ตอนที่ 2166 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (7) / ตอนที่ 2167 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (8)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2166 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (7)

“เธอ…เสี่ยวเฟิง?” ชายชราเบิกตากว้างทันทีแล้วจ้องหญิงสาวที่ปรากฏตัวในห้องชุดด้วยความไม่เชื่อ เขาขยี้ตาอย่างแรงแล้วมองอีกรอบ เขาถึงได้รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่แค่จินตนาการของเขาและเธอก็ยืนอยู่ในห้องขณะที่มองมาที่เขาพร้อมรอยยิ้มหวาน

ทันใดนั้นชายชราก็ตัวแข็งทื่อ แล้วดวงตาของเขาก็แดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้

“เสี่ยวเฟิงตายไปแล้ว…นี่เป็นวิญญาณของเธอกลับมาหาฉันงั้นเหรอ”

เธอตายแล้ว! เธอตายในห้องทดลอง! ในชีวิตของเขา เขาไม่มีทางได้เจอเธออีกแล้ว!

“อาจารย์คะ” เมื่อเห็นใบหน้าของเขา หญิงสาวก็ยิ้มแล้วเรียกออกมาอย่างช้าๆ

ชายชราห้ามน้ำตาไม่อยู่ ไม่นานน้ำใสๆ ก็ไหลอาบแก้มเขา “เสี่ยวเฟิง วิญญาณของหนูมาเยี่ยมอาจารย์เพราะมีคำพูดสุดท้ายที่อยากพูดกับอาจารย์งั้นเหรอ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาตอนนี้ล่ะ”

ห้าปี?

อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว นางจากไปยี่สิบปีแล้ว แต่ที่หวาเซี่ยพึ่งผ่านไปห้าปีงั้นหรือ

“อาจารย์ หนูกลับมาแล้วค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงเดินไปหาชายชราด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “หนูไม่ใช่วิญญาณและนี่ก็คือหนูจริงๆ”

ดวงตาของชายชราค่อยๆ เบิกกว้าง มือที่สั่นเล็กน้อยของเขายื่นออกมาและสัมผัสกับศีรษะของอวิ๋นลั่วเฟิง เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสบนฝ่ามือ และตอนนั้นเองชายชราก็ปล่อยโฮออกมาราวกับเด็กตัวเล็กๆ

“เสี่ยวเฟิง หนูยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ หนูยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่หรือไม่ ห้าปีนี้หนูหายไปไหนมา ทำไมถึงพึ่งกลับมาตอนนี้ อีกอย่างตอนนั้นหนูเข้าไปในห้องทดลองนั่นแน่ๆ หนูรอดมาได้ยังไง”

คำถามมากมายของชายชราทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตกตะลึง เมื่อมองชายหนุ่มข้างหลังนาง นางก็เริ่มคิด

ข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้มีพระคุณอย่างไรดี

อวิ๋นเซียวเดินช้าๆ มายืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงและกอดนางแน่น พวกเขาสบตากันแล้วรอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

“เสี่ยวเฟิง นี่คือ…” ชายชราค่อยๆ สังเกตเห็นอวิ๋นเซียว ขณะที่ความตกตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตาเขา

“เขาเป็นสามีของหนูเองค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยกยิ้มแล้วแนะนำอวิ๋นเซียวอย่างภาคภูมิใจ

สามี? ชายชราอาจประมวลเรื่องที่ได้รับรู้กะทันหันนี้ได้ทัน จึงได้แต่ใช้กำแพงข้างๆ พยุงร่างกายไว้

ลูกศิษย์ของเขาหายตัวไปห้าปี และตอนนี้เธอก็ยังสามีอีกงั้นเหรอ

“อาจารย์” อวิ๋นเซียวเรียกอย่างเฉยชา เขายินดีเรียกชายชราว่าอาจารย์เพื่อแสดงออกว่าอีกฝ่ายเป็นคนสำคัญ แต่ว่าด้วยนิสัยของอวิ๋นเซียว เขาจึงไม่ได้เผยรอยยิ้มต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงมีใบหน้าเฉยชาอยู่เหมือนเดิม

