ตอนที่ 433: เดินทางกลับบ้าน (2)
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉิน เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาทักทายเจี้ยนเฉินด้วยความยินดี
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ออกไป เจี้ยนเฉินก็พูดกับสองแม่ลูกว่า ท่านป้า, ซาน นี่เป็นที่ที่ดี พวกท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?
มันดี เจ้าหน้าที่คนนั้นมีความกระตือรือร้นไม่น้อย เรารู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ คนเป็นแม่พูดแหย่เล่น
หลังจากที่นางตอบเจี้ยนเฉินและพูดคุยกันอยู่หลายคำ ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อเต็มของสองแม่ลูกของพวกเขา คนเป็นแม่ชื่อว่าเฉินฟางและเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา พ่อแม่ของนางเสียชีวิตหมดแล้วและเคนดัลก็เป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับนาง ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเริ่มต้นขึ้นมาจากตรงนั้น พวกเขาทั้งสองเริ่มสานสัมพันธ์และแต่งงานกันภายในหมู่บ้าน
ส่วนซาน ชื่อจริงของเขาคือเคนเส้าซาน ซึ่งมันดูหยาบ ๆ เล็กน้อย แต่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านไม่อาจหาชื่อที่ดีกว่านี้ได้ ด้วยคำแนะนำของเคนดัล เคนเส้าซานก็ได้มาเป็นชื่อของเขา
เคนดัลเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน เมื่อตอนอายุ 21 ปีเขาสามารถสร้างอาวุธเซียนเป็นของตัวเองได้ เป็นผลทำให้เขามักจะเข้าไปในป่าเพื่อล่าหมูป่า เขาจึงได้รับความเคารพจากคนในหมู่บ้านอย่างมาก อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตในหมู่บ้านไม่เหมาะกับเขา แม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็ตาม เพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและให้ชีวิตความเป็นอยู่ของบุตรชายดีขึ้น เขาออกจากหมู่บ้านของตัวเองและเดินทางไปทั่วทวีปหลังจากที่ซานเกิด
จากนั้นอีก 20 ปีต่อมา เคนดัลจะกลับบ้านทุกครั้งด้วยเงินมากมาย สถานการณ์ในครอบครัวก็เริ่มดีขึ้นอย่างช้า ๆ และเขายังมีแกนอสูรระดับ 1 หลายอันเอามาให้ซานฝึกฝนอีกด้วย เมื่อชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวของเขาดีขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองชั้นสองในอาณาจักรฉินหวง และเปิดโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
นายท่าน เคนดัลของเรามักจะกลับบ้านเสมออย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อปี แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ส่งจดหมายกลับมาหรือกลับบ้านแม้แต่ครั้งเดียว ท่านโปรดบอกข้าด้วย เคนดัลของข้าอยู่ที่ใด ? เฉินฟางผู้เป็นแม่ถามอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
เจี้ยนเฉินถอนหายใจขณะที่ขจัดอารมณ์อยู่ในหัวใจของเขาและใบหน้า ท่านป้า ไม่กี่ปีที่ผ่านมาลุงเคนดัลได้รับภารกิจที่ได้กำไรอย่างมากและต้องไปยังอาณาจักรที่ห่างไกล เป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นข้าจึงมั่นใจว่าเขาจะกลับบ้านมาในไม่ช้า เจี้ยนเฉินไม่ต้องการให้คนเป็นแม่เกิดความกังวลและหาข้อแก้ตัวอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วทั้งสองก็จะรู้ความจริงด้วยตัวเอง อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ต้องเตรียมพร้อมและเมื่อถึงตอนนั้นก็ถึงเวลาที่เจี้ยนเฉินบอกเขาและพวกเขาก็ได้ไม่เจ็บปวดมาก
เฉินฟางไม่สงสัยคำพูดของเจี้ยนเฉินเลย มีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าของนางขณะที่นางพึมพำ ไม่น่าแปลกที่เขาไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเวลานาน เขาไปยังที่ห่างไกลนั่นเอง
