“ผมเป็นผู้ชายของคุณ และเป็นแด๊ดดี้ของลูกคุณ ไม่ว่าจะมีพายุฝนที่โหมกระหน่ำแค่ไหน ผมก็จะเป็นเกราะกำบังให้พวกคุณ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นผมจะจัดการมันเอง คุณแค่อยู่ในอ้อมแขนของผมก็พอ ……”
หน้าอกของเชอร์รีนกระเพื่อมไหว ยังคงหายใจหอบแรง ความอบอุ่นของเขาเพียงพอที่จะดึงความรู้สึกที่ลึกสุดใจของเธอออกมา หัวใจของเธอเต้นแรง อยากจะพูดอะไร แต่ก็ดูเหมือนยังวิตกกังวลอยู่
ขบริมฝีปากแน่น นั่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำกันแน่น ในใจขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
สายตาของเขา จับจ้องมองไปที่ริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากที่บอบบางราวกับดอกไม้ตอนนี้ถูกกัดจนเป็นรอยลึก มือใหญ่กดไปที่ใต้คางของเธอ“ อย่ากัดมัน ผมไม่ชอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของคุณผมจะไปจัดการให้ ขาขององค์ชายเริ่มมีความรู้สึกแล้วจะค่อยๆฟื้นตัว นอกจากนี้ คุณยังมีอะไรที่ต้องกังวลอยู่อีก บอกผมได้ทุกอย่าง ผมจะจัดการให้……”
มองไปที่เขา ลำคอของเชอร์รีนเหมือนมีอะไรมาจุกเอาไว้ พูดไม่ออกเลยสักคำ
“หรือไม่อยากจะอยู่กับผม ? ไม่เป็นไร ผมจะไม่บังคับคุณ เช็ดน้ำตาซะ ผมจะให้คนขับรถไปส่งคุณที่โรงแรม……”
ออกัสขยับริมฝีปากบาง เสียงดังเล็ดลอดออกมา น้ำเสียงอันนุ่มนวลที่ไม่เคยมีมันมาก่อน คำพูดที่อ่อนโยน เพียงพอที่หลอมละลายผู้หญิงทุกคนได้ มีเพียงความขมขื่นเท่านั้นที่ปิดเอาไว้ไม่มิด
เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้น เดินตรงไปที่ประตู ใบหน้าที่หล่อเหลาถูกแต่งแต้มไปด้วยความมืดดำ และอ้างว้าง
หรือ คำพูดขององค์ชายจะไม่ได้ถูกไปทั้งหมด หรือ ในใจของเธอไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับเขาเลยจริงๆ
แผ่นหลังของเขาสูงราวกับต้นไม้ คำพูดของเขาก็อ่อนโยน และอ้อมกอดก็อุ่นจนเธอรู้สึกร้อน แต่ในตอนนี้ เขากลับถอยห่างเธอไปเรื่อยๆ
เขาให้เธออยู่ตรงนี้ เขาจะเป็นเกราะบังลมบังฝนให้เธอ เขาจะไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับพ่อและแม่ ขาขององค์ชายก็ค่อยๆมีความรู้สึก และความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาก็ยังคงฝังแน่นอยู่ แล้วอย่างนี้ เธอยังจะลังเลอะไรอีก ?
เสียงจากก้นบึ้งของหัวใจเอาแต่ร่ำร้องอย่างรุนแรง ว่าให้คว้าเขาไว้ รั้งตัวเขาไว้ ทำทุกอย่างเพื่อรักษาเขาไว้!
โดยไม่สนใจ และไม่ลังเล ไม่คิดมากอะไรอีก ลุกขึ้นยืน เธอวิ่งเข้าไป สองมือกอดเขาไว้แน่นจากทางด้านหลัง แก้มของเธอแนบกับแผ่นหลังอันอบอุ่นและกว้างของเขา
ด้านหลังจู่ๆก็มีบางอย่างกระแทกเข้ามา จากนั้นก็ถูกโอบรวบเอาไว้ ความลิงโลดที่อธิบายไม่ได้ก็เข้าครอบงำออกัสทันที น้ำเสียงที่แข็งกระด้างก็พูดขึ้นว่า“คุณรู้ไหมว่าการกระทำแบบนี้มันหมายความว่ายัง ?”
