ราชันเร้นลับ 425 : เบื้องล่างกุหลาบ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 425 : เบื้องล่างกุหลาบ โดย Ink Stone_Fantasy

ใต้หน้าต่างชั้นสอง เรือนกระจกสีเขียวกำลังส่องสะท้อนแสงแดดอ่อนจากท้องฟ้าด้านบน กุหลาบแดงจึงยิ่งโดดเด่นท่ามกลางบรรยากาศสลัวจากหมอกทึบ

ณ ห้องนอนใหญ่ คล้ายกับดยุคนีแกนหวนระลึกถึงความทรงจำในสมัยเด็ก เมื่อครั้งขณะติดตามบิดาและอาวุโสของตระกูลออกสำรวจดินแดน ฝึกหมาล่าเนื้อ และล่าสัตว์ป่าเป็นกิจกรรมยามว่าง

จนกระทั่งนีแกนถึงจุดสุดยอดในความใคร่ บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบสงบจนผิดวิสัย

ทันใดนั้น สมองของมันเริ่มอื้ออึงมึนงง ความรู้สึก ‘สุขสม’ สุดขีดเข้าครอบงำทีละนิดในลักษณะระเบิดต่อกันเป็นทอดๆ อย่างไม่มีจุดสิ้นสุด เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากขีดจำกัด

สะโพกดยุคนีแกนยังคงขยับซอยไม่พัก ดวงตาเริ่มล่องลอยราวกับสติของมันขาวโพลนไปชั่วขณะ

หัวใจพาลัส·นีแกนกำลังเต้นระรัวอย่างผิดธรรมชาติ ประหนึ่งหม้อต้มน้ำเดือดปะทุจากแรงดันเกินขีดจำกัด พร้อมระเบิดในทุกวินาที

หากมันเป็นเพียงคนธรรมดา หรือผู้วิเศษระดับต่ำซึ่งมีร่างกายอ่อนแอ นีแกนคงประสบอาการหัวใจวายฉับพลัน หรือไม่ก็อาการเส้นเลือดในสมองแตกไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม มันสามารถเอาตัวรอดมาได้อย่างฉิวเฉียด มีเพียงอาการดวงตาเหม่อลอย ฟองน้ำลายผุดจากมุมปาก ก่อนจะล้มเซไปทางร่างภรรยาลับบนเตียง

ทางด้านผู้รับใช้วายุและเลขาส่วนตัวดยุคซึ่งแยกกันเฝ้าห้องติดห้องนอนจากคนละฝั่ง พวกมันต่างสัมผัสถึงความผิดปรกติรอบตัวพาลัส·นีแกนได้ทันที เป็นกลิ่นอายของกระแสพลังวิญญาณอันไม่สอดคล้อง

ฝ่ายแรกห่อหุ้มร่างกายตัวเองด้วยสายลมเกรี้ยวกราด พุ่งทะลุกำแพงห้องนอนหลักจนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่

ฝ่ายเลขาผมทองรีบมุ่งหน้าไปยังห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นต้นตอของความผิดปรกติทันที

ตลอดทาง มันไม่ต้องออกแรงหลบหลีก แต่สิ่งกิ่งขวางทั้งหมดล้วนเป็นใจ ช่วยขยับหลบให้อย่างน่าอัศจรรย์ราวกับมีชีวิตชีวา

ขณะฝ่าเท้าเหยียบลงบนขั้นบันไดไม้ แผ่นไม้ช่วยงอตัวเพื่อส่งให้เลขาขึ้นไปถึงข้างบนได้รวดเร็ว

ภายในระยะเวลาแสนสั้นเพียงสามถึงสี่วินาที บุรุษมาดสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมสีทอง แต่หัวเถิกล้าน ได้ส่งตัวเองขึ้นมาถึงห้องใต้หลังคาและเผชิญหน้ากับใครบางคนบนเก้าอี้สภาพเก่าโทรม

