บทที่ 332 ไม่สามารถอยู่ต่อได้อีก

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ไวท์มองออกว่าหลินจือถูกโจมตีอย่างหนัก รีบพูดปลอบใจ “หลินจือ เรื่องราวไม่ได้แย่เหมือนกับที่เธอคิด”

วีนาดึงไวท์ไปอยู่ข้างๆ เดินขึ้นไปหนึ่งก้าวแล้วยกนิ้วชี้ด่าหลินจือ “แกไม่สามารถตั้งครรภ์ก็ช่างเถอะ แกยังจิตใจโหดเหี้ยม พินอินบอกว่าเธอโทรหาเทาเท่เพื่อขอความช่วยเหลือ แกกลับห้ามไม่ให้เทาเท่ไปช่วยเธอ!”

“หากเกิดอะไรขึ้นกับพินอิน ฉันไม่จบกับเธอแน่!” วีนาพูดคำพูดแรงๆ อย่างไม่ไว้หน้า

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายใต้การด่าทอของวีนาหลินจือกลับเงียบสงบลง

เธอปล่อยมือที่จับแก้มของตนเอง เงยหน้าขึ้นมองวีนา

วีนาไม่เคยยอมรับเธอคนคนนี้มาก่อนเลย พินอินใส่ร้ายว่าเธอไม่ให้เทาเท่ไปช่วย วีนาก็เชื่อแล้ว

ไวท์พูดกับวีนาอยู่ข้างๆ อย่างเคร่งเครียด “คุณป้า เทาเท่ออกไปช่วยแล้วไม่ใช่เหรอครับ? อีกอย่างก่อนหน้านี้ตอนที่เทาเท่ติดต่อกับพวกเราเขาเองก็บอกแล้วว่า หลินจือสนับสนุนให้เขาไปช่วยพินอิน!”

“ไวท์” หลินจือเอ่ยปากพูดแทรกตัดคำพูดของไวท์

หลินจือไม่อยากให้ไวท์พูดคำพูดดีๆ เพื่อเธออีก เพราะว่าเธอสามารถมองออกถึงความดูถูกจากสีหน้าของวีนา วีนาไม่เชื่ออยู่แล้วตั้งแต่แรก

บวกกับหัวใจของวีนาในตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ถึงแม้ว่าไวท์จะพูดแล้วก็ใช่ว่าจะทำให้วีนาปล่อยมือได้

ดังนั้น เธอพูดกับวีนาเองว่า “คุณวีนาคะ หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วเชิญคุณออกไปจากบ้านของฉันด้วยค่ะ”

วีนาโมโหมาก “นี่ท่าทีอะไรของแก?”

หลินจือไม่ได้มองเธออีแม้แต่พริบตาเดียว ปิดประตูบ้านของตนเองอย่างเฉยชา

วีนาที่ถูกเธอขังอยู่นอกประตูจะโมโหจนบ้าอยู่แล้ว “หลินจือ ท่าทีแบบนี้ของแก วันนี้ฉันขอพูดกับแกอย่างชัดเจนเลย ขอแค่วันที่ฉันมีชีวิตอยู่ แกก็อย่าหวังที่จะเข้าประตูบ้านตระกูลฟอเรนาของเรา!”

วีนาพูดตะโกนอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ทำเอาไวท์ที่ให้ความเคารพกับผู้ใหญ่มาโดยตลอดก็โมโหเช่นกัน เขาเดินขึ้นมาจับแขนของวีนาและดึงเธอออก เผื่อว่าเดี๋ยวเธอพูดประโยคอะไรที่ทำร้ายหลินจืออีก

ไวท์ไม่เพียงแต่ดึงวีนาไป ยังยัดเธอเข้าไปในรถอีกด้วย พูดสั่งคนขับรถอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า “รีบขับรถเอาคนออกไป!”

วีนาโมโหในการกระทำของไวท์มาก เธอยื่นหัวออกมาด่าไวท์ผ่านหน้าต่างรถ “ไวท์ นายไร้มารยาทไม่เคารพผู้ใหญ่แบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันจะไปหาพ่อแม่ของนาย!”

ไวท์โมโหจะตายอยู่แล้ว ยังสนอยู่เหรอว่าเธอจะไปหาพ่อแม่ของเขาหรือเปล่า

อีกอย่าง พ่อแม่ของเขาไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น

เขาไม่กลัวว่าวีนาจะไปหา

ไม่ง่ายเลยกว่าจะเอาวีนาออกไปได้ ไวท์สูดหายใจลึก กลับไปเคาะประตูของหลินจืออีกครั้ง เขาจำเป็นต้องปลอบใจหลินจือแทนเทาเท่

แต่น่าเสียดายที่หลินจือไม่ได้เปิดประตูให้เขา แต่ว่าพูดกับเขาโดยที่อยู่ข้างในว่า “คุณหมอไวท์ ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว นายกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลก่อนเถอะ”

ไวท์เองก็รู้ว่าหลินจือต้องสงบสติอารมณ์ก่อน ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้ฝืนอะไร แค่พูดเตือนอย่างอ่อนโยนว่า “ความรักที่เทาเท่มีต่อเธอคาดว่าเธอน่าจะรู้ดี ไม่ว่ายังไงเขาไม่มีทางทิ้งเธอไปและจากเธอไปแน่นอน”

หลินจือเงียบอยู่ข้างในไปสักพัก จากนั้นก็ตอบกลับอย่างลำบากใจว่า “ขอบคุณนะ”

ไวท์ถอนหายใจแล้วกลับขึ้นรถไป แต่ว่าเขาไม่ได้จากไป แต่รออยู่ในรถโดยตลอด ใช้วิธีแบบนี้ปกป้องดูแลหลินจือแทนเทาเท่

ตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ทางเทาเท่จะราบรื่น จากนั้นรีบกลับมา

อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเทาเท่และหลินจือ พวกเขาคนนอกไม่สามารถพูดอะไรมากมายได้ สุดท้ายแล้วพวกเขาสองคนก็ต้องเผชิญหน้าด้วยกัน

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ประตูบ้านของหลินจือถูกเปิดออก หลินจือถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งออกมา

ไวท์ตกใจมาก รีบลงจากรถแล้วพุ่งไปทางประตู “หลินจือ นี่เธอทำอะไร?”

