ออกัสจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับจะมองให้ลึกไปถึงในกระดูก และกลืนกินเธอจนไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก น้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่มีความอ่อนแอปนวิงวอนแฝงอยู่
เขาสวมใส่ชุดสูทสีเข้ม กับเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาว ผูกด้วยเนกไทสีเทา บวกกับความสง่างามที่เต็มไปด้วยแสงจรัส เมื่อเทียบกับคำวิงวอนที่ร้องขอ เขาไม่ใช่คนที่ถ่อมตนแบบนั้นเลย
แต่ในเรื่องของความรัก ใครกันที่จะไม่อ่อนแอ?
หัวใจของเธอไหวสั่น และเต้นรัว แต่คำพูดที่พูดออกมาก็ยังเป็นคำเดิม“ออกัส คุณทำแบบนี้ไม่ได้ เราทำแบบนี้กันไม่ได้จริงๆ”
“ยังไงก็ไม่ได้เลยเหรอ ? ขอแค่คุณพูดออกมา อะไรที่คุณพูด ผมก็จะทำให้ เชอร์รีน ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ……”
คำพูดของเขาจริงจังมาก แม้แต่นัยน์ตาที่ลุ่มลึกก็ยังดูลึกล้ำมากขึ้นไปอีก จริงจังจนทำให้รู้สึกกระวนกระวาย
ในใจของเชอร์รีนก็สับสน วุ่นวาย ไหวสั่น เพียงแค่อีกนิด เธอก็จะตกปากรับคำไปแล้ว เธอกลัวมาก กลัวเขาที่จริงจังและมุ่งมั่นแบบนี้
ไม่มีคำพูดใด เธอพยายามฝืนตัวเองให้ส่ายหัว
“ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้จริงๆเหรอ ?”เขาจ้องมองไปที่ดวงตาของเธอ มองให้ลึกมากขึ้นไปอีก น้ำเสียงทุ้ม และแหบพร่า
“อืม……”เสียงเธอเบา และแหบแห้ง
มือเขาที่โอบเธออยู่ ก็กระชับแน่นขึ้น คำพูดของเธอเป็นดั่งเข็ม ที่ทิ่มแทงลงบนก้อนเนื้อตรงหัวใจ เจ็บปวดอย่างสุดแสน
ด้วยแรงแขนที่มาก เชอร์รีนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเธอกำลังจะถูกกลืนกินไปกับร่างของเขา ผ่านไปนาน เขาก็ยังคงเงียบงัน รออยู่สักพัก ก็ถึงได้ยินเขาตอบกลับมาคำหนึ่ง “ได้……”
คำพูดง่ายๆ แต่ก็บ่งชี้ถึงความหมายของการสิ้นสุด
จากนั้น เขาก็ลุกขึ้น จัดชุดสูทที่สวมใส่ให้เข้าที่ เว้นระยะห่างอย่างสุภาพและเฉยเมิน ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง “ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณต้องการ ผมก็จะทำให้ จากนี้ต่อไป ผมจะไม่มารบกวนคุณอีก และจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก หรือต่อให้ต้องเจอ ก็จะเป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น……”
ในตอนนี้เอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับใจของเชอร์รีนไม่ใช่ความรู้สึกโล่งใจ แต่เป็นความหนักอึ้ง เหมือนมีก้อนหินมากดทับมันเอาไว้
ก้าวเท้า ขาที่เรียวยาวของออกัสก้าวเดินออกจากห้อง มือข้างหนึ่งจับที่ลูกบิด แต่ก็กลับชะงักไป มีแสงวูบไหว“ยังมีคำถามสุดท้าย ไม่ว่าจะเมื่อสี่ปีก่อนหรือสี่ปีให้หลัง คุณเคยรู้สึกอะไรกับผมบ้างไหม ? ”
เธออึ้งไป หัวใจถูกตรึงราวกับเชือกที่กำลังจะขาด รัดแน่นอย่างเจ็บปวด
“ผมยอมละทิ้งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูซาราง และยอมปล่อยคุณไป จากนี้ต่อไปจะไม่ไปวุ่นวายกับคุณอีก ดังนั้นผมอยากได้ยินคำตอบที่มาจากใจของคุณ ผมคิดว่า คำขอนี้คงไม่มากจนเกินไป……”
ครั้งนี้ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งมากขึ้นกว่าเดิม
ในเมื่อทั้งสองคนต่างก็ได้ตัดสินใจกันแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกันอีก ถ้าอย่างนั้น ก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดอะไรที่ทำให้ใจเราต้องหวั่นไหวไปอีก ไม่ใช่เหรอ?
หลับตาลงเล็กน้อย มือข้างลำตัวอยู่ของเชอร์รีนก็ถือกระโปรงของชุดแต่งงานที่สวมใส่อยู่แน่น และพูดออกมาเบาๆคำหนึ่ง“ไม่เคย”
“ขอบคุณ……”ออกัสพูดขอบคุณอย่างสุภาพ นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกคำว่า“ผมจะให้คนขับรถส่งคุณกลับไปที่โรงแรม”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไว้ท่าที เย็นชา เดินออกจากห้องไปอย่างสุภาพ และปิดประตูห้องให้
ภายในห้องก็เงียบลง มีเพียงลมหายใจของเธอที่ยังลอยล่องไปในอากาศ หมุนเวียน และช่างโดดเดี่ยว บางเบา
ในหัวใจว่างเปล่า วินาทีต่อมา ดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะแดงก่ำ เปียกชุ่ม สะกิดไปโดนเส้นประสาทที่อ่อนไหว น้ำตาของเธอก็รินไหลราวกับคลื่นยักษ์
ครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจบลงแล้วจริงๆ !
