ๆ ต่อตนนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกนั้นมีแต่จะเกะกะเปล่า ๆ

ส่วนทางนั้น เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดที่สองเตรียมจะออกไปเดิมพันสู้กับมู่อวู่ซวงด้วยชีพนั้น ก็พลันมีอาวุธลับขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากอากาศ

สำหรับอาวุธลับเช่นนี้  แน่นอนว่าเขาตบมันแตกกระจายอย่างไม่เหลือชิ้นดี

แต่ปรากฎว่านี่คือน้องชายคนที่สามของเขา!

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเอาคนของตัวเองมาสับเป็นซอสเนื้อได้ แม้แต่น้องสามในตอนนี้ก็ดูมีบางอย่างผิดปกติ แม้บุกเข้าไปในสถานที่อันตรายเขาก็ยังหัวเราะคิกคัก หัวเราะคิกคักรึ ?

— ตูม! —

เขาจำใจต้องเก็บพลังของตน

พลังอันทรงพลังเช่นนั้นถูกเก็บกลับคืนมา ทําให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทันใดนั้นมู่เฉียนซีสั่งว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ไป!”

แม้ว่าความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีในตอนนี้จะกลับสู่ระดับราชา แต่มู่เฉียนซีก็เตรียมพร้อมที่จะซ่อนตัวในที่ลับเพื่อช่วยท่านอาของนาง

สําหรับเจ้าสวะเซี่ย เขาเองก็เป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางถูกฆ่าตาย เช่นนั้นปล่อยเขาไปก่อน

เสี่ยวซีซีได้จัดการตาเฒ่าผู้หนึ่ง ไม่ใช่เพื่อช่วยเขาที่อ่อนแรง แต่ตั้งใจที่จะช่วยท่านอาของนาง หัวใจของเชียนอ้าวเซี่ยแตกสลายอีกครั้ง

ผู้อาวุโสสูงสุดพบว่าเด็กหนุ่มที่มีความหนาวเย็นราวกับหิมะผู้นี้ อารมณ์ของเขาได้กลายเป็นเคียดแค้นและยิ่งน่ากลัวมากขึ้น

เชียนอ้าวเซี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “รีบจัดการตาเฒ่าที่น่ารําคาญอย่างเจ้านี่เร็วเข้า แล้วเสี่ยวซีซีคงจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน”

มู่อวู่ซวงรู้แผนการของมู่เฉียนซี เขาจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ซีเอ๋อร์ เจ้าช่วยเจ้าเด็กสองคนนี้มามากพอแล้ว เจ้าก็ลําบากมามากแล้ว ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะ”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านอา ยังสามารถสู้ต่อไปได้”

“แต่ข้ารู้สึกปวดใจมากแล้ว”

นายท่านสามที่เมื่อครู่ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตอนนี้กลับกลายเป็นอ่อนโยนและสงสารผู้คนขึ้นมา ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

เมื่อมองไปที่สายตาที่อ่อนโยนนั้น มู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงยอม  นางพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะพักผ่อน แต่ท่านอาต้องระมัดระวังให้มาก”

“อืม” มู่อวู่ซวงรับคำ

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เสี่ยวซีซี ท่านอาเจ้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เจ้ามาช่วยข้าเป็นอย่างไร ?”

“เดิมทีพวกเราก็รู้ใจกันอยู่แล้ว เริ่มการต่อสู้คู่แรก นั่นต้องเป็นการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างแน่นอน” เชียนอ้าวเซี่ยหวังไว้เป็นอย่างมากว่านางจะเห็นด้วย

มู่อวู่ซวงเหลือบมองไปที่องค์รัชทายาทเซี่ยผู้นี้ เขาช่างน่ารําคาญเสียจริง

มู่อวู่ซวงจัดการกับผู้อาวุโสที่สองอย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เสี่ยวหงและอู๋ตี้ ผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องพบกับโศกนาฏกรรม

ไม่ว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะเรียกหานางด้วยความรักอย่างไร มู่เฉียนซีก็เชื่อฟังคําพูดของมู่อวู่ซวง นางไปพักผ่อนออมแรง