ดวงตาของหลินจือดูแล้วทั้งแดงทั้งบวม บวกรอยแดงบนใบหน้าที่ถูกวีนาตบก่อนหน้านี้ ทั้งคนของเธอดูแล้วอ่อนแอทรุดโทรมมาก

เธอก้มหน้าลงแล้วพูดกับไวท์ด้วยเสียงต่ำว่า “ไวท์ ฉันไม่สามารถอยู่ต่อได้แล้ว”

หลินจือเองก็คิดว่า เธอและเทาเท่ผ่านเรื่องต่างๆ มามากมาย หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้พวกเขาแยกจากกันแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอจำเป็นต้องจากไป

ไวท์รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ต้องรอเทาเท่กลับมา”

หลินจือถอนหายใจแล้วพูดว่า “นายคิดว่าเขากลับมาแล้ว จะให้ฉันไปไหม?”

“เขาไม่ให้เธอไป งั้นเธอก็อยู่ต่อ พวกเธอเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ?” ไวท์พูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด

“ไม่ นายไม่เข้าใจ” หลินจือส่ายหัวแล้วฝืนยิ้ม “ฉันไม่สามารถเผชิญหน้าได้”

“พอฉันนึกถึงว่าฉันไม่สามารถคลอดลูกสาวและลูกชายให้ผู้ชายที่ฉันรักได้ พอนึกถึงว่าเขาจะถูกโลกภายนอกด่าทอต่อว่าและนินทา ฉันก็เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน”

เพราะว่ารักมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถเผชิญกับการที่ผู้ชายที่ตนเองรับต้องแบกรับกับเรื่องพวกนี้

เพราะว่ารักมาก ดังนั้นหวังว่าเขาจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ หวังว่าเขาจะมีลูกสาวลูกชายคอยดูแล ฃหลังจากที่แก่แล้วสามารถลิ้มรสความสุขของครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกัน

หากเขาและเทาเท่ไม่มีลูกเลย เธอนึกออกว่าคำนินทาที่คนภายนอกพูดกันจะไม่น่าฟังเพียงไหน

เธอไม่อยากให้ผู้ชายที่เธอรักถูกพูดเช่นนั้น แบบนั้นมันเจ็บปวดยิ่งกว่าการเอาชีวิตเธอ

ไวท์กระทืบเท้าทันที “ไม่มีเธอเท่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเธอจะกลับมาเดินด้วยกันอีกครั้ง เธอย่ายอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ซิ”

ไวท์บอกว่าไม่ง่ายเลยกว่าเธอและเทาเท่จะกลับมาเดินด้วยกันอีกครั้ง หลินจือถูกประโยคนี้พูดโดนใจ ทันใดนั้นดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา

เธอกลั้นน้ำตาแล้วพูดว่า “บนโลกใบนี้ใครจากใครไปล้วนสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ เขาเองก็เช่นกัน การจากกันตรงหน้ามันเจ็บปวดมากจริงๆ แต่ว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ความเจ็บปวดแบบนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

น้ำเสียงของหลินจือมีความยืนหยัดที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอพูดจบก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับไวท์ “นายช่วยฉันนำจดหมายฉบับนี้ให้เขาหน่อยนะ”

“สิ่งที่อยากพูดฉันได้พูดอยู่ในนี้แล้ว เขาอ่านแล้วจะเข้าใจเอง”

หลินจือพูดจบก็ลากกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปโดยที่ไม่หันกลับมา ไวท์เองก็ห้ามไม่อยู่

พอเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่ที่ตรงไปสนามบิน น้ำตาของหลินจือก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุด

ครั้งนี้ เธอจะออกจากเมืองเจสเวิร์ดแล้วจริงๆ

หากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อ เทาเท่ต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน ทั้งสองก็อยู่บ้านข้างๆ กัน มีโอกาสที่จะเจอหน้ากันมากมาย ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องทรมานเธอต่อ

เธอไม่อยากถูกวีนาต่อต้านอีก ยิ่งไม่อยากทำให้คุณท่านผิดหวัง เธอทำได้แต่จากไป

หลังจากที่หลินจือจากไปก็ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า เทาเท่ตรงมาถึงโรงพยาบาลที่ไวท์ทำงานอยู่

อาการของพินอินอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย จึงถูกส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เทาเท่ก็ถูกส่งไปทำการตรวจทั้งร่างกายเพราะดื่มน้ำชาที่ไกรภพให้มา วีนาและคุณท่านต่างก็มาที่โรงพยาบาล คุณท่านรู้เรื่องที่หลินจือจากไปแล้ว อยากจะใช้ไม้เท้าตีวีนาให้ตายเลย

แต่วีนาเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่ลูกชาย เขาจึงทำได้แต่ทนต่อไป

เทาเท่ทำการตรวจทั้งร่างกายแล้วคุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก สิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งแรกคือหยิบโทรศัพท์มาโทรหาหลินจือ