ร่างดังกล่าวคล้ายกับถูกปกคลุมด้วยของเหลวเหนียวข้นสีดำสนิท เพียงจ้องมองก็มอบความรู้สึกคล้ายกับมวลอารมณ์ด้านลบทุกชนิดบนโลกกำลังรวมอยู่ในบุคคลเดียว

หากใครจิตใจไม่เข้มแข็ง อาจสติแตกจนถึงขั้นนำเชือกมาแขวนคอตายในทันที

อีกหนึ่งอารมณ์ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันคือความกระหาย กระหายไม่เว้นแม้แต่กับเผ่าพันธุ์หรือเพศเดียวกัน กระหายจะกิน กระหายจะร่วมเพศอย่างปราศจากสุดสิ้นสุด

นี่คืออำนาจอันน่าสะพรึงของปีศาจ!

สีหน้าแววตาของเลขารูปร่างผอมบางยังคงไม่เปลี่ยน ไม่แม้แต่จะโจมตีเข้าไป เพียงใช้มือปิดประตูไม้ด้านหลังอย่างใจเย็น

ตึง!

ประตูไม้ของห้องใต้หลังคาปิดสนิท

ทันใดนั้น บรรยากาศรอบห้องเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คล้ายกับห้วงมิติภายในถูกผนึกโดยสมบูรณ์ และจะไม่มีใครได้ออกไปจนกว่าจะออกแรงทำลายผนึกดังกล่าว

ในวินาทีนี้ การ ‘ปิดประตูเพื่อผนึกห้อง’ ได้เปลี่ยนใหม่กลายเป็นการ ‘ปิดประตูเพื่อตัดขาดมิติด้านในออกจากโลกภายนอก’

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มเป็นฝ่ายเคลื่อนไหว ร่างกายของมันขยายขนาดพร้อมกับการงอกเงยของปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่จากแผ่นหลัง เปลวเพลิงสีฟ้าจำนวนมากกำลังลุกโชนจากความว่างเปล่ารอบตัว

เพียงพริบตา เปลวเพลิงวูบวาบพลันควบแน่นกลายเป็นลูกบอลไฟเจือกลิ่นกำมะถันเข้มข้น ต่อด้วยการกระหน่ำยิงใส่เลขามาดสง่างามทีละนัดสองนัด

โดยไม่รีรอ เลขารีบเหยียดมือซ้ายซึ่งสวมถุงมือสีขาวออกไปข้างหน้า กำหมัดแน่น และบิดข้อมือในลักษณะครึ่งวงกลม

บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!

ช่างน่าประหลาด ลูกบอลไฟกลับมิได้พุ่งตรงไปข้างหน้าตามวิถีตามธรรมชาติ พวกมันพุ่งกระจายไปคนละทิศทางอย่างบ้าคลั่งสับสน ลักษณะคล้ายกับทฤษฎีของนักพฤกษศาสตร์ซึ่งกล่าวถึงการวิถีเคลื่อนตัวแบบสุ่มของอนุภาคขนาดเล็ก

ลูกบอลไฟกระจัดกระจายอย่างโกลาหล บางส่วนกระแทกผนัง บางส่วนกระแทกเพดาน บางส่วนตกลงด้านหน้าเลขาท่าทางอ่อนแอ และบางส่วนกระเด็นไปทางตัวผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเสียเอง

ห้องใต้หลังคาพลันตกอยู่ในสภาพพินาศย่อยยับ ร่องรอยความเสียหายและคราบไหม้เกรียมปรากฏทุกซอกมุมโดยไม่เว้น ตัวอาคารบ้านพักโยกคลอนแผ่วเบาสองถึงสามหน

อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษซึ่งกำลัง ‘ผนึก’ ห้องใต้หลังคาเอาไว้ หรือพูดให้ถูกคือ ‘กฎ’ ซึ่งบังคับให้เกิดผลในลักษณะดังกล่าว ยังคงไม่ถูกทำลายไป