เชียนอ้าวเซี่ยกัดฟันแน่น ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่สามารถประสบความสําเร็จในการพูดให้นางมาช่วยเขาได้ ทําได้เพียงพยายามอย่างสุดกําลังที่จะจัดการกับผู้อาวุโสสูงสุด และพยายามยุติการต่อสู้อันเลวร้ายนี้ เขาจะได้ไปพักผ่อนกับเสี่ยวซีซี

ทุกคนรู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบเริ่มลดลงแล้ว  นี่หมายความว่าอย่างไร จักรพรรดิเซี่ยจะทรงพลังอย่างสมบูรณ์หรือ ?

“ซีเอ๋อร์ เจ้าสบายดีหรือไม่ ?”

มู่อวู่ซวงและเชียนอ้าวเซี่ยมีงานต้องทํา น่าหลานอวี้ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานประลองก็มาถามมู่เฉียนซีด้วยเสียงอบอุ่น

มู่เฉียนซีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ยาของข้าไม่ได้เป็นของปลอม ข้าฟื้นตัวได้เกือบทั้งหมดแล้ว”

น่าหลานอวี้กล่าว “น่าเสียดายที่พลังของข้าอ่อนแอเกินไป วันนี้ข้าช่วยอะไรไม่ได้เลย”

แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ที่แดนลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ย พลังความสามารถนั้นไปถึงราชาแห่งภูตระดับเก้า ในแคว้นเฉียนเซี่ยเองก็นับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งภูต หรือมหาจักรพรรดิแห่งภูตนั้น แทบไม่อาจเอาชนะได้เลยแม้แต่น้อย

เขาที่เป็นนักวางแผนมาโดยตลอดรู้ดีว่าการไม่ออกตัวช่วยเหลือในตอนนี้ จะเป็นการช่วยเหลือซีเอ๋อร์อย่างดีที่สุด เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงมองดูนางเข้าสู่การต่อสู้แต่ละครั้ง ๆ ด้วยใจที่ตื่นเต้น

เมื่อน่าหลานอวี้กล่าวออกมา ก็ทำให้มู่เฉียนซีนึกถึงอะไรบางอย่าง  นางหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่งแล้วมอบให้น่าหลานอวี้ “น่าหลาน ในขวดหยกนี้คือยาเทียนตี้ซวนหวงสามเม็ด มันก็คือยาที่ข้ากินเข้าไปเมื่อครู่นี้แล้วเพิ่มพลังความสามารถของตนเองขึ้นมาหนึ่งขั้นใหญ่ หลังจากที่เจ้ากินไปแล้วก็จะเป็นเช่นเดียวกับข้าที่ไปถึงระดับจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าซึ่งเป็นระดับสูงสุด หลังจากนี้หากมีอันตรายจงอย่าลืมที่จะใช้มัน และผลข้างเคียงหนึ่งเดียวของมันก็คือ ทำให้พลังความสามารถลดลงไปหนึ่งขั้น”

ถ้าหากชีวิตตกอยู่ในอันตราย คงไม่มีใครนึกรังเกียจการที่พลังของตนลดลงไปหนึ่งระดับเป็นแน่ เพราะหากไร้ซึ่งชีวิตแล้ว สิ่งใดก็ไม่เหลือทั้งสิ้น

น่าหลานอวี้กล่าว “ยาเม็ดนี้สําคัญมากสําหรับซีเอ๋อร์ ข้าไม่สามารถรับมันได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นนักปรุงยา ข้าจึงมีวิธีการปรุงยาเม็ดนี้” “แต่ว่า… ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ ไม่สามารถที่จะสกัดยาเม็ดเทียนตี้ซวนหวงออกมาได้ และถึงแม้ว่ามีความสามารถมากพอ เกรงว่าทั้งทวีปเซี่ยโจวก็คงไม่มีส่วนผสมที่มากพอที่จะหลอมมันได้”

ยาที่วิเศษเช่นนั้น คงต้องการสมุนรไพรวิญญาณระดับปฐพีอยู่ไม่น้อย ทั้งทวีปเซี่ยโจว สมุนไพรวิญญานขั้นปฐพีนั้นมีเพียงไม่เท่าไร

