ตอนที่ 495 ผู้มาโปรดมาเยือน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีฟังแล้วไม่ได้กล่าวอะไร น่าหลานอวี้แย่งเอาขวดยาในมือของมู่เฉียนซีมาแล้วกล่าวว่า “ได้ ข้ารับเอาไว้ก็ได้!”

“ขอบคุณซีเอ๋อร์!” น่าหลานอวี้กำลังยิ้มออกมา แต่ว่ารอยยิ้มนั้นมันดูน่าเกลียดกว่าเวลาปกตินัก

แต่ดูเหมือนมู่เฉียนซีจะมองไม่เห็น “อื้ม นี่สิถึงจะเข้าท่า”

— ตูม! —

ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังสนั่นลอยมา  ด้วยมีอู๋ตี้และเสี่ยวหงร่วมกันช่วยมู่อวู่ซวงโจมตี จึงได้เอาชนะผู้อาวุโสสูงสุดที่สองได้อย่างราบคาบ “พรวด!”

เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากปากของผู้อาวุโสสูงสุดที่สอง ดวงตาของเขาพร่ามัวไปอย่างรวดเร็ว  เขาแพ้แล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้เขายังยากที่จะเชื่อว่า วันนี้เขาพ่ายแพ้ให้กับคนระดับจักรพรรดิผู้หนึ่ง เขาแพ้ให้แก่ผู้ที่ระดับต่ำกว่า

เชียนอ้าวเซี่ยนั้นไม่ยอมอย่างที่สุด ทว่ามู่อวู่ซวงกลับรวดไวกว่าเขาเสียอีก

ซีเอ๋อร์น้อยจัดการได้ไวกว่าเขา เขานั้นยินยอม อย่างไรเสียซีเอ๋อร์น้อยก็เก่งกาจที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่อวู่ซวงจะรวดเร็วกว่าเขา

เขาผู้ที่เป็นระดับจักรพรรดินี้ ได้จัดอยู่ในอันดับสุดท้ายเสียแล้ว เชียนอ้าวเซี่ยนั้นกำลังจะหยุดยั้งตนเอาไว้ไม่อยู่ เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “เมืองน้ำแข็งพิฆาต!”

— ตูม! —

พลังแห่งความเย็นยะเยือกกระจายตัวออกมา และทำให้น้ำแข็งที่แช่แข็งเกาะตัวอยู่ที่ทั้งสำนักอวิ๋นเยียนนั้นหนาขึ้นกว่าเดิม

ผลสุดท้ายผู้อาวุโสสูงสุดอันดับหนึ่งก็ได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปเสียแล้ว!

เชียนอ้าวเซี่ยลอยลงมาจากลางอากาศ เมื่อครู่นี้เขาได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาใช้ สีหน้าจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก  เขามาถึงที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “เสี่ยวซีซี ข้ารู้สึกเจ็บนัก เจ็บนัก เจ้าช่วยดูให้ข้าหน่อย ว่ามีตรงไหนถูกเจ้าเฒ่านั่นลอบทำร้ายหรือเปล่า”

“อือ จะให้ข้าถอดเสื้อออกให้หรือไม่ล่ะ ?”

ทุกคนในที่นั้นล้วนแต่ตะลึงกันวุ่น องค์รัชทายาทเซี่ย จักรพรรดิเซี่ย! ถึงแม้ว่าเจ้านั้นจะดูหล่อเหลา แต่ว่าดูสภาพการณ์ที่รอบด้านหน่อยจะได้หรือไม่ ?

— ตูม! —

มู่อวู่ซวงใช้วิธีการที่โหดร้ายที่สุดทำลายพวกปีศาจที่กล้าจะมาล่อลวงหลานสาวของเขา ทว่าเชียนอ้าวเซี่ยหลบออกไปอย่างรีบร้อน  สภาพของเขานั้นไม่ได้เหมือนผู้ที่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

มู่อวู่ซวงมากันท่าอยู่ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้าอยู่ให้ห่างจากซีเอ๋อร์ของตระกูลข้าหน่อย!”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างจริงจัง “ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นญาติของนาง ท่านก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ข้าชอบนางได้”

“ถ้าหากว่าข้าฆ่าเจ้า นั่นก็คงจะสามารถห้ามปรามได้แล้ว!” มู่อวู่ซวงกล่าวเบา ๆ

ดวงตาสีดำคู่นั้น มีแววตาแห่งการฆ่าฟันอย่างชัดเจน

ทุกคน ณ ที่นั้นก็ล้วนแต่จนปัญญา เมื่อครู่นี้ยังผนึกกำลังกันสู้ศึกนอก มาตอนนี้เพราะว่าความหึงหวง ก็ก่อให้เกิดศึกภายในแล้วหรือไร ? มู่อวู่ซวงและเชียนอ้าวเซี่ยยังไม่ทันได้สู้กัน พวกเขานั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหลายกลิ่นอย่างรวดเร็ว มีระดับจักรพรรดิ แล้วก็ยังมีระดับมหาจักรพรรดิ

สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับว่านางนึกอะไรบางอย่างออก

ไม่ทันที่พวกเขาจะถอนตัวกลับออกไป ก็พลันมีเสียงหนึ่งลอยมาทันใด “ที่นี่คือสำนักนิกายระดับหนึ่งแห่งทวีปเซี่ยโจว เป็นที่ที่สำนักอวิ๋นเยียนตั้งอยู่!”