ผนังรอบห้อง บานประตูไม้เก่าโทรม รวมถึงหลังคาขึ้นสนิม ทั้งหมดปรากฏร่องรอยการ ‘เกือบ’ ถูกทำลายอย่างชัดเจน เพียงแต่สภาพโครงสร้างยังสามารถก่อตัวเป็นรูปทรงเดิมได้อย่างน่าอัศจรรย์

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายมิได้ออกอาการหงุดหงิดเมื่อการโจมตีแรกล้มเหลว รวมถึงไม่ตื่นตระหนกในเรื่อง—ตนไม่สามารถกระตุ้นให้เป้าหมายเกิดความบ้าคลั่งได้

ขณะภาพของเลขาผมทองกำลังสะท้อนบนกระจกตา ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายยังคงแสดงสีหน้าสุขุมเยือกเย็นเช่นเคย ดวงตาสีน้ำตาลของเพียงลุกโชนคล้ายลาวาเดือด

ทันใดนั้น ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายแผดเสียงคำรามเป็นภาษาปีศาจ อัดแน่นด้วยความชั่วร้ายและกัดกร่อนจิตใจรุนแรง :

“ตาย!”

แทบจะในเวลาเดียวกัน ดวงตาใต้แว่นตากรอบทองของเลขาหนุ่มหล่อเริ่มสั่นเทา มันรีบคลายกำปั้นมือซ้ายพร้อมกับเล็งฝ่ามือไปทางผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย

เพียงพริบตา ร่างของเลขาพลันมีร่างของอีกหนึ่งบุคคลซ้อนทับในลักษณะภาพมายา ราวกับเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นบุคคลสองบุคลิก โดยร่างหนึ่งยังคงเป็นเลขารูปร่างผอมเพรียวมาดสง่างามคนเดิม ส่วนอีกร่างคือของเหลวเหนียวข้นสีดำสนิท

ทั้งสองร่างสลับกันปรากฏตัวเป็นระยะ

“ตาย!” เมื่อร่างของเลขากลายเป็นของเหลวสีดำ มันเปล่งถ้อยคำปีศาจกลับไปในลักษณะเดียวกับอีกฝ่าย ตามด้วยการเสียหลักเซถอยหลังกลับมาเล็กน้อย

เมื่อสิ้นเสียง ร่างแยกสีดำพลันเลือนหาย ใบหน้าของเลขาผมทองเริ่มมีคราบสนิมสีแดงปกคลุมบางส่วน ราวกับมันคือมนุษย์โลหะผู้อาศัยในสภาพแวดล้อมเปียกชื้นเป็นเวลานาน

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

เลขาหนุ่มหล่อไอแห้งเสียงดัง ก่อนจะอาเจียนก้อนเลือดข้นสีสนิมออกมาคำใหญ่

เพียงพริบตา คราบสนิมบนใบหน้าเริ่มหลุดลอกออกเป็นแผ่น

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มอาเจียนด้วยอาการเดียวกัน และออกมาเป็นก้อนเลือดข้นสีสนิมเหมือนกันทุกประการ ทว่า ของเหลวสีดำแฝงอารมณ์ด้านลบซึ่งปกคลุมรอบตัวมันเริ่มลดจำนวนลง

คล้ายกับภาษากัดกร่อนของปีศาจได้ถูกบรรเทาลงครึ่งหนึ่งและสะท้อนกลับหาตัวผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเสียเอง!

