ตอนที่ 2162 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (3) / ตอนที่ 2163 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2162 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (3)

ภายในสวนของตระกูลจวิน

ชายชราสามคนกำลังมีความสุขกับชาและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันขณะหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว

ทันใดนั้นเองผู้เฒ่าอวิ๋นก็เห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้ามาจากไกลๆ แล้วหัวเราะอย่างสำราญใจ “เฟิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่”

“ท่านปู่ ข้ามาบอกลา” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง “ครั้งนี้ข้าจะเดินทางไปสถานที่หนึ่งกับอวิ๋นเซียว และข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะได้กลับมาเมื่อไหร่”

ผู้อาวุโสทั้งสามนิ่งอึ้ง เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าจริงจังของอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง ตอนนี้แผ่นดินก็สงบแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่นางต้องไปทำอีก

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ” ผู้เฒ่าจวินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ ไม่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงต้องการจะทำอะไร พวกเขาแค่สนับสนุนนางก็พอ “เซียวเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องพาเฟิงเอ๋อร์กลับมาอย่างปลอดภัย เข้าใจหรือไม่”

อวิ๋นเซียวก้มหน้ามองสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วยกยิ้มบาง “การปกป้องนางเป็นหน้าที่เดียวของชีวิตข้า”

“ข้าก็ด้วยขอรับ” ร่างเล็กๆ ของเนี่ยนเฟิงก็ยืดอกขึ้นทันทีคล้ายกับบุรุษบึกบึนตัวน้อย “เนี่ยนเฟิงก็อยากปกป้องท่านแม่เหมือนกัน”

“ดี ฮะ ฮะๆ” ผู้เฒ่าจวินหัวเราะเสียงดังแล้วความนับถือก็เอ่อท้นดวงตาเขา

“เฟิงเอ๋อร์” ผู้เฒ่าจวินมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตาไม่พอใจ “ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน เจ้าก็ต้องกลับมาให้เร็วที่สุด! ในที่สุดตอนนี้พวกเราก็จัดการอุปสรรคใหญ่ได้แล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าจากไปนาน”

อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ หลายปีมานี้นางอยู่กับครอบครัวน้อยมาก แต่ก็มีบางอย่างในหวาเซี่ยที่นางต้องไปจัดการ

นอกจากศัตรูแล้ว ก็ยังมีผู้มีพระคุณที่เลี้ยงนางมา! พูดได้เลยว่านางคงไม่มีทางเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ถ้าไม่ได้รับความช่วยจากผู้มีพระคุณ

“ข้าสัญญาว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด” พูดจบอวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปหาอวิ๋นเซียว “เดี๋ยวพวกเราก็จะออกเดินทางแล้ว แต่ข้าต้องไปตามหาหนานกงอวิ๋นอี้ก่อน”

หนานกงอวิ๋นอี้แตกต่างจากนาง เขามีครอบครัวอยู่ที่หวาเซี่ยดังนั้นนางจึงไม่สามารถทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้

เมืองหลวง

ภายในจวนเจ้าเมือง ขณะที่หงหลวนกำลังเดินอยู่จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งยืนขวางนางไว้ นางเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าตามข้ามาทำไม”

“ก่อนหน้านี้อวิ๋นลั่วเฟิงก็เคยพูดไปแล้วว่าข้าต้องมีความพยายามในการไล่ตามสตรี ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าก็ต้องติดตามเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” หนานกงอวิ๋นอี้มุ่งมั่นมากว่านางคือพรหมลิขิตของเขา

หงหลวนจ้องหน้าเขาแล้วพยายามจะเดินผ่านตัวเขาไป แต่ตอนนั้นเองจู่ๆ หนานกงอวิ๋นอี้ก็คว้าแขนนางไว้และพูดว่า “หงหลวน ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็หยุดและแล้วหันหน้าไปหาเขา “อะไร”

“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าข้ารู้จักกับอวิ๋นลั่วเฟิงได้อย่างไร”

เมื่อต้องไล่ตามสตรี ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งจำเป็น และเขาก็ยินดีบอกนางทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต

“ถ้าเจ้าอยากพูดก็พูดออกมาเลย เหตุใดต้องพูดอะไรให้มากความ” หงหลวนหันไปจ้องหน้าหนานกงอวิ๋นอี้ขณะที่เสียงของนางยังคงดุเหมือนเคย

หนานกงอวิ๋นอี้ไม่ได้โกรธเคือง รอยยิ้มหล่อเหลาปรากฏบนริมฝีปากของเขา “จริงๆ แล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงและข้าไม่ได้มาจากแผ่นดินนี้ พวกเรามาจากประเทศที่ชื่อว่าหวาเซี่ย…”

หวาเซี่ย?

หงหลวนเงยหน้าด้วยความตะลึง ในโลกนี้มีอาณาจักรที่ชื่อว่าหวาเซี่ยด้วยหรือ

“ที่นั่นไม่มีผู้ฝึกฌานหรือพลังฌาน รวมถึงสัตว์วิญญาณอสูรก็ไม่มี” หนานกงอวิ๋นอี้อธิบายต่อ “หวาเซี่ยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงและยังถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงของอาหารชั้นเลิศ…”

“พวกเราทั้งคู่เจอกันที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ย! ตอนนั้นข้าโดนอวิ๋นลั่วเฟิงซ้อมจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลอยู่สองสามเดือน” เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน ใบหน้าหล่อเหลาของหนานกงอวิ๋นอี้ก็กระตุก เหตุการณ์นั้นเป็นฝันร้ายในชีวิตเขาเลย