เจ้าตัวยังมาไม่ถึง แต่เสียงกลับมาถึงก่อน   เสียงนั้นเป็นเสียงที่เหมือนกับได้ถูกกาลเวลาชำระล้าง เป็นเสียงที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเมตตา จึงทำให้บุคคลทั้งหมด ณ ที่นั้นล้วนแต่ตะลึงงัน มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่น บัดซบจริง! เจ้าหมอนี่จะช้าจะเร็วไม่ยอมมาเสียที กลับเลือกที่จะมาในเวลาเช่นนี้

แย่แล้ว!

มู่เฉียนซีรีบขยับกายอย่างรวดเร็ว และจัดการกับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนที่ยังมีลมหายใจอยู่นั้น

เดิมทีคิดว่าไว้ชีวิตเขาเอาไว้คงจะมีประโยชน์ แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปได้

“สาวน้อย เจ้าอายุยังน้อยนัก อย่างไรเสียก็สร้างบาปกับการฆ่าฟันให้น้อยจะดีกว่า”

ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะลงมือนั้น พลังที่น่ากลัวพลังหนึ่งก็ได้พุ่งตรงเข้ามาที่นาง  เงาร่างสีขาวเข้ามาขวางที่ด้านหลังของนางเอาไว้ และกำแพงนำแข็งก็ได้หยุดยั้งการโจมตีนั้นเอาไว้ด้วย!

— แกร่ก! —

กำแพงน้ำแข็งแตกสลายลง ที่ปากของเชียนอ้าวเซี่ยมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาสายหนึ่ง  ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามนั้นมากกว่าเขา ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนร้องตะโกนขึ้น “ช่วยข้าด้วย ท่านช่วยข้าเถอะ!” มู่เฉียนซีคิดที่จะลงมือในตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว

คนของหุบเขาหมอเทวดารีบเดินทางมาจนถึง และช่วยเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเอาไว้

คนกลุ่มนี้มีจำนวนสิบกว่าคน มีทั้งยอดฝีมือระดับจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิผสมมาด้วยกัน สามารถเห็นได้ว่าหุบเขาหมอเทวดาที่สูญเสียผู้อาวุโสอย่างไม่ขาดสาย ในครั้งนี้พวกเขาได้ลงทุนครั้งใหญ่เสียแล้ว

หากเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาอื่น พวกเขาอยู่ในที่สว่าง นางอยู่ในที่มืด นางนั้นไม่ได้หวั่นกลัวต่อพวกเขาเลย

แต่ตอนนี้กลับ… นางมีปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!

“ที่แห่งนี้คือสำนักอวิ๋นเยียน ข้าคงไม่ได้มาผิดที่กระมัง” ชายชราเหลือบมองไปยังเหล่าบรรดาผู้คนแล้วกว่าขึ้น

พวกเขาก็มองดูคร่าว ๆ เห็นสำนักอวิ๋นเยียนที่อยู่ตรงหน้านั้นมีแต่ความวอดวาย ราวกับว่าได้ผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่มากระนั้น เหมือนกับว่าสำนักนิกายระดับหนึ่งแห่งนี้กำลังอยู่ในจุดที่ล่อแหลมอันตราย

สำนักอวิ๋นเยียนจะเป็นอย่างไรนั้นเขาไม่สนใจ ที่เขามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาหาข่าว

มู่เฉียนซีกระซิบเชียนอ้าวเซี่ยเบา ๆ “สวะเซี่ยจัดการเสีย! หากอีกสักครู่มีอะไรไม่ถูกต้องละก็ รีบพาท่านอาเล็กออกไปทันที” “ไม่ได้!” เชียนอ้าวเซี่ยคว้าข้อมือของมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น

“เสี่ยวซีซี ถึงแม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็ไม่อาจทิ้งเจ้าเอาไว้ได้”

“ข้าตายได้ แต่ข้าไม่อาจที่จะยอมให้เกิดเรื่องกับท่านอาเล็กได้”

