ตอนที่ 354 นายคิดจะทำอะไร / ตอนที่ 355 หนอนบ่อนไส้ของบริษัท

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 354 นายคิดจะทำอะไร 

 

 

           เอกสารร่วงกระจัดกระจายลงบนพื้นทันที ผู้ช่วยรีบเอื้อมมือเก็บ 

 

 

           แววตาของฉู่อีอีสอดส่องหาราคาประมูลอย่างรวดเร็ว ในที่สุด วินาทีก่อนที่ผู้ช่วยจะหยิบมันขึ้นมา เธอเห็นราคาอย่างชัดเจนแล้ว 

 

 

           “คุณฉู่ ขอโทษนะครับ” 

 

 

           “ขอโทษค่ะ” 

 

 

           ฉู่อีอีมองทั้งสองคนที่ขอโทษต่อกันไม่หยุด รีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไร คราวหน้าเดินระวังหน่อยก็พอแล้ว ผู้ช่วยหยาง คุณไม่เป็นไรนะ?” 

 

 

           ฉู่อีอีหันมองผู้ช่วยที่เก็บเอกสารขึ้นมาครบหมดแล้ว เอ่ยปาก 

 

 

           “ไม่เป็นไรครับ คุณฉู่” ผู้ช่วยกล่าวกับฉู่อีอีอย่างมีมารยาท 

 

 

           เมื่อครู่เขาลืมส่งราคาประมูลซะแล้ว ตอนนี้เขาต้องรีบไปส่ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันเวลา 

 

 

           ลิฟท์มาแล้ว ฉู่อีอีเดินเข้าไป ขณะที่ถึงชั้นสิบสาม ผู้ช่วยก็ออกจากลิฟท์ไป 

 

 

           รอจนกระทั่งประตูลิฟท์ปิดแล้ว ฉู่อีอีจึงถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าใบหน้าของเธอจะสงบมาก แต่ว่าตอนนี้หัวใจเธอเต้นระรัวไม่หยุด 

 

 

           หวังว่าคราวนี้จะไม่ส่งผลต่อบริษัทของเผยหนานเจวี๋ยมากมายนัก 

 

 

หลังจากออกมาจากลิฟท์ ฉู่อีอีขึ้นรถแล้วจากไป 

 

 

           วันรุ่งขึ้นมาถึงอย่างรวดเร็ว ทั้งบริษัทเผยตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างหนัก ทุกคนกำลังรอผลการประมูลราคานั้น 

 

 

           เวลาไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เวลาสำหรับผลการประมูลกำลังใกล้เข้ามาแล้ว 

 

 

           ในออฟฟิศท่านประธาน เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ สองมือกำแน่น เขาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้นานแล้วเช่นกัน 

 

 

           โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น มันเป็นสายของผู้จัดการโครงการการประมูล เผยหนานเจวี๋ยสูดหายใจลึก จากนั้นก็กดรับสาย 

 

 

           “ประธานเผย การประมูลของพวกเรา…ไม่ผ่านการคัดเลือก” เสียงของผู้จัดการโครงการดังมาจากโทรศัพท์มือถือ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ฟังผลแล้ว หัวใจที่ลอยอยู่กลางอากาศจมดิ่งอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าจิตใต้สำนึกของเขารู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ 

 

 

           “สุดท้ายบริษัทที่ได้งานนี้อยู่ที่เมือง A ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย และการเสนอราคาของพวกเราก็ต่ำกว่าของเราแค่ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” ไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบ ผู้จัดการโครงการพูดต่อ ตอนนี้มีเหงื่อซึมที่หน้าผากแล้ว 

 

 

           ‘แค่ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์เหรอ’ เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้ว “บริษัทที่ถูกเลือกชื่ออะไร” 

 

 

           “กรีนแคปิตอล” ผู้จัดการโครงการได้ยินคำถามของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว รีบตอบทันที 

 

 

           ชื่อที่ไม่คุ้นหูยิ่งทำให้คิ้วของเผยหนานเจวี๋ยพันกันยุ่งกว่าเดิม 

 

 

