วิซ!
เหมียวหวี่ซวงก็พ่ายแพ้ไปโดยหมัดๆเดียว หลังจากที่หมดสติไปอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นลําแสงก็ห่อหุ้มรอบตัวของเขาและเคลื่อนย้ายร่างของเขาออกไปอย่างกะทันหัน นําไปทําการรักษาอย่างเร่งด่วน
นี่คือหนึ่งในข้อดีของลานประลอง สามารถที่จะเคลื่อนย้ายบุคคลที่อยู่ในสภาวะใกล้ตายได้ทุกเมื่อ รับประกันความปลอดภัยของผู้ประลอง ไม่มีทางที่จะตายไปในลานประลองแห่งนี้ได้
“หืม? นี่คือหนึ่งในยอดฝีมืออันดับต้นๆของเมืองไพลินรี?! เหตุใดจึงพ่ายแพ้ไปภายในหมัดเดียว ช่างเปราะบางเกินไป” กงเฉิงของนิกายทรายเหลืองก็นั่งอยู่ในอัฒจันทร์คนดูอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา ไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตนเอง
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็อดไม่ได้ที่จะเอามือปิดหน้าตนเอง นี่คือความอับอายขายขี้หน้าอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้โอ้อวดคุยโวราวกับว่าตนเองไร้เทียมทาน ทว่าตอนนี้แม้แต่หมัดเดียวก็ต้านทานไว้ไม่ได้ต้องถูกนําตัวออกไปรักษาอย่างเร่งด่วน
พวกเขาก็คิดว่าหมัดๆนี้ไม่เพียงแต่เอาชนะเหมียวหวี่ซวงเท่านั้น ทว่ามันก็เหมือนเป็นการตบใบหน้าของพวกเขาลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเช่นกัน ทําให้ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นดูเปราะบาง แม้แต่หมัดๆเดียวก็ไม่สามารถต้านทานได้
“ไม่ใช่เขาบอกว่าตนเองเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญความสามารถศักดิ์สิทธิ์36กระบวนท่าหรือ? แต่ละกระบวนท่ามีพลังอํานาจที่สะเทือนน้ําสะเทือนบก? ข้ายังไม่ทันได้เห็นอีก35กระบวนท่าของเขาเลย” ยิ่งซีเหิงของนิกายอัสนีบาตก็จ้องมองอย่างตกตะลึง
เดิมทีเขาก็อยากจะเห็นว่าลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่คาดคิดว่าไม่ทันได้เห็นจะถูกเซียปิงเอาชนะได้ภายในหมัดเดียวไม่ได้แสดงฝีมือใดๆออกมา
“นี่ไม่ใช่เป็นการที่เจ้าเหมียวหวี่ซวงไม่ต้องการแสดงออกมา ทว่าเป็นเพราะสหายเซี่ยแข็งแกร่งเกินไป”
เว่ยเหลียงชุนของนิกายเมฆาทะยานก็มีสายตาเป็นประกาย “เจ้าไม่เห็นหรือ เจ้าเหมียวหวี่ซวงนั้นก็แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แรงโน้มถ่วงคณานับนั้น สร้างสนามแรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา ผู้คนปกติทั่วไปที่อยู่ในสนามแรงโน้มถ่วงนั้น ไม่มีทางเลือกใดๆนอกจากต้องถูกกดทับไว้ ตกที่นั่งลําบาก เรียกได้ว่าเขาก็มีคุณสมบัติพอที่จะยโสโอหังเช่นกัน”
“อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เขาต้องมาเจอกับสหายเซี่ยที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าสนามแรงโน้มถ่วงนั่นจะไม่มีผลใดๆ กับเซียปิงเลย อีกทั้งยังประเคนหมัดออกมาและเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้โดยตรง”
ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น ทว่าเป็นเพราะการต่อสู้นี้จบอย่างรวดเร็วเกินไป จึงมีเพียงน้อยคนที่จะสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของเหมียวหวี่ซวงได้ หลายๆคนเพียงแค่เห็นว่าเหมียวหวี่ซวงถูกหมัดๆเดียวอัดเข้าไปจนบาดเจ็บปางตายเท่านั้น