นางกำหมัดเอาไว้แน่น เห็นกันอยู่ว่านางนั้นชำระแค้นให้กับท่านอาเล็กไปแล้ว เหลือแค่เพียงแต่ล้างพิษให้ท่านอาเล็ก ให้เขาสามารถลุกยืนขึ้นมาได้ก็เท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าในเวลาเช่นนี้ กระบวนทัพใหญ่ของหุบเขาหมอเทวดากลับเดินทางมาถึงได้ทัน

“ข้าไม่อยากให้ตอนที่ท่านพ่อและท่านพี่กลับมา ไม่มีใครอยู่ในจวนตระกูลมู่เลยสักคน” มือของเชียนอ้าวเซี่ยนั้นมีพลังอย่างมาก เขากล่าว “เสี่ยวซีซี อย่าเขลาไปหน่อยเลย หากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่ามู่อวู่ซวงจะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรือไง ? เช่นนั้นแล้วก็ต้องตายด้วยกัน”

มู่เฉียนซีจนปัญญา นางยิ้มอย่างขมขื่น “สวะเซี่ย เจ้านี่นับวันช่างน่ารังเกียจขึ้นไปทุกทีแล้ว แม้แต่ความปรารถนาสุดท้ายของข้า เจ้าก็ยังทำให้มันแตกสลาย!”

เชียนอ้าวเซี่ยหัวเราคิกคัก “ใครใช้ให้เสี่ยวซีซีทำตัวเลวเช่นนั้นเล่า แม้แต่ความหวังที่จะตายไปพร้อมกับเจ้า เจ้านั้นก็ยังไม่ยินยอมให้ข้าได้สมใจ”

แม้ว่าปากของเขาจะกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็เหลือบมองไปทางกลุ่มคนชุดขาวกลุ่มนั้นในเวลาเดียวกัน

ขอแค่เพียงเสี่ยวซีซีสามารถรอดออกไปได้อย่างปลอดภัย ให้ต้องสละทุกสิ่งอย่าง เขาก็ยอม! ถึงแม้ว่าในตอนนี้มู่เฉียนซีจะรู้สึกตึงเครียด แต่ก็ยังคงสงบนิ่งและคอยดูการกระทำขั้นต่อไปของหุบเขาหมอเทวดา

หากหนีไปตอนนี้ จะยิ่งอันตรายกว่าเก่า

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าวขึ้น “มิทราบว่าท่านผู้นี้ มาที่สำนักอวิ๋นเยียนด้วยเหตุอันใดรึ ? ข้านั้นเป็นเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน”

“ท่านเจ้าสำนัก!”

คนของหุบเขาหมอเทวดาเหลือบมองเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนที่มีสภาพน่าสมเพชอย่างที่สุด ช่างเป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งที่ดูไม่จืดเสียจริง กลับถูกผู้อื่นเข้ามารังแกได้ถึงในสำนัก และยังทำให้อนาถได้เช่นนั้นอีกด้วย

ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี สำนักนี้ที่เรียกว่าเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่งเพียงแห่งเดียวของทวีปเซี่ยโจว ไร้ประโยชน์เช่นนี้ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง

ผู้ที่เป็นผู้นำนั้นกล่าวขึ้น “พวกเรานั้นมาจากสำนักนิกายระดับสอง หุบเขาหมอเทวดา”

สำหรับพวกเขาแล้ว สำนักนิกายที่มีกองกำลังขนาดใหญ่นั้น ล้วนแต่เป็นเกียรติอย่างยิ่งของพวกเขา ยิ่งระดับของสำนักนิกายสูงเท่าใด ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพลังกองกำลังที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้น

เมื่อตอนที่สำนักอวิ๋นเยียนเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่งเพียงแห่งเดียวของทวีปเซี่ยโจว พวกเขาก็ได้เชิดแหงนหน้ามองฟ้า และมองกลุ่มกำลังอื่นในทวีปเซี่ยโจวเป็นเหมือนดั่งมดปลวก

และวันนี้ สำนักนิกายระดับสอง หุบเขาหมอเทวดามองพวกสำนักนิกายระดับหนึ่ง ก็มองพวกนั้นประหนึ่งมดปลวกเช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นความแตกต่างเพียงหนึ่งระดับขั้น กลับห่างกันราวฟ้ากับดิน!

หุบเขาหมอเทวดา!   หัวใจของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเต้นแรงขึ้นทันใด เขามองไปที่คนชุดขาวกลุ่มนี้ด้วยดวงตาทอประกาย

ผู้มาโปรด ผู้มาโปรดมาแล้ว!  เขาไม่ต้องตายแล้ว สำนักอวิ๋นเยียนเองก็ไม่ต้องถูกทำลาย และยังอาจจะไปร่วมอยู่ในหุบเขาหมอเทวดาได้

สายตาของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนอธิบายสิ้นทุกสิ่งอย่าง มู่เฉียนซีนั้นตื่นตัวระแวดระวัง และเตรียมพร้อมรบกับกลุ่มคนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดาทุกเมื่อ