“บัตรกดเงินสดอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของผม ในนั้นมีเงินอยู่สามล้าน คุณพกติดตัวไปด้วย หากไม่พอ ก็โทรหาผม ผมจะโอนไปให้ ”
“ได้ค่ะ วางสายแล้วนะ”สิ้นเสียง หญิงสาวก็กดวางสาย
ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สิงหาวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆอย่างไม่ได้สนใจ เดินไปเปิดประตูเป็นสุนันท์
“ดึกแล้ว คุณจะกินอะไรหน่อยไหม?”
“สักพักแล้วกัน รอกินมื้อค่ำพร้อมทุกคนเลย” ระหว่างที่พูด สิงหาก็โอบไปที่ไหล่ของสุนันท์ “ช่วงนี้ คุณคงลำบากแย่ ”
ท่าทีของสุนันท์เหนื่อยล้าเล็กน้อย ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัว“คำพูดของคุณพ่อกับออกัสเมื่อครู่ คุณอย่าไปใส่ใจเลยนะ พวกเขาต่างก็กำลังรู้สึกแย่”
ไกรวิทย์มีท่าทีเมินเฉยกับสิงหา ไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง และไม่พูดกับเขาเลยสักคำ
“ผมเข้าใจ และยอมรับมันได้”
“คราวนี้จะอยู่เมืองบีเจนานแค่ไหนล่ะคะ ? ”
“หนึ่งอาทิตย์ อยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อท่านหน่อย พอกลับเมืองs ค่อยอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
มุมปากสุนันท์กระตุก ยกหยักโค้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา หลับตาพักสมอง หลายวันนี้ เธอรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ
ที่ เมืองs
อีกสี่วันก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว กนกอรกับจักรกฤษก็ยุ่งกันมากยิ่งขึ้น แทบไม่อยู่ติดบ้านกันเลย
ตรงกันข้าม เชอร์รีนกลับอยู่บ้านทุกวัน ช่วยดูแลองค์ชายบริหารขา ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทีละน้อย
องค์ชายจริงจัง และตั้งใจมาก เขาอยากจะลุกยืนขึ้นได้จริงๆ ให้งานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเธอ จากนั้นก็กลับไปทำงานที่ตัวเองรัก
“วันนี้พอแค่นี้เถอะนะ ดูสิ เหงื่อเต็มตัวเลย ”เชอร์รีนพยุงองค์ชายที่หอบหายใจให้นั่งลง แล้วยื่นน้ำอุ่นให้เขาแก้วหนึ่ง
ช่วงนี้ การออกกำลังกายขององค์ชายได้ผลดีมาก ขาของเขาค่อยๆรับรู้ แม้ความรู้สึกจะไม่รุนแรงมากนัก แต่เขาก็รู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน
สิ้นเสียง เธอก็หันหลัง เดินไปที่ครัว เพื่อทำอาหารค่ำ ในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าห้องครัวไป เสียงขององค์ชายก็ดังขึ้น ดังเข้ามาในหู
“เชอร์รีน การแต่งงานครั้งนี้ คุณแน่ใจกับมันแล้วใช่ไหม?”
ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ เชอร์รีนยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน และไม่ได้หันหลังกลับ มองไม่เห็นสีหน้าของเธอ ผ่านไปสักพัก เธอพยักหน้า ตอบอย่างหนักแน่นว่า“ค่ะ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางให้ย้อนกลับและเลือกทางเดินใหม่!
พ่อกับแม่ก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว และจัดเตรียมงานแต่งกันมาตั้งนาน ตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว นอกจากนี้ เพื่อช่วยซารางไว้ ขาทั้งสองข้างของเขาก็ขยับไม่ได้จนต้องนั่งอยู่บนรถเข็น แล้วเธอจะกลับคำได้ยังไง ?
ต่อให้ในใจของเธอ……
ไม่ ไม่มีคำนี้ เธอไม่ควรจะคิดเรื่องอื่น!