ต่อให้จะมีบางคนที่กล่าวว่าเหมียวหวี่ซวงก็แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมมีผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อเช่นนั้น
ในเวลานี้ ผู้มีพรสวรรค์จํานวนมากที่มาจากภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลก็ตกอยู่ในความโกลาหล
“ไม่คาดคิดว่าลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ แม้แต่หมัดเดียวก็ไม่สามารถต้านทานได้”
“ข้าก็นึกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นจะยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่คิดว่าจะมีพลังอํานาจอยู่ในระดับต่ําเช่นนี้”
“ช่างน่าผิดหวังจริงๆ มีพลังอํานาจเพียงแค่นี้แต่กลับวางมาดใหญ่โตต่อหน้าพวกเราช่างไร้ยางอายจริงๆ”
“ดูเหมือนว่าชื่อเสียงที่ผ่านๆมาของพวกเขาจะเกินจริงไปมาก กลุ่มอัจฉริยะในศูนย์กลางของจักรวาลเหล่านี้ไม่มีอะไรที่พวกเราจะต้องกลัว”
บรรดาผู้มีพรสวรรค์จากภูมิภาคอื่นๆก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม เพราะว่าการต่อสู้นี้ทําให้พวกเขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม คิดว่าทุกๆคนคือมนุษย์เหมือนกัน ต่อให้กลุ่มคนเหล่านี้จะมีต้นกําเนิดมาจากศูนย์กลางของจักรวาล ทว่าก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก
หากให้เวลาพวกเขา พวกเขาจะสามารถไล่ตามทันได้อย่างแน่นอน
“บัดซบ! เรื่องนี้จะต้องกล่าวโทษเจ้าเหมียวหวี่ซวงบัดซบนั้น ช่างเป็นการทําให้ศูนย์กลางของจักรวาลของพวกเราต้องเสียหน้า”
อัจฉริยะจํานวนมากในศูนย์กลางของจักรวาลที่ได้ยินเช่นนี้ แต่ละคนก็โมโหจนเจียนตาย กัดฟันกันอย่างแน่น เดิมทีพวกเขาก็ยโสโอหังต่อหน้ากลุ่มคนเหล่านี้ มองพวกเขาด้วยสายตาที่คนในเมืองใช้มองคนจากชนบทห่างไกล
ทว่าตอนนี้เมื่อเหมียวหวี่ซวงพ่ายแพ้ไป กลับเป็นพวกเขาที่โดนดูถูกเหยียดหยามแทน
ซื้ออันและคนอื่นๆก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวเช่นกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าเหมียวหวี่ซวงที่แข็งแกร่งผู้นั้นจะต้านทานแม้กระทั่งหมัดๆเดียวของเซียปิงไม่ได้ นี่ช่างเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เพราะถึงอย่างไร ต่อให้เหมียวหวี่ซงจะเป็นบุคคลไร้น้ํายา ก็ยังไม่เพียงพอให้พ่าย แพ้ไปในหมัดๆเดียว เจ้าบัดซบนี้โอ้อวดว่าตนเองมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ถึง36กระบวนท่า ทว่าตอนนี้กลับพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบเช่นนี้?!
“ใครจะเป็นคนต่อไป เร็วเข้า อย่าทําให้ข้าต้องเสียเวลา ข้าจะต้องกลับไปนอนหลับพักผ่อนอีก”
เซี่ยปิงที่ยืนอยู่บนลานประลองก็เอ่ยเร่งเร้าผู้ที่อยู่รอบๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มผู้คนก็โมโหขึ้นมา เจ้าบัดซบนี่ช่างบ้าบินเกินไป เห็นการประลองกับพวกเขาเป็นอะไรกัน ไม่คาดคิดว่าจะต้องการกลับไปนอน เจ้าเด็กนี่คิดว่าการประลองนี้เป็นเพียงการยืดเส้นยืดสายก่อนนอนหรือ?!
วิซ
หลังจากที่สิ้นเสียงของเขา ร่างหนึ่งก็กะพริบขึ้นมา ปรากฏขึ้นมาบนลานประลองอย่างรวดเร็ว
นี่คือชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีขาว ร่างกายของเขามีออร่าสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา บนหน้าผากก็เหมือนจะมีอักขระสายฟ้าปรากฏอยู่ ราวกับเป็นเนตรสายฟ้าก็ว่าได้
“เซี่ยปิง ข้าเว่ยหานจะเป็นคู่มือให้กับเจ้าเอง อย่าคิดว่าการฉวยโอกาสลอบโจมตี ในขณะที่ประมาทเหมือนกับเหมียวหวี่ซวงเมื่อครู่นี้จะใช้กับข้าได้ การที่มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีทางที่จะได้โอกาสนั้น”
เว่ยหานชายหนุ่มชุดสีขาวเอ่ยออกมา
เดิมทีเขาก็ต้องการที่จะสังเกตการณ์ก่อน ทว่าเมื่อเห็นเจ้าเด็กนี่ที่เจริญรุ่งเรืองนมาดุจดังพระอาทิตย์กลางท้องฟ้าและเริ่มที่จะทําให้กลุ่มของลูกศิษย์ใหม่ดูถูกดูแคลนพวกเขาอัจฉริยะจากศูนย์กลางของจักรวาลนั้น เขาก็อดทนอดกลั้นไว้ไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหวทันที ขึ้นมาบนลานประลอง กําราบเจ้าเด็กนี่และสั่งสอนให้รู้สํานึก
คําประกาศเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ทําให้ผู้คนจํานวนมากตกใจขึ้นมา “เว่ยหาน? นั่นมันศิษย์นอกที่มีชื่อเสียงเลื่องลือซึ่งเป็นทายาทของตระกูลเว่ย เจ้านี่คืออัจฉริยะที่แท้จริงอย่างน้อยก็มีพลังการต่อสู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของเมืองไพลิน เทียบกับเจ้าบุคคลไร้น้ํายาเหมียวหวี่ซวงผู้นั้น เขาก็แข็งแกร่งกว่ามากไม่คาดคิดว่าเขาก็จะเข้าร่วมการประลองนี้เช่นกัน”
เห็นได้ชัดว่าเว่ยหานผู้นี้มีชื่อเสียงที่โด่งดังทีเดียว แทบจะทุกๆคนที่อยู่บนอัฒจันทร์ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของเว่ยหานมาก่อน
“โอ้ อย่างนั้นรี? ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยแสดงให้ข้าเห็น”
เซียปิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ดึง!
เสียงกริ่งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง บ่งบอกว่าการประลองเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เจ้าหนู ในโลกของวิทยายุทธ ความเร็วเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะ ภายใต้ความเร็วที่แท้จริงของข้า แม้แต่เส้นขนของข้าเจ้าก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ เจ้าหนู เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าเว่ยหาน”
หลังจากที่สิ้นเสียง เว่ยหานก็เคลื่อนไหวออกไปทันที เห็นเพียงแค่ว่าเขาไหลเวียนความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทั่วทั้งร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นสายฟ้าเคลื่อนไหวไปทั่วทุกหนแห่งในลานประลอง
ความเร็วเช่นนี้ช่างรวดเร็วเกินไป รวดเร็วเกินไปจริงๆ รวดเร็วจนถึงจุดที่จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสัมผัสได้
ผู้คนจํานวนมากก็มองเห็นได้เพียงแค่บนอากาศมีเส้นสายฟ้าสีเงินจํานวนมากที่ปรากฏขึ้นมา นี่ราวกับเป็นตาข่ายขนาดใหญ่สีเงินที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าก็ว่าได้ดูงดงามตระการตาอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ประจําตัวของเว่ยหาน-แสงสายฟ้ากะพริบ เมื่อใดที่แสดงแสงสายฟ้ากะพริบนี้ออกมา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถตามความเร็วของเว่ยหานได้ทัน อยู่ในจุดที่ไร้เทียมทาน”
“ถูกต้อง ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่ยากจะรับมือได้ รวดเร็วอย่างสุดขีดต่อให้จะมีพลังอํานาจที่แข็งแกร่งแค่ไหน ทว่าหากโจมตีเว่ยหานไม่ได้ เขาก็จะมีจุดยีนที่ไร้เทียมทาน”
“ใช่ไหม? ตราบใดที่เว่ยหานค้นพบช่องโหว่ นั่นจะเป็นเวลาตายของศัตรู”
“ความเร็วคือตัวแทนของทุกสิ่ง การที่เว่ยหานกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือสิบอันดับแรกของเมืองไพลินได้นั้น นั่นก็เพราะความจริงข้อนี้”
“เจ้าเด็กนั่นจะต้องจบสิ้น ครั้งนี้เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้”
เมื่อมองเห็นเส้นสายฟ้าสีเงินที่อยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดน ศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
หากพวกเขาอยู่ในลานประลองนี้ บางทีอาจจะพ่ายแพ้ให้กับเว่ยหานภายในเสี้ยววินาที ไม่สามารถยืนอยู่แม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ํา นี่คือจุดเด่นและความได้เปรียบของความเร็ว
ตอนต่อไป →