ตอนที่ 356 ลูกนี่ปากหวานจริงๆ / ตอนที่ 357 ตราบที่ไม่ใช่เธอก็พอแล้ว

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 356 ลูกนี่ปากหวานจริงๆ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ยื่นลูกโป่งในมือให้เธอ “สาวน้อย นี่จ้ะ คืนลูกโป่งให้เธอ” ยื่นมือลูบหัวเด็กหญิง ดวงตาของฉู่เจียเสวียนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

           “ขอบคุณค่ะพี่สาว” หลังจากเด็กหญิงรับลูกโป่งมาและกล่าวขอบคุณกับฉู่เจียเสวียนอย่างอ่อนหวานแล้ว ก็วิ่งไปจากเธอ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองดูแผ่นหลังของเด็กหญิงที่วิ่งจากไป ความรักของคนเป็นแม่ปรากฏอยู่ในดวงตา สูดหายใจลึกและถอนออกมาเบาๆ จากนั้นฉู่เจียเสวียนก็เดินไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง

 

 

           นึกได้ว่าของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างของตัวเองหมดแล้ว หลังจากไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วเธอจึงเรียกรถกลับบ้าน

 

 

           เมื่อกลับถึงบ้าย พบว่าซูซานซานกำลังง่วนอยู่ในครัว

 

 

           “แม่คะ ทำอะไรอร่อยกินอีกเหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนเดินไปหาซูซานซาน ยื่นมือโอบไหล่ของเธอพร้อมเอ่ยถาม

 

 

           “เธอกลับมาแล้วเหรอ” เห็นลูกสาวที่ปรากฏตัวกะทันหัน ซูซานซานเอ่ย น้ำเสียงมีความสุข มือยังคงทำงานไม่หยุด

 

 

           “ใช่ค่ะ อยู่ที่บริษัทไม่มีแรงบันดาลใจออกแบบเลย ก็เลยกลับมา” ฉู่เจียเสวียนพับแขนเสื้อขึ้น ช่วยซูซานซานทำกับข้าวด้วยกัน ตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากเมืองนอก ก็ทำอาหารกับซูซานซานน้อยมาก

 

 

           เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศ ฉู่เจียเสวียนยังทำอาหารกับซูซานซานเป็นครั้งคราว ตอนนี้หลังจากกลับมาแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยุ่งมาก

 

 

           หลังจากทั้งสองคนทำอาหารในห้องครัวเสร็จแล้วและนำอาหารออกมาวางบนโต๊ะแล้ว จึงนั่งลงกินข้าว

 

 

           คีบซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานของโปรดของฉู่เจียเสวียนวางในถ้วยของเธอ จากนั้นเธอจึงเริ่มลงมือกิน

 

 

           “แม่คะ ฝีมือทำกับข้าวของแม่อร่อยขึ้นทุกวันเลย” ฉู่เจียเสวียนกัดซี่โครงเปรี้ยวหวานไปคำหนึ่งพร้อมกับพูด บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส

 

 

           ซูซานซานยิ้ม “ลูกนี่ปากหวานจริงๆ”

 

 

           “หนูพูดความจริงนะโอเคหรือเปล่า ถ้าวันไหนแม่อยากเปิดร้านอาหารล่ะก็ หนูเชื่อว่าธุรกิจต้องบูมแน่ๆ แต่ว่า หนูไม่อยากให้แม่ทำกับข้าวให้คนอื่นกินหรอกนะคะ เพราะว่าแม่ต้องทำกับข้าวให้หนูกินคนเดียวเท่านั้น” ฉู่เจียเสวียนพูดกับซูซานซานไม่หยุดเหมือนกับเด็กน้อย และมีเพียงต่อหน้าเธอเท่านั้นที่ฉู่เจียเสวียนสามารถวางความระมัดระวังทั้งหมดลงได้

 

 

           “ลูกน่ะ ชอบพูดจาเหลวไหลอยู่เรื่อยเลย” ซูซานซานส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ มองดูเธอด้วยรอยยิ้มไม่หยุด

 

 

           “เอาล่ะ แม่คะ นี่ปลาที่แม่ชอบกิน พอกินเสร็จ หนูออกไปเดินเล่นกับแม่ดีไหมคะ เหมือนว่าหนูไม่ได้เดินเล่นกับแม่นานแล้ว” หลังจากฉู่เจียเสวียนกลืนอาหารลงไปแล้วก็พูดขึ้น ดวงตาที่งดงามมองซูซานซานตาไม่กระพริบ

 

 

           “ก็ได้” ซูซานซานตอบทันทีโดยไม่คิด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้อยู่กับลูกสาวของเธออีกแล้ว

