“คนบ้า!”เธอเหลือบมองเขา ขยับเท้า ถือชุดกระโปรงแต่งงานสีขาวขึ้น แล้วเดินไป
ออกัสจะปล่อยให้เธอสมหวังไปได้ยังไง ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง หน้าอกที่แข็งแกร่งราวเหล็กกล้ากดทับเธอเอาไว้ ลมหายใจร้อนๆเป่ารดบนตัวเธอ“ ผมบ้ามานานแล้ว งานแต่งงานนี้ คุณอย่าคิดเลยว่าจะได้ไปเข้าร่วม ผมไม่มีทางให้คุณสมหวังอย่างเด็ดขาด !”
“นี่คุณ——”เชอร์รีนหอบหายใจหนัก กัดฟันกร่อน ทั้งเตะและทั้งถีบเขา
“คุณใส่ชุดแต่งงานสีขาวได้สวยมาก แต่ใส่ให้ผมดูได้แค่คนเดียว ผู้ชายคนอื่น อย่าได้หวัง!”
เธอสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาว แต่งหน้าแต่งตาจนสวยหยาดเยิ้มขนาดนี้เพื่อที่จะแต่งงานกับองค์ชาย เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ ?
เขาไม่มีทางให้เธอได้สมหวังเด็ดขาด แต่ดวงตาเธอกลับเต็มไปด้วยความโกรธ มีเปลวไฟที่ลุกโชน ชัดเจนและสวยงาม และดื้อรั้น!
“ห้ามแต่งงานกับองค์ชาย……”น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและแผ่วเบา “ ห้ามแต่งงานกับเขา……”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาปนมากับความหมดหนทาง“ ไม่แต่งกับเขา เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ได้ไหม?”
ร่างของเชอร์รีนแข็งทื่อ ขาที่เตะเขาอยู่ก็หยุดนิ่ง ออกัสก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า“ผมกับคุณ และซาราง เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ……”
เริ่มต้นกันใหม่ ?
ทุกอย่างดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ระหว่างเธอกับเขา จะเริ่มต้นกันใหม่ได้ยังไง ?
“เป็นไปไม่ได้ คุณลุกขึ้น แล้วปล่อยฉันไป……”คำพูดของเธอไม่ได้ร้อนรนเหมือนเมื่อครู่ แต่กลับอ่อนโยน“งานเลี้ยงที่โรงแรมถูกจัดเตรียมมันไว้หมดแล้ว แขกเหรื่อก็กำลังรออยู่ พ่อแม่ของฉันก็รออยู่ด้วยเช่นกัน องค์ชายจะมารับฉัน ออกัส พอแค่นี้เถอะนะ……”
หากเธอไม่ปรากฏตัวขึ้นในงานแต่งงาน มันต้องกลายเป็นเรื่องตลกแน่ๆ และพ่อกับแม่ก็ต้องเกลียดเธอมาก รวมถึงองค์ชายด้วย คนที่จิตใจดีแบบนี้ เธอจะเนรคุณทิ้งเขาให้ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันและน่าอับอายแบบนั้นได้ยังไง
ดวงตาของออกัสจ้องมาที่เธออย่างลึกซึ้ง ราวกับจะกลืนกินร่างเธอยังไงอย่างนั้น ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง
เชอร์รีนรู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันดูอึดอัดมาก เธอขยับตัวไปมา เบนหลบสายตาจากการมองของเขา
……
ในอีกฟากหนึ่ง
ที่โรงแรม
แขกเหรื่อต่างมากันครบแล้ว พิธีกรผู้ดำเนินงานก็มาถึงแล้ว ตอนนี้รอแค่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเข้าสู่งานเท่านั้น
กนกอรกับจักรกฤษยืนอยู่ข้างๆ ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม จูงมือซาราง ใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มรับกับการแสดงความยินดีจากแขกที่มาในงาน
แต่ว่า เวลาก็ใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว กลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
กนกอรอดที่จะเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ พูดเสียงเบากับจักรกฤษว่า “คงไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ?”
“คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร จะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร องค์ชายคงมาไม่ทัน เลยไปรับเชอร์รีนที่ร้าน เรารอกันไปก่อน ……”
“ก็ใช่ ตอนเช้าองค์ชายก็บอกว่าอาจจะไม่มาที่โรงแรม รับตัวเชอร์รีนแล้วค่อยมาพร้อมกัน ดูความจำของฉันสิ”
ยังคงรอต่อไป และแล้วก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กนกอรยิ่งรอก็ยิ่งวิตกกังวล คิดไปคิดมา โทรไปหาองค์ชายก่อนดีกว่า ถามสถานการณ์ที่นั่นดูว่าเป็นยังไง ……
หยิบมือถือออกมา กดโทรหาองค์ชาย แม้จะรู้ว่ามันดูจะไม่สมควร แต่ก็ยังจะโทรไป……
เพียงแค่ว่า พอต่อสายไปครั้งแรก ก็กลับไม่มีคนรับสาย
คิ้วของกนกอรก็ขมวดแน่น “ไม่มีคนรับสาย นี่มันอะไรกัน ?”