ณ ห้องนอนใหญ่

ผู้รับใช้วายุรีบพุ่งเข้าไปพยุงดยุคนีแกนพร้อมกับใช้เท้าถีบภรรยาลับกระเด็นไปกระแทกผนังห้อง ภายในใจกำลังระแวงว่าเธออาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

เหตุผลให้ผู้รับใช้วายุไม่ขึ้นไปช่วยเลขา เพราะงานหลักของมันคือการดูแลความปลอดภัยของดยุคนีแกน แถมสถานการณ์ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีผู้โจมตีรายอื่นอีกหรือไม่

มาถึงตรงนี้ พาลัส·นีแกนเริ่มได้สติ ด้วยร่างกายแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป มันรอดจากแรงกระตุ้นอันเข้มข้นได้อย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตาม แขนขายังคงปราศจากเรี่ยวแรง สมองขาวโพลน สติเลือนรางและไม่คมชัด ไม่สามารถเค้นพลังพิเศษออกมาใช้งานได้ คงเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายนาที

นีแกนทำท่าทางเป็นเชิงบอกให้ผู้รับใช้วายุปลดสร้อยหอยสังข์จากลำคอ พร้อมกับเลื่อนขึ้นมาจ่อริมฝีปากของตน

พาลัส·นีแกนสูดลมหายใจยาว ตามด้วยการออกแรงเป่าสังข์สลักลวดลายพิเศษ

ซ่า!

เสียงของคลื่นทะเลดังขึ้น คล้ายกับมีคลื่นล่องหนพุ่งไปยังทิศทางของมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์

“ด้วยความเร็วของเจ้าคุณท่าน อีกไม่นานก็คงมาถึงแล้ว” ผู้รับใช้วายุรีบกล่าวเพื่อให้พาลัส·นีแกนคลายความกังวล ก่อนจะทำการแบกดยุคคนสำคัญของอาณาจักรขึ้นหลังและกระโดดลงไปยังชั้นล่างผ่านทางหน้าต่าง

ณ ด้านล่าง นีแกนกับผู้รับใช้วายุได้พบกับองครักษ์กลุ่มหนึ่ง พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นผู้วิเศษลำดับต่ำ

พาลัส·นีแกนหายใจหอบ

“ต้องจับมันให้ได้…ต้องจับเป็น! หรืออย่างน้อยก็เหลือร่างวิญญาณไว้…ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร!”

นีแกนเคยถูกลอบสังหารด้วยฝีมือพลเรือโทโจรสลัดคีลิงเกอร์มาแล้วหนหนึ่ง และจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าคนร้ายปริศนาในคราวนี้เป็นถึงผู้วิเศษลำดับ 5

นีแกนค่อนข้างมั่นใจว่าตนไม่เคยสร้างความบาดหมางรุนแรงกับใคร มันจึงเกิดความคับแค้นใจและเต็มไปด้วยคำถาม

มันต้องการทราบให้ได้ว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคำสั่งจ้างวานฆ่า จากนั้นก็จะใช้พลังอำนาจของดยุคแห่งอาณาจักร สร้างความพินาศย่อยยับให้อีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี!

แต่การจะทำเช่นนั้นได้ นีแกนต้องจับตัวนักลอบสังหารให้ได้เสียก่อน

ราวเจ็ดแปดวินาทีถัดมา องครักษ์ชั้นล่างทั้งหมดรีบกรูมารวมตัวกัน ณ ลานหญ้าเขียวขจีหน้าทางเข้าบ้านพัก โดยมีผู้รับใช้วายุคอยยืนปกป้องข้างกายนีแกนอย่างใกล้ชิด

“ทุกคนระวังตัวให้ดี ศัตรูอาจโจมตีเข้ามาได้ทุกเมื่อให้ดี” ผู้รับใช้วายุออกคำสั่ง

ภายใต้สถานการณ์ปรกติ งานหลักของมันคือการปกป้องและรีบพาตัวดยุคหนีไปให้ไกลจากนักลอบสังหาร เป้าหมายการหลบหนีคือมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันยังไม่มั่นใจว่าด้านนอกปลอดภัยจากการดักซุ่มโจมตี แถมยังจะคลาดกับความช่วยเหลือจากผู้ขับขานแห่งเทพ เอส·สเน็ก อีกด้วย หากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปกว่าเดิม

หนึ่งวินาที.