 

 

           หลังจากกินข้าว ในเขตวิลล่าเบอร์ลิน

 

 

           ในสวนสาธารณะ ฉู่เจียเสวียนจูงมือของซูซานซาน ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปอย่างช้าๆ บนใบหน้าของทั้งสองคนมีรอยยิ้ม

 

 

           “แม่คะ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแม่คืออะไร” จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น เอ่ยถามพร้อมมองซูซานซาน กวาดตาเห็นเก้าอี้ด้านข้าง ฉู่เจียเสวียนดึงซูซานซานไปนั่งแล้ว

 

 

           ซูซานซานได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้วก็ยิ้ม ยื่นมือกุมมือที่เรียวสวยของฉู่เจียเสวียน

 

 

           “ตอนนี้แม่แค่หวังว่าเธอจะมีความสุข เแม่ไม่คิดเรื่องอื่นอีก” ตอนนี้เธอเพียงแค่หวังว่าเธอจะสามารถมีความสุขได้ เธอไม่กล้าคิดถึงเรื่องอื่นแล้วจริงๆ

 

 

           เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าสักวันหนึ่งจะได้พบกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง อีกทั้งยังได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเธอ นี่คือชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว

 

 

           “แม่คะ หนูไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น หนูหมายถึงความฝัน เรื่องที่แม่อยากทำตอนที่แม่ยังเป็นสาว” เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่พอกับคำตอบของซูซานซาน พูดต่อ

 

 

           สายลมยามค่ำคืนพัดโชยอยู่บนตัวทั้งสองคนแผ่วเบา นำพาความเย็นสดชื่นให้กับทั้งสองในวันของฤดูร้อน

 

 

           ทางนี้ ฉู่เจียเสวียนพูดคุยกับซูซานซานอย่างสบายใจ อีกทางหนึ่ง เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกกับคุณแม่เผย

 

 

           “หนานเจวี๋ย บริษัทของลูกตัดสินใจว่ายังไง” วันนี้เผยหนานเจวี๋ยประชุมกับผู้บริหารระดับสูงทั้งวัน หลังจากได้รับโทรศัพท์ของคุณแม่เผยแล้ว ก็กลับมาที่บ้านของแม่แล้ว

 

 

           “ไม่มีอะไรครับแม่ มีผมอยู่ยังไม่วางใจอีกเหรอ ผมไม่ใช่คนที่ยอมสูญเสียแล้วไม่ยอมปริปากพูดอะไรแน่นอน” เผยหนานเจวี๋ยยกมือขึ้นนวดๆ คิ้ว รู้สึกปวดหัว

 

 

           เดิมทีเหนื่อยมาทั้งวัน เขาควรกลับบ้านพักผ่อน แต่เมื่อนึกได้ว่าที่บ้านมีฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยก็ให้คนขับรถมาส่งเขากลับบ้านของแม่โดยตรงแล้ว

 

 

           คุณแม่เผยได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว สบายใจขึ้นมามาก เธอเข้าใจลูกชายของตัวเองดี เผยหนานเจวี๋ยจะเป็นคนที่ได้รับความสูญเสียแล้วเก็บงำไว้ได้อย่างไรกัน

 

 

           “งั้นก็ดี คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปหรอก นอนที่นี่เถอะ” คุณแม่เผยกล่าว มองใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า แววตามีความเจ็บปวด

 

 

 

 

     ตอนที่ 357 ตราบที่ไม่ใช่เธอก็พอแล้ว

 

 

           อีกด้านหนึ่ง ในวิลล่าบ้านเผย ฉู่อีอีนั่งอยู่บนโซฟารอเผยหนานเจวี๋ยทั้งคืน ผล็อยหลับไปบนโซฟาโดยไม่รู้ตัวแล้ว

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังมาจากข้างนอก ฉู่อีอีจึงตื่นช้าๆ ขยี้ตาที่ยังสะลึมสะลือเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

 

 

           โคมระย้าคริสตัลบนเพดานปรากฏสู่สายตา หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ดึงสติกลับมา จึงพบว่าเธอหลับอยู่บนโซฟาทั้งคืน ไม่น่าล่ะถึงหลับไม่สบายเลย        

 

 

           ลุกขึ้นนั่ง ชำเลืองมองนาฬิกาบนผนัง แปดโมงแล้ว อ้าปากหาวแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

 

 

           เมื่อคืนเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้กลับมาจริงๆ ฉู่อีอีคิดไม่ถึงเลยว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไม่กลับมา ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้าอยู่ที่นี่ เผยหนานเจวี๋ยไม่เคยไม่กลับมานอนบ้าน