           “ความน่าเชื่อถือทางการตลาดของพวกเขามาจากไหน เขาถึงเอาโครงการใหญ่ขนาดนี้ให้กับบริษัทที่ขาดคุณสมบัติได้ยังไง” หลังจากเผยหนานเจวี๋ยสงบสติอารมณ์ สมองก็เริ่มทำการวิเคราะห์ 

 

 

           “พวกเขามีหนังสืออนุญาตและหนังสือความร่วมมือจากบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา สุดท้ายคนในเมืองก็เลยเชื่อพวกเขา” เสียงของผู้จัดการโครงการยิ่งเบาลงเมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ราวกับว่าเขารู้ได้ถึงความเยือกเย็นของเผยหนานเจวี๋ยที่ทะลุผ่านโทรศัพท์ 

 

 

           “พวกคุณรีบกลับมาประชุมเดี๋ยวนี้” คิดจะแย่งรายได้จากกลุ่มบริษัทเผยงั้นเหรอ พวกเขาต้องรู้จักสถานะของตัวเองสักหน่อยแล้ว 

 

 

           หลังจากวางสาย โทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น เอื้อมมือรับสายโดยไม่ลังเล “ฮัลโหล” 

 

 

           “ประธานเผย ไม่เจอกันนานเลยนะ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย คิ้วของเผยหนานเจวี๋ยขมวดกัน เฉิงเฮ่า? 

 

 

           “ประธานเผย การประมูลล้มเหลวผิดหวังมากเลยใช่หรือเปล่า” เฉิงเฮ่าเอ่ยปาก รอยยิ้มบนใบหน้ามีเสน่ห์ชั่วร้าย 

 

 

           “นายคิดจะทำอะไร” ได้ยินคำพูดของเฉิงเฮ่า น้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยแข็งกระด้างเล็กน้อย 

 

 

 

 

 

      ตอนที่ 355 หนอนบ่อนไส้ของบริษัท 

 

 

           “อย่าใจร้อนสิ ประธานเผย ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าบริษัทคุณมีหนอนบ่อนไส้น่ะ” เฉิงเฮ่าไม่ใส่ใจน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยเลยสักนิด ยังคงพูดอย่างผ่อนคลาย 

 

 

           “หรือว่านายเป็นเจ้าของกรีนแคปิตอล?” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว เดาสถานะของเฉิงเฮ่าออกทันที 

 

 

           “ประธานเผยช่างสมคำร่ำลือจริงๆ เสียโครงการใหญ่แบบนั้นแล้ว แต่ยังไม่เสียสติ” เฉิงเฮ่าพูดด้วยความน่าเสียดายเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำ 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยรู้ดีว่าเฉิงเฮ่าไม่ได้โทรมาเพียงเพื่อพูดคุยกับเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงฟังอย่างเงียบๆ 

 

 

           “ประธานเผย ที่ผมทำทั้งหมดนี้ เพียงเพื่ออยากบอกคุณว่า ผมกลับมาแล้ว” น้ำเสียงของเฉิงเฮ่าเปลี่ยนเป็นขึงขัง ดวงตามีประกายเยือกเย็น หลังจากพูดจบก็วางสายไปแล้ว 

 

 

           เสียงสัญญาณไม่ว่างดังออกมาจากโทรศัพท์ เผยหนานเจวี๋ยจมดิ่งในความคิด เจ้าเฉิงเฮ่านี่อยากทำอะไรกันแน่ 

 

 

           อีกด้านหนึ่งในร้านเช่าชุดแต่งงาน ถังถังเจียดเวลาออกจากงานที่ยุ่ง สายตาค้นหาพาดหัวข่าวของวันนั้นในเว็บไซต์เวยป๋ออย่างต่อเนื่อง 

 

 

           “เจียเสวียนเอ๊ย พักผ่อนสักหน่อยเถอะ สองวันนี้เธอก็เหนื่อยมามากพอแล้ว วันนี้ผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ” ถังถังเลื่อนเวยป๋อไปเรื่อยๆ เลื่อนหาพ่อรูปหล่อของเธอ ไม่มองฉู่เจียเสวียนเลย 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนกำลังใช้ความคิดในผลงานชุดแต่งงาน กว่าจะมีแรงบันดาลใจได้มันไม่ง่ายเลย ถูกถังถังพูดแบบนี้ ความคิดสร้างสรรค์ของเธอหายไปหมดแล้ว            