ที่แท้แล้ว จากนรกไปยังสวรรค์ มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น!
“……รู้”เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงเสียงเต้นของหัวใจตัวเองว่ามันบ้าคลั่งมากแค่ไหน ทั้งรุนแรง รัวเร็ว มือและเท้าก็ร้อนผ่าว
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เขาหันหลังกลับ สายตาจับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ยิ่งมองยิ่งลึก ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเร่าร้อนและรุนแรง ราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน
รู้สึกเขินอาย เธอหันหน้าหนี ในตอนที่จ้องมองสบตากัน ก็วุ่นวายสับสนจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้ไม่รู้จะวางมันลงตรงไหน
ทันใดนั้น ร่างที่สูงโปร่งของเขาก็โน้มตัวลง ริมฝีปากอันเร่าร้อนก็ประกบเข้าหา เธอรู้สึกแค่โพรงปากอ่อนนุ่ม เขาก้มลงจูบเธอ !
ความเปียกชื้นและชาวาบแผ่ซ่านไปทั่วปลายลิ้นอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งรุนแรง และเอาแต่ใจ มือใหญ่ที่ร้อนผ่าวของเขาจับไปยังใบหน้าที่ยังเปียกปอนของเธอ และจูบเธอแบบ360 องศาไม่มีที่สิ้นสุด
“จำเอาไว้ อย่าคิดที่จะให้ผมปล่อยคุณไปอีก ……”
จมูกที่สูงรั้นของเขาแนบชิดกับเธอ หัวสมองของเธอขาวโพลน หัวใจยังคงเต้นรัวเร็ว ทนรับไม่ไหว ร่างทั้งร่างอ่อนระทวยราวกับจะกลายเป็นน้ำ
มือใหญ่วางลงบนไหล่ของเธอ กดเธอให้นั่งลงตรงที่ด้านข้าง ออกัสนั่งยองๆลงตรงหน้าเธอ นิ้วหยาบเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาเธอ“รออยู่ตรงนี้ ผมจะไปพบพ่อกับแม่ของคุณ รอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย แล้วเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน ……”
ส่ายหัว เธอจับไปที่มือของเขา“ ฉันจะไปกับคุณ”
“ทำไมแค่เดี๋ยวเดียวเองก็รอไม่ไหวเลยเหรอ หืม ? รออยู่ที่นี่ก่อน ด้านนอกมีคนรับใช้ ต้องการอะไรก็บอกพวกเขา แล้วผมจะรีบกลับมา” เขาพูดเสียงเบา
“ยังไงฉันก็ต้องกลับ กลับพร้อมกันเถอะ” เธอมีท่าทีหนักแน่น เรื่องของคนสองคนก็ควรจะเผชิญหน้าด้วยกัน
เขาจนปัญญา จากนั้น คิ้วก็ขมวดแน่น“ ไปเปลี่ยนชุดแต่งงานนี้ก่อน ขัดหูขัดตาจริงๆ”
เธอหัวเราะทั้งน้ำตา หางตายังคงมีคราบน้ำตาอยู่ ออกัสดึงไปที่ติ่งหูเธอ แค่นเสียงหึ“ร้องไห้ไปด้วยหัวเราะไปด้วย เจ้าเด็กน้อย ”
“คุณนั่นแหละเด็กน้อย” เธอโต้กลับอย่างไม่พอใจ แก้มขึ้นสี คำพูดไม่พอใจเล็กน้อย หันหลังให้เขา“รูดซิปลงให้หน่อย”
มือใหญ่ของเขาขยับ รูดซิปลงให้ แผ่นหลังขาวเนียนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตามืดมิด เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว ในตอนที่เดินออกมา ก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงธรรมดาแล้ว
มือใหญ่ของออกัสเลื่อนเข้าหา สอดประสานกับนิ้วที่เรียวยาวของเธอ ทั้งสองคนเดินออกจากคฤหาสน์เคียงข้างกัน และขึ้นนั่งรถเบนท์ลีย์คันสีดำออกไป
ฝ่ามือของเขามีขนาดใหญ่ และอบอุ่น ไม่เหมือนของเธอ ทั้งเล็ก และผอมบาง ราวกับจะหักมันได้ง่ายๆ เธอมองไปที่มือของเขา แต่เมื่อนึกถึงกนกอรกับจักรกฤษขึ้นมา หัวใจก็ไหวสั่นอย่างไม่สบายใจ
เมื่อเห็นเธอมองมา ออกัสยกมือที่ประสานกันแน่นของทั้งสองคนขึ้น จูบไปที่หลังมือของเธอ มุมปากยกโค้งหยักขึ้น
ด้านหน้ายังมีคนขับรถอยู่ หน้าของเชอร์รีนอดไม่ได้ที่จะเห่อร้อนขึ้นมา พูดเสียงเบา “พอแล้ว!!”