มองดูเธอหายลับไป องค์ชายก็ค่อยๆหลับตาลง งีบหลับอยู่บนรถเข็น มือตีไปที่ขาของตัวเองเบาๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ท่าทางของเขาลุ่มลึก และนิ่งสงบ……
หลังจากนั้น เขาก็กดโทรออก พูดเพียงคำพูดสั้นๆ“อยู่ไหน ผมจะไปหาคุณ……”
ไม่รู้ว่าโทรหาใคร เหมือนจะเป็นเพื่อน สีหน้าของเขาดูอ่อนโยนมาก
เวลาหมุนไปเรื่อย ชั่วพริบตาก็ผ่านไปสี่วันแล้ว ในเช้าวันนี้ ตั้งแต่เช้า เชอร์รีนไปที่ห้องแต่งตัว และเริ่มแต่งหน้า
นาโนกับยู่ยี่ก็มา แต่สีหน้าของนาโนไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร เมื่อเทียบกับอีกฝ่าย ยู่ยี่กลับสงบนิ่งเสียมากกว่า
“เป็นอะไรไป?”ยู่ยี่มองไปที่นาโน“เหมือนอารมณ์จะไม่ดีนะ ”
“ก็คุณท่านตระกูลเตชะโสภานะสิ กฎระเบียบเยอะจนจะเขียนลงในหนังสือได้แล้ว เหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าฉัน คอยหาเรื่องกันอยู่ตลอด”นาโนนั่งลงบนโซฟา พูดแล้วก็อดโมโหไม่ได้
“แต่งออกไปแล้วก็อย่างนี้แหละ ทำทุกอย่างที่อยากจะทำไม่ได้แล้ว นิสัยของเธอก็ต้องเปลี่ยนมันบ้าง กฎระเบียบเยอะ เรียนรู้ไปเดี๋ยวก็ดีเอง”
มือของนาโนม้วนไปที่ทรงผมที่เป็นลอนของเธอ ริมฝีปากแดงยกหยัก พูดปนเหน็บ“ว่ากันว่าตระกูลเตชะโสภามีธุรกิจมากมาย คุณนายตระกูลนี้ก็งกจริงๆ ตอนแต่งงานให้สร้อยข้อมือมรดกตกทอดของครอบครัวเป็นของขวัญ ฉันใส่ไปได้แค่วันเดียว เธอก็มาเอามันไปให้หลานสาวเธอ ใส่ที่ข้อมือให้หลานสาวเธออีกด้วย”
“ตระกูลเตชะโสภามีลูกชายคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”
นาโนยิ้มเยาะ“เป็นลูกของลูกสาว สร้อยข้อมือเส้นเดียวฉันก็ไม่ใช่ว่าอยากจะได้หรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นของเก่าของแก่หรือเปล่าฉันก็ไม่ได้อยากจะได้ ฉันแค่ไม่ชอบวิธีการของเขา แล้วจะให้มาทำไมตั้งแต่ทีแรก ให้แล้วมาเอาคืนไปมันหมายความว่ายังไง ? หรือว่าเห็นฉันมาใหม่อยากจะใช้อำนาจกดหัวฉัน ? รังเกียจที่ฉันใส่เสื้อผ้าเปิดโน้นเปิดนี่ ไม่มีความเป็นกุลสตรี นี่มันสมัยไหนแล้ว เขาคิดว่ายังเป็นสมัยโบราณอยู่รึไง สืบทอดวัฒนธรรมประเพณี เป็นแบบอย่างของกุลสตรีหรือไง ? ”
ยู่ยี่ตบไหล่เธอ แล้วขยิบตาให้ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเชอร์รีน ไม่ใช่ให้มาบ่นแบบนี้
“ขอโทษนะ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะ ”นาโนสูดหายใจลึก
ในตอนนี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ยู่ยี่มองดูเวลา “เจ็ดโมง คงไม่ใช่องค์ชายมาหรอกนะ ?”
ขณะที่พูด เธอก็ไปเปิดประตูห้องแต่งตัว แต่กลับต้องตะลึงอยู่กับที่ คำว่าองค์ชายที่กำลังจะเรียกก็ต้องค้างเอาไว้ ทำไมถึงเป็นเขา ?
“เกิดอะไรขึ้น?”เชอร์รีนมองไปที่ยู่ยี่ด้วยความสงสัย ทำไมเธอถึงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ?
นาโนก็มองตาม เมื่อเห็นคนที่มา ก็ตะลึงงัน ออกัสมาได้ยังไง ?
เขายังคงสวมชุดสูทสีดำ ความซูบผอมที่สะสมกันเป็นเวลาหลายวันทำให้โครงหน้าของเขาดูแข็งกร้าว คมชัด และหล่อล่ำมากยิ่งขึ้น
ไม่ได้สนใจยู่ยี่ ขายาวเดินก้าวเข้ามา เขาเดินเข้ามาหา สายตาเขาจับจ้องมองไปที่เชอร์รีน
เชอร์รีนก็ตกใจด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ดึงสติกลับมาได้“ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”
นัยน์ตามีแสงเย็นวาบผาดผ่าน และหรี่ลง จ้องเขม็งมองไปที่เชอร์รีนอย่างเย็นชา จากนั้นร่างที่สูงใหญ่ก็เดินตรงไปข้างหน้า ไม่พูดอะไร ยกร่างของเชอร์รีนขึ้นพาดลงบนบ่า หันหลังและเดินออกไปทันที
ยู่ยี่กับนาโนตกตะลึง หลังจากที่ได้สติ ก็รีบเดินตาม ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ออกัส ชายในชุดสูทอีกหลายคนก็เดินเข้ามา ขวางพวกเธอเอาไว้
เชอร์รีนถูกแบกอยู่บนไหล่ ดิ้นรน ขัดขืน ทุบตีไปที่ไหล่ของเขา“ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ออกัส คุณบ้าไปแล้วหรือไง !”
ออกัสไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ยัดร่างเธอเข้าไปในรถเบนท์ลีย์สีดำ แล้วขับออกไป
เขาพาเธอไปที่วิลล่าการ์เด้นสไตล์ เปิดประตูคฤหาสน์ออก แล้ววางเธอลง และเขาก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆ
“ออกัส ปล่อยฉันไปนะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน!”เธอทั้งโกรธและทั้งกังวล
แต่ท่าทีของออกัสกลับเย็นชา น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเล็ดลอดออกจากลำคอ“ผมย่อมต้องรู้อยู่แล้ววันมันเป็นวันแต่งงานของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องพูดย้ำกับผมอยู่ซ้ำๆ !”
“ถ้าอย่างนั้น คุณคิดจะทำอะไร ?”
“การกระทำของผมยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ ? ฉุดตัวเจ้าสาวไง!” เขาเลิกคิ้วขึ้น และให้คำตอบเธอ