ร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม ใบหน้าที่มีเครื่องสำอางอยู่ก็เลอะไปหมด แต่เธอกลับไม่สนใจมันเลย ฝังศีรษะลงไปที่หว่างขา และร้องไห้คร่ำครวญ
จากนั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ออกัสเดินเข้ามา ร่างที่สูงใหญ่นั่งยองๆ โน้มตัวหาเธอ นิ้วที่เรียวยาวสัมผัสไปยังใบหน้าที่เปียกปอนของเธอ เช็ดคราบน้ำตาออก แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า“ ทำไมต้องร้องไห้เสียใจขนาดนี้ด้วย ? ผมรับปากแล้วว่าจะปล่อยคุณไป……”
ร่างกายเธอแข็งทื่อ ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะย้อนกลับมา เบี่ยงหน้าออกไม่ได้เงยหน้าขึ้น บวกกับเสียงที่คัดจมูก“ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ แค่บังเอิญมีผมเข้าตาแค่นั้น ”
“เชอร์รีน คุณจะหลอกผมไปอีกนานแค่ไหน หืม ?”ใบหน้าที่จริงจังของเขา ดวงตาที่ดำขลับเต็มไปด้วยความทุกข์และหมดหนทาง คิ้วที่ได้รูปขมวดแน่น “ผมของคุณถูกรวบเก็บซะขนาดนี้ จะเข้าตาไปได้ยังไง แค่คำโกหกคุณยังพูดไม่เป็นเลย แล้วคุณจะให้ผมปล่อยคุณไปได้ยังไง……”
คำพูดที่อ่อนโยนอย่างนี้เหมือนจะเรียกน้ำตาให้ไหลออกมากยิ่งขึ้น เธอก้มหน้าแล้วร้องไห้ น้ำเสียงไม่ชัดเจน“ฉันไม่ได้โกหก ที่ฉันพูดเป็นความจริงทุกอย่าง ”
ในตอนนี้เอง เธอรู้มันทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ หรือความรู้สึกในใจ ทุกอย่างมันได้เผยออกมาหมดแล้ว
“แม่งเอ๊ย!นี่มันบ้าไปแล้ว !”เขาอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบ อยากจะฟาดไปที่ก้นกลมๆของเธอสักสองสามที จ้องมองเธอเขม็ง “ยอมรับว่ามีความรู้สึกกับผมมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว ความอ่อนโยนเป็นอุปสรรคของเขา!
“ไม่ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ ไม่เลยสักนิด”เธอเหมือนเป็ดที่รอถูกเฉือด แต่ก็ยังคงทำปากแข็งอยู่
สูดหายใจเข้าลึกๆ ออกัสควบคุมอารมณ์ที่หงุดหงิดในใจ ปล่อยให้ความหงุดหงิดนั้นค่อยๆสงบลง จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน วางเธอลงบนต้นขาที่แข็งแรงของเขา นิ้วเรียวยาวที่อบอุ่นลูบไล้ไปที่เส้นผมของเธอ หลังจากที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่สักพัก ก็ถึงได้พูดขึ้น
“คุณดื้อรั้นแบบนี้ตลอด ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นเด็กดี สี่วันก่อนที่จะแต่งงาน ใครกันที่นอนเที่ยงคืนทุกวัน ใครกันที่พูดจาน้อยคำลงไปเรื่อยๆ และชอบเหม่อลอยอยู่ตลอด หืม?”
เธอตะลึง ไหล่ก็หยุดไหวสั่น เรื่องพวกนี้ เขารู้ได้ยังไง ?
“องค์ชายบอกผม ความรู้สึกในใจและการกระทำของคุณ ปิดบังเขาไม่ได้เลย เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน……”
ครั้งนี้ เชอร์รีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่บวมแดงมองมาที่เขา“ เขาบอกคุณเรื่องพวกนี้ทำไม ?”
“เขารู้นิสัยของคุณ รู้ว่าคุณดื้อรั้นเหมือนวัวกระทิง ในใจรู้สึกผิดกับเขา รวมไปถึงพ่อแม่ของคุณก็จัดเตรียมงานแต่งทุกอย่างไปขนาดนั้นแล้ว คุณจะต้องเดินหน้าต่อโดยไม่ลังเลแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรู้สึกผิดจากคุณ เข้าใจไหม ?”
หยุดคำพูดลงชั่วครู่ จากนั้นเขาก็พูดต่อ“ ดังนั้น งานแต่งงานครั้งนี้จะถูกยกเลิก และจะไม่ดำเนินไปต่อ เป็นบทสรุปจากการพูดคุยของผมกับองค์ชาย ”
หัวสมองราวกับถูกวางระเบิด ระเบิดจนมีเสียงดังอื้ออึง เธอตกใจจนแข็งทื่ออยู่กับที่
พวกเขา……พวกเขา……พวกเขาสองคนทำอะไรลับหลังเธอไปบ้าง ?