หลังจากนั้นพักหนึ่งเจี้ยนเฉินก็ออกมาจากที่นั่น เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะนำทั้งสองกลับไปเมืองลอร์ที่ตระกูลเจียงหยางของเขาอยู่ ด้วยตัวตนของเขา เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำอะไรพวกเขา
เพื่อประโยชน์ของทั้งสอง เจี้ยนเฉินยังคงรออีกวันเพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาอีกนานในการเดินทางไปคฤหาสน์เจียงหยาง
เช้าวันที่สอง มีข่าวจากที่มั่นทางใต้ได้รายงานมาว่าในที่สุดอาณาจักรอันเดรียสได้ถอนกำลังออกจากอาณาจักรเกอซุนในที่สุด ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ยังส่งจดหมายไปให้ราชาของอาณาจักรเกอซุนพร้อมสัญญาว่าจะชดเชยสินสงครามให้พวกเขา นอกเหนือจากนี้อาณาจักรอันเดรียสยังได้ส่งผู้แทนพระองค์และองค์ชายมายังอาณาจักรเกอซุนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความจริงใจ
ในขณะเดียวกันแม่ทัพหลิวก็ได้รับคำสั่งจากองค์ราชาโดยให้แม่ทัพทุกคนดูว่ากองทัพจากอาณาจักรอื่นออกไปแล้วหรือไม่ จากนั้นก็ควบคุมฐานที่มั่นนั้นให้อยู่ในความสงบ
ตอนนี้สงครามที่ผ่านมาหลายเดือนก็ได้สิ้นสุดลง แต่บทสรุปในท้ายที่สุดก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด อาณาจักรโดยรอบหลายแห่งยังคงเป็นกลางในตอนที่เกิดสงคราม พวกเขาได้ส่งคนมาสืบเสาะว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นข่าวที่น่าตกใจก็ได้ยินเข้ามา อย่างไรก็ตามมีเพียงผู้ที่มีอำนาจหรือผู้นำของอาณาจักรเท่านั้นที่ได้รับข่าวที่น่าตกตะลึงเหล่านี้
อาณาจักรเกอซุนได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหนึ่งในแปดมหาอำนาจอย่างอาณาจักรฉินหวง แม้ว่าระยะห่างของทั้งสองอาณาจักจะอยู่ไกลกันมาก แต่อำนาจของหนึ่งในแปดมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
นอกเหนือจากนี้อาณาจักรเกอซุนยังมีคนหนุ่มที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เขาปรากฏตัวครั้งแรกที่พระราชวังในอาณาจักรปิงหยางและจับราชาเป็นเชลย หลังจากนั้นเขาก็ไปที่อาณาจักรฉิงกานและสังหารผู้เชี่ยวชาญ 2 คนที่นั่นก่อนที่จะทำลายนิกายหยางจิของอาณาจักรนั้น สุดท้ายเขายังสังหารเซียนสวรรค์จากทั้งสามอาณาจักรไปกว่าโหล มันเป็นความสำเร็จนี่น่าทึ่งอย่างมาก
หรือว่าบรรพชนตระกูลเจียงหยางจะกลับมา ? ไม่มีใครนอกจากเขาที่จะแข็งแกร่งขนาดนี้
บรรพชนตระกูลเจียงหยางทะลวงผ่านแล้วหรือ ?
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ได้ยินข่าวนี้ก็นึกถึงเพียงบุคคลคนเดียวกัน
หลังจากที่ข่าวที่ว่าอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันก็เริ่มแพร่กระจายออกไป แม้กระทั่งอาณาจักรที่ห่างไกลออกไปหลายกิโลเมตรที่ได้ยินข่าวต่างก็ส่งทูตหลายคนมาแสดงความยินดีกับอาณาจักรเกอซุน
ห่างออกไป 50,000 กิโลเมตร อาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ได้ทราบข่าวนี้ อาณาจักรอินทรีสวรรค์เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดและมีประชากรเป็น 2 เท่าของอาณาจักรเกอซุน ภายในอาณาจักรอินทรีสวรรค์มีเซียนสวรรค์ 16 คน
ภายในพระราชวังของอาณาจักอินทรีสวรรค์ องค์ราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่พร้อมกับผู้อาวุโสและมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของเขา
ราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ถอนหายใจเบา ๆ ใครจะคาดคิดว่าอาณาจักรเกอซุนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรฉินหวงจนอาณาจักรฉินหวงถึงกับส่งที่ปรึกษาจักรพรรดิหลายคนมาช่วยเหลือพวกเขา ? มันน่าทึ่งจริง ๆ ราชามองลงมายังสองคนที่คุกเข่าด้านหน้าของเขาและพูดว่า ลูกข้า อัครเสนาบดีเช่อ ข้ามาที่นี่เพื่อให้พวกเจ้าทำหน้าที่สำคัญ ข้าต้องการให้พวกเจ้าออกเดินทางไปยังอาณาจักรเกอซุนในวันพรุ่งนี้พร้อมกับมอบของกำนัลให้พวกเขา พร้อมทั้งสืบดูถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวง อัครเสนาบดีเช่อ เจ้าควรรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
ผู้น้อยรับพระบัญชา ชายชราพูด
ดี ! ราชาพึมพำก่อนที่จะพูดอีกครั้ง ดินแดนที่อาณาจักรเกอซุนครอบครองนั้นอุดมสมบูรณ์อย่างมาก หากพวกเขามีเวลาพัฒนา พวกเขาก็จะเป็นอาณาจักรที่ไม่อ่อนแอไปกว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเราในไม่ช้าก็เร็ว ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เช่นไรกับอาณาจักรฉินหวง มันก็คุ้มค่าที่จะผูกมิตรกับพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา ข้าได้ยินมาว่าราชาของอาณาจักรเกอซุนนั้นทรงรักและถนอมองค์หญิงของเขามากและยังมีข่าวลือว่านางเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในอาณาจักรเกอซุน หนำซ้ำตัวนางเองยังมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะอีกด้วย ลูกข้า เจ้าต้องแต่งงานกับนางให้ได้เพื่อให้สองอาณาจักรผูกสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงาน
ลูกจะทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อ !
….
เพราะสงครามครั้งใหญ่จบลงแล้ว บรรดาเซียนสวรรค์ที่ปกป้องฐานที่มั่นก็ถูกเรียกกลับ ในวันที่สองเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ กำลังจะเตรียมตัวออกเดินทาง แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง แม่ทัพหลิวก็เข้ามาและพูดว่า ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิผู้ทรงเกียตติ เราหวังว่ากลุ่มของท่านจะให้เกียรติมาที่พระราชวัง
เจี้ยนเฉินตอบโดยไม่ลังเลว่า ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เซียวเทียน ท่านไปแทนข้า
ขอรับ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เซียวเทียนคำนับ
ใบหน้าของแม่ทัพรู้สึกเศร้าใจ แต่เขาก็เข้าใจความหมาย ภายใต้การปกป้องของอาณาจักรฉินหวง การจะเข้าร่วมหารือต่าง ๆ แค่ที่ปรึกษาจักรพรรดิไปก็ถือว่าไว้หน้าอาณาจักรเกอซุนแล้ว
ท่านผู้พิทักษ์ราชวงศ์ พวกเราจะพบท่านอีกครั้งได้ที่ไหน ? เซียวเทียนถาม
ไปเมืองลอร์ ข้าจะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า เจี้ยนเฉินพูด
เมืองลอร์ ! แม่ทัพหลิวจดจำชื่อเมืองไว้ทันที
หลังจากการพูดคุยเสร็จแล้ว เจี้ยนเฉินก็พาเฉินฟางและซานออกไปจากเมืองอย่างรวดเร็วเพื่อเดินทางไปยังเมืองลอร์
หลังจากที่มาอยู่โลกใหม่ได้หลายปี เจี้ยนเฉินได้จากคฤหาสน์เจียงหยางมาหลายปีแล้ว เพราะว่าสำนักหัวหยุนบีบบังคับ เขาต้องซ่อนตัวและเปลี่ยนชื่อเป็นเจี้ยนเฉินเมื่อออกมาจากอาณาจักรเกอซุนเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่น
เจี้ยนเฉินบินผ่านอากาศพร้อมกับลมที่ปะทะเข้าใบหน้าและมีเสียงเสียดหู
สองแม่ลูกได้รับการปกป้องจากธาตุลมรอบ ๆ ตัวพวกเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถบินออกไปได้อย่างอิสระโดยไม่มีปัญหา
สีหน้าของเจี้ยนเฉินดูแปลก ๆ ขณะที่เขามองไปด้านหน้าและคิดกับตัวเอง
ตระกูลเจียงหยาง พวกท่านยังคงจำคนที่ชื่อเจียงหยางเซียงเทียนได้หรือไม่ ?
สำนักหัวหยุน เจ้าจำเด็กที่ถูกบีบบังคับให้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนได้หรือไม่