มู่เฉียนซีเบ้ปากกล่าว “น่าหลาน เจ้านั้นเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่แช่แห้งอยู่ในดงการค้ามานานปีจริง ๆ เรื่องเช่นนี้กลับหลอกเจ้ามิได้”

“เช่นนั้นแล้ว เจ้าเอามันกลับไปเสีย ข้าไม่รับมันไว้แน่”

“แต่ว่าข้านั้นมีจริง ๆ”

“นั่นก็คงไม่มากนัก”

มู่เฉียนซีพ่นลมหายใจก่อนจะกล่าว “น่าหลานอวี้ ถ้าหากว่าเจ้าเห็นว่าข้าเป็นสหายที่สำคัญของเจ้าจริงละก็ รับยาเทียนตี้ซวนหวงไว้เสีย นั่นเท่ากับว่าเจ้ามีชีวิตเพิ่มขึ้นมาสามชีวิต และก่อนที่พลังความสามรถของเจ้าจะตามสวะเซี่ยได้ทัน เจ้าเองก็จะมีสิ่งนี้ไว้เป็นสิ่งคุ้มกันมิใช่หรือ ?”

น่าหลานอวี้ตะลึงไปเล็กน้อย ในเมื่อนางกล่าวมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่านางได้ถือเอาเขาเป็นสหายคนสำคัญของนางแล้วอย่างแน่แท้

ในเมื่อเป็นสหาย แล้วยิ่งมีคำขยายเช่นนั้น นี่ก็ทำให้เขามีความสุขเสียจนหาทิศเหนือไม่เจอแล้ว

แต่ว่าก็มิอาจปล่อยความสุขวิ่งชนเสียจนสูญเสียความมีเหตุมีผลไป “แต่ข้านั้นอยากให้เจ้ามีอะไรไว้ปกป้องตนเองมากกว่านี้ เช่นนั้นแล้ว ข้าจึงมิอาจรับไว้ได้”

“น่าหลานอวี้  ข้าโกรธจริง ๆ แล้วนะ ข้าให้ยาเจ้าไป เจ้ากลับไม่รับไว้”  มู่เฉียนซีถลึงตามองบุคคลเบื้องหน้าด้วยความโกรธเคือง

โดยทั่วไปแล้ว สำหรับผู้ที่เป็นสหายกัน มู่เฉียนซีจะมีอารมณ์ที่ดีด้วยเสมอมา

แต่สำหรับสุนัขจิ้งจอกที่ไม่อาจหลอกได้อย่างน่าหลานอวี้ในเวลานี้ มู่เฉียนซีนั้นโกรธเข้าจริง ๆ เสียแล้ว

“ซีเอ๋อร์!”

น่าหลานอวี้เห็นว่าน้อยครั้งนักที่มู่เฉียนซีจะโกรธ ตอนนี้เขาพบว่านางที่กำลังโกรธอยู่นั้น ยากที่จะรับมือยิ่งกว่าพวกที่หลอกผู้อื่นอย่างใจดำเสียอีก เขาคงมิอาจทำอะไรได้แล้ว

เขานั้นรู้ดีว่าหากตนปฏิเสธต่อไปอีก รับประกันได้เลยว่ามู่เฉียนซีจะต้องหันหน้าหนีแล้วเดินจากไปอย่างแน่นอน น่าหลานอวี้ที่อ่านคนได้อย่างทะลุโปร่งเสมอมา อ่านได้เข้าใจอย่างชัดเจน

น่าหลานอวี้กล่าว “หนึ่งเม็ด ข้ามีเพียงหนึ่งเม็ดก็พอแล้ว ข้าเป็นนายน้อยแห่งหอการค้าอันดับหนึ่ง ที่รอบกายมีคนคอยคุ้มกัน ไม่มีเหตุไม่คาดคิดอันใดหรอก”

“สามเม็ดก็คือสามเม็ด!” ท่าทีของมู่เฉียนซีแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก

ทว่าน่าหลานอวี้ยังคงต่อรอง “สองเม็ดก็พอแล้ว”

.