สองวินาที.

สามวินาที.

กระแสเวลาไหลผ่านอย่างเงียบงัน ชั้นบนของบ้านเกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับเข้าใกล้จุดตัดสินเต็มที

“ทำไมท่านอาร์ชบิชอปถึงยังไม่มาสักที…” ดยุคนีแกนซักถามด้วยลมหายใจกระเส่า สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่ากำลังกังวล

ด้วยความเร็วของเอส·สเน็ก ระยะจากมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์มาถึงบ้านพักหลังนี้จะใช้เวลาเพียงหนึ่งอึดใจเท่านั้น แต่บนท้องฟ้ากลับยังไม่มีการกระเพื่อมของหมอกหนาทึบในทิศทางจากมหาวิหาร

ยิ่งเวลาผ่านไป จิตใจมันยิ่งกระสับกระส่าย

ผู้รับใช้วายุกล่าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

“หรือว่า… หรือว่าท่านอาร์ชบิชอปจะ…”

มันไม่กล้าพูดออกไปว่า อาร์ชบิชอปอาจไม่ได้อยู่ในมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ ณ ตอนนี้

ขณะเดียวกัน ภรรยาลับสาวสวยได้โผล่ศีรษะออกจากหน้าต่างห้องนอนใหญ่บนชั้นสอง แววตาของเธอกำลังล่องลอย มุมปากเผยรอยยิ้มแสนสดใส

ถัดจากนั้น เธอทำการปืนกรอบหน้าต่างและกระโดดลงมาด้านล่างโดยจงใจใช้ศีรษะกระแทกพื้นคอนกรีต

โผละ!

เมื่อสิ้นเสียงน่าหวาดเสียว กะโหลกศีรษะของหญิงสาวแยกออกจากกันจนเกิดแผลเหวอะหวะ ของเหลวน่าสะอิดสะเอียนและเลือดสดเริ่มไหลซึมออกจากส่วนดังกล่าว

หญิงสาวกลิ้งไปบนพื้นราวสองสามตลบ ก่อนจะพยุงตัวยืนในลักษณะโงนเงน

ดวงตาของเธอยังคงปราศจากประกายความแวววาว รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งอันน่าขนลุก

ฉากดังกล่าวส่งผลให้เหล่าองครักษ์ลำดับต่ำของดยุคนีแกนเริ่มหวาดผวา

แม้แต่ตัวนีแกนเอง ในสภาพมิอาจใช้พลังพิเศษได้เช่นนี้ การยังไม่มาถึงของอาร์ชบิชอปสเน็กยิ่งทำให้จิตใจเกิดความหวาดหวั่น

“ท่าไม่ดีแล้ว… รีบหนีกันก่อน!” พาลัส·นีแกนเปล่งเสียงแหบพร่าเจือความหวาดกลัว

ขณะเดียวกัน ผู้รับใช้วายุกำลังภูมิใจในเรื่อง—ตัวมันเด็ดขาดพอจะถีบภรรยาลับให้กระเด็นไปติดผนัง ไม่อย่างนั้น ดยุคนีแกนคงถูกลอบสังหารไปนานแล้ว

ระหว่างกำลังเกิดความคิดข้างต้น คำสั่งเจือความหวาดผวาของพาลัส·นีแกน ได้ทำให้หัวใจผู้รับใช้วายุพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

ภายในห้องใต้หลังคา ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดและใกล้ถึงจุดตัดสินระหว่างผู้ปลดปล่อยแรงกระหายและเลขาผมทอง ฝ่ายแรกเริ่มกลายสภาพเป็นของเหลวสีดำจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทุกซอกมุมห้อง จากนั้นก็กระเด้งตัวไปมาระหว่างผนัง พื้น และเพดานด้วยความเร็วสูง ถือเป็นวิธีหลบหลีกการโจมตีของเลขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จนกระทั่ง ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มรวบรวมของเหลวกลับมาไว้ในจุดเดียว พร้อมกับก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ในบริเวณมุมอับสายตาของเลขาหนุ่มหล่อ