“อะนี่ จูบกลับด้วย……” ขณะที่พูด เขายกมือใหญ่ขึ้นมาไว้ตรงริมฝีปากสีแดงอันนุ่มนวลของเธอ
เธอผลักออก แกล้งทำเป็นรังเกียจเขา“คุณไม่ได้ล้างมือ มันสกปรก!”
มุมปากที่ยกหยักของเขาก็กระตุกขึ้นอีกครั้ง เลิกคิ้วขึ้น ในชั่วพริบตา รถก็จอดลงที่ใต้อาคารบ้านพักคอนโด
เชอร์รีนยังคงไม่สบายใจ ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอวู่วามแบบนี้
“เสียใจเหรอ?”เขาหรี่ตา จ้องมองเธออย่างนิ่งสงบ ริมฝีปากบางยังคงกดจูบไปที่หลังมือของเธอไม่หยุด“ จะมารู้สึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ที่รัก คุณไม่มีทางให้ถอยแล้ว”
คำว่าที่รักที่เขาพูดออกมา ไม่ได้รู้สึกขนลุกกับมัน แต่กลับรู้สึกสะท้านอย่างอธิบายไม่ถูก และรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ
สภาพจิตใจที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย เธอตีไปที่มือของเขา “ปล่อยก่อน ใกล้ถึงแล้ว”
สูดหายใจลึก ออกัสคลายเนกไทที่ผูกอยู่ตรงคอเสื้อ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดวงตาลุ่มลึก
“คุณตื่นเต้นเหรอ?”เชอร์รีนมองดูการกระทำของเขา และเอ่ยถาม การกระทำของเขาแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ ยิ่งสภาพที่ตื่นเต้นแบบนี้ก็ยิ่งหาดูได้ยาก
“แค่เนกไทผูกแน่นไปหน่อยเท่านั้นเอง……”เขากล่าว
“……”
ยกมือขึ้น ตอนที่เชอร์รีนกำลังจะเคาะประตู ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากด้านใน จักรกฤษปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน
เมื่อนึกได้ว่าทั้งสองคนยังจับมือกันอยู่ ตามสัญชาตญาณ เธอก็ดึงมือออก ส่งเสียงเรียกอย่างรู้ผิดและทำตัวไม่ถูก “พ่อค่ะ”
เมื่อเทียบกับอีกฝ่าย ออกัสกลับสง่างาม ปล่อยตัวตามสบาย และสุภาพ“คุณลุง”
สายตาจับจ้องมองไปยังมือที่จับกันอยู่ของทั้งสองคน จักรกฤษพูดเพียงสั้นๆอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาคุยข้างใน !”
เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้ ก็เห็นเพียงกนกอรนอนอยู่บนโซฟา และนวดคลึงไปยังหน้าผากที่เวียนหัวของเธอ ข้างๆมีองค์ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา สุนันท์ก็ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันที ชี้นิ้วไปที่เชอร์รีน หน้าอกกระเพื่อมไหวด้วยความโกรธ“ ตอนนี้แกคิดว่าแกเก่งมากแล้ว ใช่ไหม?”