 

 

           เงยหน้ามองถังถังอย่างไม่พอใจ “คุณหนูใหญ่ถัง เธอกำลังดูอะไรอยู่น่ะ” 

 

 

           ถังถังได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน ตอบอย่างเกียจคร้าน “ก็ดูไปเรื่อยแหละ ตอนนี้มีอะไรน่าดูกันเล่า” 

 

 

           ทันใดนั้นก็เลื่อนไปเห็นใครบางคนในเวยป๋อกินกั้ง ถังถังกลืนน้ำลาย นึกถึงเปลือกที่ลอกออกยากแบบนั้น เธอก็ไม่มีความสนใจแล้ว 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถังแล้ว เงียบไปเล็กน้อย 

 

 

           ราวกับว่าถังถังนึกอะไรบางอย่างได้ เอ่ยปากพูดกับฉู่เจียเสวียน “จริงสิเจียเสวียน เรื่องคราวก่อน คนเบื้องบนไม่มีใครโทษเธอใช่ไหม” 

 

 

           วางโทรศัพท์มือถือลง ถังถังเงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนพร้อมพูด 

 

 

           “ไม่รู้สิ ในเมื่อเรื่องมันก็กระจ่างแล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากพวกเขาเลย เรื่องนี้ก็คงจบลงแบบนี้ล่ะมั้ง” ฉู่เจียเสวียนยักไหล่ไม่ใส่ใจ มองถังถังพร้อมเอ่ย 

 

 

           “เข้าใจแล้ว เอาเถอะ เธอไม่สนใจก็ดีแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกเรา ที่นั่นไม่มีได้ แต่จะไม่มีที่นี่ไม่ได้” ถังถังกล่าว มองดูใบหน้าที่สดใสและละเอียดอ่อนของฉู่เจียเสวียน พูดด้วยความจริงจัง 

 

 

           ได้ยินคำพูดของถังถังแล้ว ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า ชำเลืองมองร่างต้นฉบับในมือ หยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืน 

 

 

           ในเมื่อหาแรงบันดาลใจที่นี่ไม่เจอ ก็ออกไปเดินเล่นสักหน่อยเถอะ ไม่แน่ว่าเดี๋ยวอาจจะมีก็ได้ 

 

 

           “ถังถัง ฉันจะออกไปเดินเล่น หาแรงบันดาลใจ” พูดจบเธอก็เดินออกไปจากร้านเช่าชุดแต่งงานแล้ว 

 

 

           เมื่อออกมาจากร้านเช่าชุดแต่งงานแล้ว ฉู่เจียเสวียนเดินอยู่บนถนนตามลำพังอย่างไร้จุดหมาย มองดูคู่รักบนถนน ดวงตาของเธอมีประกายความโศกเศร้า  

 

 

           นึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายในใจของเธอไม่ได้สงบเหมือนภายนอก เพียงแค่เธอไม่ต้องการให้คนรอบข้างเป็นห่วงเธอ ฉะนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นสบายดีก็เท่านั้น 

 

 

           ขณะที่เหม่อลอยอยู่นั้น ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปที่สวนสาธารณะซื่อจี้โดยที่ไม่รู้ตัวแล้ว 

 

 

           มองดูเด็กน้อยในสวนสาธารณะที่เล่นครึกครื้นไม่หยุด มุมปากฉู่เจียเสวียนยกขึ้น ในดวงตามีรอยยิ้ม ถ้าหากลูกของเธอยังอยู่ล่ะก็ 

 

 

           ‘ในตอนนี้เขาจะแข็งแรงและมีความสุขเหมือนพวกเขาหรือเปล่า’ ยกมือขึ้นลูบคลำท้องโดยไม่รู้ตัว น้ำตาผุดขึ้นในดวงตา 

 

 

           ทันใดนั้นลูกโป่งก็ลอยมาหาเธอ เธอรีบเอื้อมมือคว้ามันไว้ 

 

 

           “พี่สาว พี่คืนลูกโป่งให้หนูได้ไหมคะ” เสียงที่ไร้เดียงสาดังขึ้นข้างกาย ฉู่เจียเสวียนก้มหน้ามอง เห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตนั้นโก่งงอเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว