แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ ฉินเพ่ยหรงตื่นตะลึงเพราะรู้ว่าลูกชายรักเฉียวซือมู่มาก เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมถอยเร็วขนาดนี้ ส่วนจิ้นเฮ่านั้นทั้งโล่งอกทั้งปลาบปลื้มใจ
เขาก้าวเท้าถอยหลังไปอีกหลายก้าวอย่างเงียบๆ มองหน้าจิ้นเฮ่าด้วยความเฉยชา “ผมรับปากคุณพ่อ เพราะฉะนั้น คุณพ่อรักษาตัวให้หายได้ไหมครับ?”
“ได้” ฉินเฮ่าที่แทบจะพูดไม่ไหวพยายามฝืนพูดออกมาอย่างสุดความสามารถ
เสียงหวอของรถพยาบาลดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้ามืดมิดไร้เดือนไร้ดาราข้างนอก ท้องฟ้าในยามนี้ดำมืดเฉกเช่นน้ำหมึกไม่มีผิด
ไม่แตกต่างจากสภาพจิตใจของเขาในยามนี้เลย
เขายืนมองเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่วิ่งขึ้นมาอยู่เงียบๆ พวกเขายกตัวจิ้นเฮ่าขึ้นรถเข็นอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำตัวไปขึ้นรถพยาบาลที่จอดรออยู่ ฉินเพ่ยหรงที่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ จิ้นหยวนก้มหน้าลงมองฉินเพ่ยหรงที่สูงเพียงแค่ไหล่ของเขา ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา จิตใจที่แข็งดั่งหินผาและเยือกเย็นราวน้ำแข็งของเขาอ่อนยวบลงทันที เขาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเช็ดคราบน้ำตาให้เธออย่างเบามือ “เราไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ”
เธอปิดเปลือกตาลงแล้วพยักหน้าเบาๆ หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมาอีก
จิ้นหยวนดึงตัวเองกลับออกมาจากความทรงจำ เขามองดูนาฬิการที่แขวนอยู่บนฝาผนังถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้ากว่า อีกไม่นานฟ้าก็จะสว่างแล้ว เขาถึงรู้ตัวว่าเวลาผ่านไปคืนหนึ่งแล้ว
ฉินเพ่ยหรงและจิ้นหยวนไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ทั้งสองต่างเพ่งมองไปยังห้องผ่าตัดเป็นตาเดียว แม้พวกเขาจะมีสิทธิพิเศษในโรงพยาบาลนี้และสามารถพักผ่อนในห้องที่สะดวกสบายเพื่อรอผลการผ่าตัดก็ตาม แต่สำหรับพวกเขาในตอนนี้แล้ว พวกเขายินดีที่จะรออยู่ใกล้ๆ จิ้นเฮ่าให้มากที่สุดมากกว่า
เวลาเคลื่อนผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดไฟสีแดงหน้าห้องผ่าตัดก็ดับแสงลง ฉินเพ่ยหรงรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นพลางจ้องประตูห้องผ่าตัดที่ยังปิดสนิทตาไม่กะพริบ
ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก ฉินเฮ่าถูกเข็นออกมานอกห้อง ตามด้วยทีมแพทย์และพยาบาลอีกกลุ่มใหญ่ แต่ละคนสีหน้าขาวซีด สภาพอิดโรยเพราะสูญเสียพลังงานกันไปไม่ใช่น้อย
จิ้นหยวนรีบเดินเข้าไปหาคุณหมอโรคหัวใจเฉพาะทางที่เชิญมาเป็นพิเศษ คุณหมอดึงหน้ากากอนามัยลงแล้วผงกศีรษะให้เขาเล็กน้อย “คุณจิ้น การผ่าตัดประสบความสำเร็จมากครับ”
เขาเป็นนายแพทย์มากประสบการณ์ที่รู้ดีว่าญาติคนไข้อยากได้ยินอะไรมากที่สุดเป็นอันดับแรก และเขาเห็นความวิตกกังวลในแววตาของจิ้นหยวนมลายหายไปจริงๆ จิ้นหยวนผงกศีรษะให้เขาเล็กน้อยเป็นการแสดงความขอบคุณ จากนั้น เขากำชับเพิ่มเติม “แต่ว่า ร่างกายของคนไข้อ่อนแอมาก ต้องให้กำลังใจเขามากๆ อย่าทำให้อารมณ์ของคนไข้ขึ้นลงมากเกินไป พยายามทำให้คนไข้สงบจิตสงบใจให้มากที่สุดนะครับ”
ฉินเพ่ยหรงพยักหน้าหงึกๆ “ได้ค่ะ ได้ พวกเราจะทำตามที่คุณหมอบอกทุกอย่างเลยค่ะ”