 

 

           เข้าห้องนอนไป หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จึงพบว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน [คืนนี้อยู่ที่บ้านแม่ ไม่ต้องรอผมกลับไป]

 

 

           มันคือข้อความที่เผยหนานเจวี๋ยส่งให้เธอเมื่อคืน แต่ว่าตอนนั้นเธอไม่เห็น

 

 

           “ฮู่” ถอนหายใจเบาๆ ขอเพียงแค่ไม่ได้อยู่กับฉู่เจียเสวียนก็ดีแล้ว จิตใจที่เดิมทีไม่มีความสุข หลังจากเห็นข้อความแล้ว ก็ผ่อนคลายลงโดยสิ้นเชิง

 

 

           หลังจากอาบน้ำแล้ว ฉู่อีอีลงมาข้างล่างสั่งให้คุณแม่จางอุ่นน้ำแกง เดี๋ยวเธอจะเอาไปส่งให้เผยหนานเจวี๋ย ช่วงหลังนี้เผยหนานเจวี๋ยกดดันมาก ดังนั้นเธอจะต้องดูแลเขาให้ดีถึงจะถูก

 

 

           ตอนเที่ยง ฉู่อีอีหยิบกระติกเก็บความร้อนที่มีน้ำแกงเต็มอยู่ข้างใน หลังจากขึ้นรถแล้ว ก็ขับไปที่บริษัทของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           ที่กลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังจัดการกับงานบางอย่างด้วยความจริงจัง การประมูลคราวที่แล้วถูกแย่งไป ครั้งนี้เขาจะต้องพลิกสถานการณ์กลับมาอย่างสวยงามถึงจะถูก

 

 

           เสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิดออก ฉู่อีอีเดินออกมาจากลิฟท์ เดินไปยังออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยทันที

 

 

           ยกมือขึ้นเคาะประตู ฉู่อีอีไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบก็เปิดประตูเข้าไปแล้ว

 

 

           “หนานเจวี๋ย คุณกินข้าวแล้วยัง ฉันเอาน้ำแกงมาให้คุณ” เดินเข้าไปหาเผยหนานเจวี๋นพร้อมกับพูด ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

 

           เมื่อเงยหน้าเห็นฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง มองดูฉู่อีอีราวกับไม่เข้าใจว่าเธอมาทำอะไรที่นี่อีกแล้ว

 

 

           “คุณมาได้ยังไง” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก ไม่ได้สังเกตว่าน้ำแกงที่ฉู่อีอีเอามาตอนนี้วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาแล้ว

 

 

           ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย มุ่ยปาก จากนั้นก็เอ่ยปากพูด “ฉันเอาน้ำแกงมาให้คุณนี่นา”

 

 

           “มา พวกเราไปดื่มน้ำแกงกันดีไหม” ฉู่อีอีกล่าว ยื่นมือต้องการจะจับมือของเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยนั่งอย่างมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อน

 

 

           “วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวผมค่อยดื่ม ตอนนี้ยังมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ” เผยหนานเจวี๋ยพูดอย่างเฉยเมย ก้มหน้าตรวจทานเอกสารบนโต๊ะต่อ

 

 

           ตอนนี้เขายุ่งจริงๆ การแพ้ประมูลคราวก่อน บริษัทของเขาสูญเสียไปมากแล้ว ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลากับด้านนี้มากถึงจะถูก

 

 

           “หนานเจวี๋ย น้ำแกงเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ สารอาหารก็จะหายไปด้วย เรื่องงานเดี๋ยวค่อยจัดการไม่ได้เหรอ” ฉู่อีอีมองเผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกผิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทของเผยหนานเจวี๋ยก็คงจะไม่สูญเสียแล้ว

 

 

           แต่ว่าเธอก็ถูกบีบจนปัญญา ถ้าหากเธอไม่ทำแบบนี้ เธอก็จะถูกเฉิงเฮ่าเปิดโปง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยถูกฉู่อีอีกวนจนปวดหัว ในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่โซฟาพักผ่อน

 

 

           ฉู่อีอีดีใจ หยิบกระติกน้ำร้อนบนโต๊ะแล้วรีบพุ่งไปทันที

 

 

           นั่งลงข้างๆ เขา เทน้ำแกงในกระติกน้ำร้อนออกมา ยื่นให้เผยหนานเจวี๋ย

 

 

           เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยดื่มน้ำแกงไปคำใหญ่ ดวงตาของฉู่อีอีเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีก็ตัดสินใจเอ่ยปากถาม