เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 413
ชายร่างใหญ่ป่าเถื่อนกลุ่มใหญ่ พุ่งเข้ามาหาหยางเฟิงทันที

บนใบหน้าของหลันฮ๋าวปรากฏยิ้มเย็น

ในตงไห่นี้ กล้าทำให้ตระกูลหลันขุ่นเคือง มีทางเดียวคือตาย!

“กล้าหยาบคายกับท่านแม่ทัพ ฆ่ามันให้หมด!”

ไม่รอให้หยางเฟิงพูด

เพียงได้ยินเสียงคำรามอย่างกรุ่นโกรธ

เพียงเห็นเงาที่ดุร้าย!

สองหมัดของเสือขาว เปิดกว้างและหุบเข้า หนักราวกับค้อนหมื่นปอนด์!

เสียงผลุ่กผลั่กดังสนั่น!

ร่างเสือขาวยังอยู่กับที่ ส่วนชายร่างใหญ่นับสิบคน ร้องโอดโอยล้มอยู่ที่พื้นกันหมดแล้ว

ร่างกำยำของหยางเฟิง ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

มองอย่างสูงส่งอยู่บนหิ้ง และดูถูกเหยียดหยามหลันฮ๋าว!

“นะนี่…”

เห็นอย่างนั้น หลันฮ่าวก็ตกตะลึง

ลูกน้องที่เขาฝึกฝนมาอย่างดี ชายฉกรรจ์สิบกว่าคน กลับสู้เสือขาวไม่ได้แม้แต่คนเดียว?

ชั่วครู่เดียว สีหน้าของหลันฮ๋าวดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ในใจของเขาตื่นตระหนก หวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เขาจ้องเขม็งไปที่หยางเฟิงและพวก ตะเบ็งเสียงถาม : “ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่? หรือว่าพวกแกไม่รู้จักตระกูลหลัน?”

เพิ่งพูดจบ

เพียะ!

เสียงตบหน้า ฉับพลันฝ่ามือก็ฟาดลงบนหน้าเขา!

หลันฮ๋าวงุนงง!

นี่ตัวเขา โดนคนตบหน้า?

ตัวเขาเป็นถึงโฆษกกองกำลังสีเทาของตระกูลหลัน โดนคนตบหน้า?

เขามองไปข้างหน้าอย่างอึ้งๆ เห็นเพียงหญิงสาวแสนสวย ยืนอยู่ตรงหน้า มองเขาอย่างโกรธเคือง

เย่เมิ่งเหยียนกล่าวอย่างโกรธจัด : “คนอย่างแก มันเป็นความอัปยศของตระกูลหลัน!”

“อีกะหรี่เหม็นโฉ่ มึงกล้าตบกูหรือ? กูจะฆ่ามึง!” หลันฮ๋าวรู้สึกตัวกลับมา กล่าวเสียงเย็นเหมือนน้ำแข็ง

เปลวไฟโทสะกำลังเผาไหม้อยู่ในอกของเขา

เขาหลันฮ๋าวเขากว้างขวางในเขตพื้นที่สีเทาของตงไห่ เคยโดนใครตบหน้าเสียเมื่อไหร่?

แต่ดันโดนผู้หญิงตบ?

ชั่วครู่เดียว

ความโกรธก็ครอบงำจิตใจของเขา

เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธ

หลันฮ๋าวยกมือขึ้น กำลังจะฟาดไปที่เย่เมิ่งเหยียน

เพียะ!

ทันใดนั้นเสียงตบที่คมชัดก็ดังขึ้น

เย่เมิ่งเหยียนยืนอยู่ที่เดิม ปลอดภัยดีไม่เป็นอะไร

แต่หลันฮ๋าว!

ตัวเขาลอยกระเด็นออกไปทั้งตัว!

พลั่ก!

เสียงดังขึ้น

เขาล้มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง

เลือดสดและฟันของเขาถูกบ้วนออกมาจากปากพร้อมกัน!

“กล้ามาแตะต้องผู้หญิงของฉัน อยากตายหรือ?” หยางเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าเย่เมิ่งเหยียน ใบหน้าเย็นชา

“กะกะแก…”

หลันฮ๋าวใช้มือชี้ไปที่หยางเฟิงและพวก พูดไม่ออกแม้สักประโยคเดียว

เขาในตอนนี้ ใกล้บ้าเต็มทีแล้ว

ไอ้โง่พวกนี้มันมาจากไหนกัน?

ทำไมขนาดตัวเขามันยังกล้าตบ?

หรือว่าพวกมันไม่กลัวตระกูลหลันเอาคืนงั้นหรือ?

ทันใดนั้น

เย่เมิ่งเหยียนเดินไปที่ด้านหน้าของหลันฮ๋าว ร่างสูงโน้มตัวลง ตะคอกด้วยเสียงดังเย็นเยียบ : “แหกตาหมาๆของแกดูให้ดีๆ ว่าตกลงแล้วฉันเป็นใคร?”

“แกคือ?”

ได้ยินดังนั้น

หลันฮ๋าวตกตะลึง แล้วมองไปที่เย่เมิ่งเหยียนอย่างละเอียด

ทันใดนั้น

ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดขึ้นมา

สั่นไปทั้งตัวอย่างคุมไม่อยู่

“คุณคือ…คือ…ลูกพี่ลูกน้อง เย่เมิ่งเหยียน?”

หลังจากนั้นพักใหญ่

หลันฮ๋าวตอบออกมาอย่างสั่นเทา

ในฐานะญาติห่างๆของตระกูลหลัน

หลันฮ๋าวก็เคยเจอกับเย่เมิ่งเหยียน

แต่เพราะเมื่อก่อนหลันฮ๋าวเป็นนักเลงข้างถนน ไม่มีตำแหน่งอะไรในตระกูลหลัน ดังนั้นเขาจึงเคยเจอเย่เมิ่งเหยียนแค่ครั้งเดียว

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่นี้

ตอนแรกที่เขายังจำเย่เมิ่งเหยียนไม่ได้!

ในตอนนี้

นึกถึงการกระทำโง่เง่าของตนเองเมื่อครู่

จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าความวิบัติฉิบหายอยู่ตรงหน้าตนเองนี้แล้ว!

เย่เมิ่งเหยียนเป็นใคร?

เธอเป็นท่านประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป!

เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่!

ที่ตระกูลหลันหยิ่งผยองได้ขนาดนี้

ทั้งหมดก็เป็นเพราะอาศัยตระกูลเย่!

ตนเองเป็นแค่หางหมาของตระกูลหลัน

มีคุณสมบัติอะไร มีความสามารถอะไร ไปจองหองตะโกนใส่เย่เมิ่งเหยียน?

เย่เมิ่งเหยียนกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว : “หุบปาก! แกไม่มีสิทธิมาเรียกฉันว่าพี่สาว ฉันไม่มีญาติเป็นพวกสัตว์เดรัจฉานอย่างแก!”

ในตอนนี้

เย่เมิ่งเหยียนโกรธเกรี้ยวสุดขีด!

นี่เป็นท่าทางของเธอที่น้อยครั้งจะได้เห็น