ต่อมาหนานกงอวิ๋นอี้เล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับหวาเซี่ยให้หงหลวนฟัง ทั้งเรื่องครอบครัวของเขาที่นั่นและที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขามาที่โลกนี้ได้อย่างไร

สำหรับหงหลวนแล้วเรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้ยินและไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นนางจึงตะลึงงันไปชั่วครู่ ขณะที่ยืนฟังหนานกงอวิ๋นอี้เงียบๆ

ตอนที่ 2163 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (4)

“เรื่องที่เจ้าพูดมันเหนือจินตนาการเกินไปแล้ว!” ในโลกนี้มีมิติที่อยู่เหนือจินตนาการของนางอยู่จริงหรือ

“หงหลวน ทุกคำพูดของข้าเป็นเรื่องจริง ข้าบอกเจ้าทั้งหมดนี้ก็เพราะข้าอยากซื่อสัตย์กับเจ้า ข้าจะใช้ความจริงใจไล่ตามเจ้า!” สีหน้าของหนานกงอวิ๋นอี้จริงจังมาก กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแน่วแน่

ทันใดนั้นหงหลวนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา และในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปาก นางก็พลันเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและคนใกล้ชิดปรากฏตัวขึ้นมาตรงที่นางอยู่

“อวิ๋นลั่วเฟิง?” นางสดใสขึ้นมาทันตาเห็นและพยายามสะบัดมือของหนานกงอวิ๋นอี้ออก ขณะรีบเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาหนานกงอวิ๋นอี้” พูดจบนางก็เหลือบไปมองหนานกงอวิ๋นอี้และแม้แต่สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“หนานกง จิ่วเทียนหาทางกลับไปได้แล้ว”

กลับไปงั้นหรือ

หนานกงอวิ๋นอี้ตัวแข็ง “เจ้าหมายถึง กลับไปที่หวาเซี่ยงั้นหรือ”

ตั้งแต่ที่เขามาที่แผ่นดินนี้ เขาไม่เคยคิดว่ามีโอกาสที่จะกลับไป…

“ใช่แล้ว เข้าไปเก็บของและไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หนานกงอวิ๋นอี้ก็ลังเล ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงตามอวิ๋นลั่วเฟิงไปโดยไม่คิด แต่ตอนนี้…เขามีบางอย่างที่รักอยู่ในแผ่นดินนี้

เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดของหนานกงอวิ๋นอี้ หงหลวนก็กลอกตาแล้วหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าได้ยินเรื่องประเทศหวาเซี่ยจากหนานกงอวิ๋นอี้แล้ว ข้าอยากรู้ว่าข้าเดินทางไปกับเจ้าด้วยได้หรือไม่”

“หลวนเอ๋อร์” หนานกงอวิ๋นอี้มีความสุข “เจ้าหมายถึงเจ้าคิดจะไปกับพวกเรางั้นหรือ…

…นี่ข้ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า”

“เจ้าโง่” หลังจากพูดคำนี้เสร็จ นางก็สะบัดแขนเสื้อจากไป นางต้องไปเก็บของและเดินทางไปบอกลาบิดา…

หนานกงอวิ๋นอี้จ้องไปยังทิศทางที่หงหลวนจากไปอย่างโง่งมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี “ลั่วเฟิง หมายความว่า…หงหลวนยอมรับข้าแล้วงั้นหรือ”

อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวสบตากันและปรากฏรอยยิ้มในดวงตา

“หงหลวนถึงกับตัดสินใจกลับบ้านกับเจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

รอยยิ้มหยันอย่างใจดีของนางทำให้หนานกงอวิ๋นอี้ตื่นเต้นจนเกือบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“หงหลวนยอมรับข้าแล้ว ในที่สุดนางก็ยอมรับข้า…” ผลของการติดตามอยู่ข้างกายนางมาตลอดหลายปีไม่ได้เปล่าประโยชน์

“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “พวกเรามาอยู่ที่แผ่นดินนี้มากกว่ายี่สิบปี และข้าก็อยากรู้ว่าเวลาที่นั่นผ่านไปเท่ากันกับที่นี่หรือไม่…”

หนานกงอวิ๋นอี้ก็ระงับตัวเองจากความตื่นเต้นเบิกบานแล้วตอบว่า “ข้าไม่มีของอะไรต้องเก็บ หลังจากที่หงหลวนกลับมา พวกเราก็ไปได้เลย”

ไม่นานหลังจากนั้น

หงหลวนก็เดินเข้ามา และชุดคลุมสีแดงของนางก็ปลิวไสวไปตามลมอย่างงดงามราวกับจะล่มจมเมืองได้ แม้แต่หนานกงอวิ๋นอี้ก็ไม่สามารถละสายตาไปจากนาง แต่หงหลวนก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขาขณะที่พูดกับอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าบอกลาท่านพ่อแล้ว พวกเราออกเดินทางได้เลย”

“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “จิ่วเทียนกำลังรอพวกเราอยู่ พวกเรารีบไปกันเถอะ”

หวาเซี่ย! ในที่สุดข้าก็ได้กลับไปที่นั่น!

เมื่อนึกถึงผู้มีพระคุณที่สั่งสอนนางด้วยความเอาใจใส่อย่างดีมาตลอดปี สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงก็อ่อนโยนมาก…

ผู้มีพระคุณของนางไม่มีบุตรและรับเลี้ยงนางจากบ้านเด็กกำพร้า ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดของเขาให้นาง

ข้าอยากรู้ว่าตอนที่ผู้มีพระคุณของนางได้ยินเกี่ยวกับการตายของนาง เขาจะทนรับความสะเทือนใจนั้นได้หรือไม่