จิ้นหยวนนิ่งเงียบอยู่สักครู่จึงเอ่ยขึ้น “ลำบากคุณหมอแล้ว ขอบคุณมาก” เขาเอ่ยจบแล้วส่งสายตาให้หลินจื้อเฉิงที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็มีคนรีบยื่นซองหนาๆ ซองหนึ่งให้คุณหมอ คุณหมอรับมันมาเงียบๆ ราวกับรับซองเอกสารธรรมดาแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าไม่แสดงความดีใจใดๆ หากแต่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง “ต่อไปก็ให้ปฏิบัติตามที่หมอสั่ง ให้คนไข้พักผ่อนเยอะๆ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก”
นายแพทย์และพยาบาลคนอื่นๆ ไม่แสดงสีหน้าแปลกใจใดๆ ที่เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณหมอคนนั้นกับจิ้นหยวน หากแต่เข็นจิ้นเฮ่าไปยังห้องไอซียูตามขั้นตอนปกติ
แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ แต่เพื่อป้องกันการติดเชื้อจึงต้องเฝ้าติดตามอาการของจิ้นเฮ่าในห้องไอซียูอีกเป็นเวลาอย่างน้อยสามวันจึงจะสามารถย้ายไปยังห้องคนไข้ทั่วไปได้
จิ้นหยวนและฉินเพ่ยหรงเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว ตอนนี้จิตใจจึงสงบลงมาก ในเมื่อคุณหมอบอกแล้วว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ นั่นย่อมหมายความว่าจิ้นเฮ่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว
ฉินเพ่ยหรงอายุมากแล้ว ร่างกายที่แบกรับความตึงเครียดมาตลอดทั้งคืนยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป จิ้นหยวนรีบพาเธอเข้าไปพักผ่อนที่ห้องรับรองพิเศษ เขาเฝ้าฉินเพ่ยหรงอยู่ข้างเตียงจนเธอหลับสนิทแล้วจึงเดินออกจากห้อง หลินจื้อเฉิงที่คอยอยู่เคียงข้างจิ้นหยวนตลอดเวลาเห็นว่าเขาเองก็ยังไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกัน จึงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง “พี่ใหญ่ก็ควรไปพักผ่อนเหมือนกันนะครับ มีพยาบาลพิเศษคอยดูแลคุณลุงอยู่ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะครับ”
ถึงหลินจื้อเฉิงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าจิ้นหยวนคงไม่ฟังเขาหรอก และเป็นไปอย่างที่เขาคาด จิ้นหยวนได้ยินแล้วส่ายศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฉันจะออกไปเดินเล่นซะหน่อย นายไม่ต้องตามมา”
หลินจื้อเฉิงรู้ว่าเขาอยากจะทำอะไรจึงไม่ได้ปริปากใดๆ อีก เขายื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมให้จิ้นหยวนเงียบๆ โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของจิ้นหยวนถูกจิ้นเฮ่าทำตกพื้นจนเสียหาย และนี่เป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เขาเพิ่งไปซื้อมาเมื่อคืนนี้เอง
จิ้นหยวนรับมันมาโดยไม่ได้แสดงความแปลกใจที่เห็นเขาทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม หลินจื้อเฉิงติดตามเขามานานหลายปี ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้เขาคงผิดหวังมาก
เขาเดินออกไปตรงระเบียงด้านนอก หยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาจุดสูบ ในใจครุ่นคิดว่าควรจะพูดอย่างไรกับสาวน้อยของเขาดี จากนั้นค่อยโทรศัพท์หาเธอ
แต่เขาต้องแปลกใจมากที่ไม่ว่าเขาจะพยายามโทรอย่างไรแต่ก็ไม่มีคนรับสายเสียที เขาชักจะสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว จึงรีบโทรติดต่อพ่อบ้านเฉินแทน
ปกติพ่อบ้านเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวตลอดเวลา แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่ได้รับสาย เหตุการณ์เหมือนเมื่อครู่ไม่มีผิด เขาชักหัวคิ้วชนกันแน่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในเวลาเดียวกัน เฉียวซือมู่กำลังจ้องมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด “ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง?”