“ท่านแม่ ท่านแม่” อวิ๋นเนี่ยนเฟิงและอวิ๋นชูเทียนวิ่งมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงและสายตาพวกเขาก็เป็นประกายแวววาว

“ท่านแม่ เขาคือผู้มีพระคุณที่ท่านพูดถึงหรือขอรับ” อวิ๋นเนี่ยนเฟิงเอียงคอไปด้านหนึ่งแล้วถาม

ชายชรารู้สึกคล้ายกับโดนฟ้าผ่าและตะลึงจนโง่งมทันที

อะไรนะ? เสี่ยวเฟิงไม่ได้แค่มีสามีแต่เธอยังมีลูกอีกสองคนด้วยหรือนี่ เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนจะมีบางอย่างแปลกๆ เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนี้ดูไม่เหมือนอายุสี่ขวบแต่ดูเหมือนอายุสักหกเจ็ดขวบ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายชราก็หันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างสงสัย “เสี่ยวเฟิง เด็กคนนี้เป็นลูกของหนูจริงๆ เหรอ หนูตาย…อ้อ ไม่สิ หนูหายตัวไปแค่ห้าปี อย่างมากลูกของหนูก็น่าจะสี่ขวบ แต่เด็กน้อยคนนี้น่าจะอายุสักหกขวบ อาจารย์พูดไหม”

“อ้อ” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบอ้อมแอ้ม “เขากินเยอะก็เลยโตเร็ว”

เมื่อได้ยินที่นางพูด ดวงตาของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงก็ปรากฏความเสียใจทันที “ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์กินไม่เยอะนะ เฟิงเอ๋อร์กินไม่เยอะเท่าเทียนเอ๋อร์ด้วยซ้ำ”

ปัง!

อวิ๋นเซียวตีอวิ๋นเนี่ยนเฟิงแล้วพูดอย่างเฉยชา “เจ้ามีอะไรจะคัดค้านที่ท่านแม่ของเจ้าพูดงั้นหรือ”

อวิ๋นเนี่ยนเฟิงพอถูกตีก็ร้องไห้ เขาไปทำบาปอะไรไว้ถึงได้มีบิดาที่ปกป้องภรรยาขนาดนี้

ท่านแม่พูดโกหกแต่ท่านพ่อก็ยังช่วยนาง เรื่องนี้ไม่เห็นยุติธรรมเลย! แต่ว่า…ด้วยเพราะเขากลัวว่าจะถูกท่านพ่อรังแก อวิ๋นเนี่ยนเฟิงพูดพร้อมกับร้องไห้ “เฟิงเอ๋อร์กินเยอะก็เลยโตเร็ว ท่านแม่พูดถูกต้องที่สุด!”

ตอนที่ 2167 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (8)

ชายชรามองอวิ๋นเนี่ยนเฟิงอย่างแปลกใจและความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา เรื่องจริงเหรอเนี่ย

“อาจารย์คะ” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ มืดครึ้มและถามว่า “หลังจากการหายตัวของหนูในปีนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ชายชราก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาดูวิตก

แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ห้าปีนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและอาจารย์ก็แค่มาทำความสะอาดห้องให้หนูเป็นพักๆ ตอนนี้หนูก็กลับมาแล้วก็คงต้องคืนให้เจ้าของที่แท้จริง”

ในเมื่อตอนนั้นศพของอวิ๋นลั่วเฟิงหายไประหว่างการระเบิด ชายชราก็มีความหวังริบรี่อยู่เสมอว่าลูกศิษย์ของเขายังมีชีวิตอยู่…

ตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอและร่องรอยประหลาดใจก็ฉายบนใบหน้าของเขา ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รับสาย