“ให้พูดก็ต้องพูดว่าคุณร้อนใจเกินเหตุ ตอนนี้องค์ชายก็น่าจะกำลังยุ่งอยู่ จะมีเวลารับสายคุณที่ไหนกัน อีกอย่างก็รอกันมาจนป่านนี้แล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป”จักรกฤษพูดปลอบ
“นี่มันไม่ใช่เรื่องขอการรอหรือไม่รอ ประเด็นสำคัญคือตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว เวลาเที่ยงคู่บ่าวสาวต้องกราบไหว้ฟ้าดิน เลยเที่ยงไป ก็ไม่ใช่ฤกษ์มงคลแล้ว ”
จักรกฤษโบกมือให้ สายตามองไปยังหน้าโรงแรม และเฝ้ารอ“ เท่าที่ผมดู คุณมันก็พวกงมงาย ”
“โอ้ พวกผู้ชายนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!กนกอรบิดไปที่แขนของเขา ยิ่งพูดกับเขา ยิ่งจะทำให้เธออารมณ์เสีย
ผ่านไปสักพัก เสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เห็นสายที่โทรเข้ามาคือองค์ชาย ทันทีทันใด กนกอรก็กดรับสายทันที
“องค์ชาย ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ? ถึงที่ร้านหรือยัง? เจอเชอร์รีนไหม ? อีกนานแค่ไหนจะมาถึงที่โรงแรมกัน ? มาให้ถึงก่อนเที่ยงตรงได้ไหม ? ”
พออ้าปากได้ เธอก็ยิงคำถามรัวๆราวกับปืนกล หายใจหายคอกันแทบไม่ทัน
จักรกฤษที่ยืนอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะดึงแขนของเธอเอาไว้ ให้เธอถามทีละคำถาม
ปลายสายเงียบงันอยู่เป็นเวลานาน ผ่านไปสักพัก เสียงขององค์ชายก็จึงดังขึ้น“ แม่ครับ ผมขอโทษ งานแต่งงานนี้ผมคงไม่ร่วมด้วยไม่ได้ ยกเลิกมันไปเถอะครับ ”
ได้ยินดังนั้น กนกอรก็ราวกับหินแกะสลักนิ่งแข็งอยู่กับที่ สักพักกว่าจะพูดออกเสียงได้ “องค์……องค์ชายนี่เราพูดอะไร ? แม่ฟังผิดไปใช่ไหม?”
“แม่ครับ แม่ไม่ได้ฟังผิด ผมขอโทษ!” เสียงขององค์ชายจงใจพูดให้ช้าลง
“เพราะอะไร ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”กนกอรขาสั่น และยืนทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาพร่ามัว
เมื่อเห็นดังนั้น จักรกฤษก็รีบเข้ามาพยุงร่างของเธอ หยิบโทรศัพท์จากมือของเธอมา“ ทำไมถึงต้องยกเลิกงานแต่ง เพราะอะไร?”
“พ่อครับ ทุกอย่างมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ผมกลับพูดแบบนี้ ผมรู้ตัวว่าตัวเองขาดความรับผิดชอบมาก แต่ผมมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ ผมผิดต่อผู้ใหญ่อย่างพ่อกับแม่ ผมต้องกราบขอโทษผ่านทางนี้ด้วย”
คำพูดขององค์ชายจริงใจซื่อสัตย์ และจริงจัง เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“เหตุผลคืออะไร? ฉันอยากรู้ว่าเหตุผลที่เราทำแบบนี้มันเพราะอะไร!”จักรกฤษก็จริงจังขึ้นมา และมีท่าทีเคร่งขรึม
“ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้……” องค์ชายหยุดไปครู่หนึ่ง“เรื่องรายละเอียด รอพ่อกับแม่กลับมาแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ ผมต้องขอโทษด้วย แล้วยังทิ้งปัญหาให้พ่อกับแม่ต้องมาเก็บกวาดมันอีก ”
ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว งานแต่งงานก็คงจะดำเนินต่อไปไม่ได้อีก ปัญหาทุกอย่างก็ต้องมาเก็บกวาด
จักรกฤษให้พิธีกรในงานพูดรวบรัดตัดความประโยคสั้นๆ นั่นก็คือกล่าวขอโทษกับแขกเหรื่อทุกคนในงาน ที่ต้องยกเลิกงานแต่งงานนี้อย่างกะทันหัน
แขกเหรื่อต่างพากันไม่เข้าใจ งงเป็นไก่ตาแตก ขมวดคิ้ว วิพากษ์วิจารณ์ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆถึงได้ยกเลิกงานแต่งงาน ?
จักรกฤษกับกนกอรยิ้มส่งแขก ไม่ได้สนใจสายตาที่ทุกคนมองมา และจัดการปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น
แม้กนกอรจะฝืนยิ้มออกมา แต่ศีรษะก็รู้สึกวิงเวียน เธอใช้ชีวิตอยู่มาจนป่านนี้ เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนที่ไหนกัน?
……
“แต่ว่า ผมไม่อยากให้มันหยุดอยู่แค่นี้ ผมอยากจะข้องเกี่ยวแบบนี้กับคุณไปเรื่อยๆ ทำยังไงดี ? ”
จมูกที่โด่งเป็นสันของเขาค่อยๆไล่ไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าของเธอ ลมหายใจที่ร้อนผ่าวไล่รดไปทั่วบริเวณนั้น
ร่างกายของเชอร์รีนไหวสั่น และผลักร่างของเขาออก“ออกัส คุณอย่าทำแบบนี้เลย ……”
“แล้วผมควรทำยังไง ? ต้องทำยังไงคุณถึงจะอยู่กับผม ต้องทำยังไงถึงจะล้มเลิกความคิดของคุณที่จะแต่งงานกับองค์ชายออกไปได้ บอกผมสิ ผมจะทำ……