แขกที่มาพบเธอเป็นชายที่มีใบหน้าอ่อนโยนและรูปร่างอ้วนกลม แต่คำพูดของเขากลับไม่อ่อนโยนเลยสักนิด “คุณยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอีกหรือ? นายท่านจิ้นเฮ่าชอบคุณหนูหร่วนเซียงเซียงมาก เขาไม่ต้องการให้เธอต้องมาเจอเรื่องอะไรก็ตามที่จะทำให้เธอไม่สบายใจ…”
“และจากที่ผมรู้มา ตัวตนของคุณถูกเปิดเผยแล้ว และมันทำให้คุณหนูหร่วนไม่พอใจมาก เพราะฉะนั้น รบกวนคุณรีบย้ายออกจากที่นี่ทันที เช็คเงินสดใบนี้เป็นค่าชดเชยของคุณ หวังว่าคุณจะพอใจกับตัวเลขนี้นะครับ”
เขาร่ายยาวเป็นพรวนพลางมองใบหน้าซีดเผือดของเฉียวซือมู่ด้วยรอยยิ้มจอมปลอม จากนั้นค่อยๆ เลื่อนเช็คเงินสดใบหนึ่งไปไว้ตรงหน้าเธออย่างช้าๆ
เธอหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเห็นตัวเลขยาวเป็นพรวน เธอจ้องมองเช็คใบนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังประเดกันเข้ามาจนพูดไม่ออก
ประกายดูถูกเหยียดหยามฉายชัดในแววตาของแขกไม่ได้รับเชิญผู้นั้นแวบหนึ่ง เขานึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงสูงส่งมากขนาดไหนเสียอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ผู้หญิงเห็นแก่เงินนี่เอง คราวนี้เขาไม่พูดหยั่งเชิงให้เสียเวลาอีก หากแต่เปลี่ยนท่าทีเป็นแข็งกระด้างแทน “หวังว่าคุณเฉียวรับเช็คใบนี้ไปแล้วจะทำตามสัญญาของเรานะครับ ห้ามคุณพบคุณจิ้นอีก เราจะเป็นคนหาเหตุผลที่เหมาะสมและทำให้เขาเชื่อเองว่าคุณเป็นคนทิ้งเขาไปเอง เพราะฉะนั้น หลังจากคุณก้าวเท้าออกจากประตูบานนี้แล้ว ให้ถือซะว่าคุณไม่เคยรู้จักเขามาก่อน”
เฉียวซือมู่มองเช็คเงินสดในมือชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาด้วยแววตาเป็นประกายแวววาวจนแสบตา เธอวางเช็คเงินสดลงบนโต๊ะแล้วค่อยๆ เลื่อนมันกลับไปตรงหน้าเขา “ขอโทษนะคะ ฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้หรอกค่ะ”
เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่หวั่นไหวกับเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น หรือว่าข้อมูลที่เขาได้มาจะผิดพลาด?
เขานั่งนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเห็นเงินแล้วไม่รู้สึกหวั่นไหว เขายังคงเชื่อว่าเป็นเพราะเงินที่พวกเขาเสนอให้เธอนั้นน้อยเกินไป เขาจึงชำเลืองมองเธอแวบหนึ่งอย่างดูถูกเหยียดหยามมากขึ้นไปอีก