“สวัสดีครับ” อาจจะเป็นเพราะว่าคนปลายสายพูดบางอย่าง ชายชราก็ยื่นโทรศัพท์ให้อวิ๋นลั่วเฟิง “เขาอยากคุยกับหนู”

“อยากคุยกับหนูเหรอคะ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่านางกลับมา แล้วทำไมถึงมีคนมาตามหานาง ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้คิดมากแล้วรับโทรศัพท์มา แต่ว่า…ทันทีที่นางแนบโทรศัพท์กับหูเสียงวิตกกังวลก็ดังขึ้น “อวิ๋นลั่วเฟิง รีบมาที่โรงพยาบาลหวงผู่เดี๋ยวนี้!”

“หนานกง?” นางจำเสียงของอีกฝ่ายได้และสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น”

“ท่านปู่ของข้าประสบอุบัติเหตุ!”

อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วและตอบว่า “รอข้าก่อน อีกไม่นานข้าจะไปถึง”

หลังจากพูดจบ นางไม่แม้แต่จะถามซักไซ้ข้อมูลกับหนานกงอวิ๋นอี้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่านางอยู่อาจารย์ของนางและวางสาย จากนั้นนางก็หันไปหาอวิ๋นเซียวและบุตรชายก่อนจะพูดว่า “อวิ๋นเซียว เนี่ยนเฟิง เทียนเอ๋อร์ พวกเราเดินทางไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

“โรงพยาบาลคืออะไรเจ้าคะ” อวิ๋นชูเทียนเอียงคอถามอย่างน่ารัก “ท่านแม่เจ้าคะ ของที่ท่านถือก่อนหน้านี้คืออะไรเจ้าคะ ของนั่นทำให้ท่านคุยกับท่านลุงหนานกงได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาอธิบาย การช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด”

หลังจากนั้นนางก็ดึงอวิ๋นชูเทียนเข้ามากอดขณะที่อวิ๋นเซียวอุ้มเนี่ยนเฟิงแล้วทั้งคู่ก็สบตากับก่อนจะพุ่งออกจากประตู

ร่างของพวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายลมแล้วผ่านหน้าชายชราไป เขามองไปยังทิศทางที่อวิ๋นลั่วเฟิงจากไปอย่างเหม่อลอย

ด้านนอกห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล

หนานกงอวิ๋นอี้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงทางเดินอย่างหมดความอดทนด้วยใบหน้าถอดสี ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่จ้องไฟหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความวิตกกังวล

“บ้าเอ๊ย!” ถ้าหาก…ถ้าหากตอนนั้นเขาเรียนวิชาแพทย์จากอวิ๋นลั่วเฟิงล่ะก็ เขาก็คงไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างไร้ความหวังแบบนี้!

“สบายใจเถอะ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านปู่ของเจ้าแน่”

หงหลวนตบไหล่ของหนานกงอวิ๋นอี้เบาๆ และเอ่ยปลอบใจ “เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงมาก็ไม่มีคนไข้คนใดที่นางช่วยไม่ได้ ต่อให้ท่านปู่ของเจ้าเสียชีวิต นางก็สามารถดึงเขากลับมาจากโลกหลังความตายได้!”

อาจจะเป็นเพราะได้คำปลอบใจจากหงหลวน สีหน้าของหนานกงอวิ๋นอี้ก็ผ่อนคลายลง ใช่แล้ว เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ที่นี่ก็ไม่มีคนไข้คนใดที่นางรักษาไม่ได้…

“เหอะ” ตอนนั้นเสียงเหยียดหยามก็ดังขึ้นและสีหน้าของเธอก็ปรากฏความเยาะเย้ย “หนานกงอวิ๋นอี้ นายยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่คิดว่านายตายแล้ว เขาก็คงไม่ต้องกังวลอยู่ทุกวันจนทำให้สุขภาพแย่ลงอย่างนี้หรอก!”