มันจ้องมองเลขาด้วยสายตาเย็นชาพลางยกมือขวาขึ้นอย่างไม่รีบร้อน มุมปากเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

“อย่า!” เมื่อหันกลับมาเห็น ดวงตาของเลขาพลันแดงก่ำ

โดยไม่รอช้า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันกำหมัดขวาแน่น ด้วยสีหน้าของผู้มีชัย

ในเวลาเดียวกัน ณ ทางเข้าบ้านพักหรูหรา

อาการหวาดผวาของดยุคนีแกนพลันปะทุอย่างกะทันหัน พลังพิเศษปริศนาเริ่มเล่นงานแกนสมองและเส้นเลือด ส่งผลให้ดวงตาของพาลัส·นีแกนเริ่มแสดงอาการเหม่อลอย

พร้อมกันนั้น มันได้ยินเสียงของบางสิ่งแตกละเอียด ตามด้วยความรู้สึก ‘อุ่น’ บริเวณท้ายทอย

ขณะเดียวกัน องครักษ์ผู้วิเศษลำดับต่ำเริ่มออกอาการสติแตก แต่ละคนชักลูกโม่ดัดแปลงออกมายิงส่งเดชอย่างไร้ทิศทางจนกระทั่งหมดกระสุน

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ผู้รับใช้วายุซึ่งได้สติก่อนใคร รีบกระโจนคว้าตัวพาลัส·นีแกนและกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ พร้อมกับเสกกระแสลมเฉือนลักษณะคล้ายคมมีดล่องหน กรีดคอหอยบรรดาองค์รักเสียสติทั้งหมดอย่างเลือดเย็น

ฉูด ฉูด

องครักษ์ลำดับต่ำรีบยกสองมือกุมลำคอ ก่อนจะล้มลงทีละคนสองคนและเกิดเป็นบ่อเลือดสดสีแดงเข้ม

ในวินาทีนี้ ร่างของดยุคนีแกนเกิดการสั่นกระตุกรุนแรงสองสามหน จึงค่อยนอนแผ่แน่นิ่งในสภาพปราศจากลมหายใจ

มันถูกขโมยชีวิตไปด้วยฝีมือของความหวาดกลัวจากตัวมันเอง

หากไม่ใช่เพราะเป็นผู้วิเศษลำดับ 6 ศพของพาลัส·นีแกนคงฉีกขาดกระจัดกระจายในลักษณะสยดสยองมากกว่านี้

แน่นอน ถ้าไม่เพราะร่างกายกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอสุดขีด และถ้าไม่เพราะอารมณ์ของนีแกนกำลังสับสนว้าวุ่น ลำพังการกระตุ้นแรงกระหายย่อมไม่มีทางพรากชีวิตมันไปได้

แต่ไม่มีคำว่า ‘ถ้า’ ในโลกผู้วิเศษ

พาลัส·นีแกน หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ขุนนางใหญ่ผู้ครองดินแดนมากเป็นอันดับหนึ่งรองจากกษัตริย์แห่งโลเอ็น พี่ชายของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอาณาจักร ผู้วิเศษลำดับ 6 และบุคคลสำคัญอย่างแท้จริงของอาณาจักรโลเอ็น

…ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

กุหลาบแดงในเรือนกระจกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ กำลังบานสะพรั่งและสะท้อนรับกับแสงแดดอย่างงดงาม

ณ ห้องใต้หลังคา หลังจากเลขาผมทองสัมผัสถึงความผิดปรกติจากด้านล่าง มันมิอาจสะกดให้อารมณ์เยือกเย็นได้อีกต่อไป

เมื่อพบช่องว่าง ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายทำการส่งแรงกระตุ้นจนสมองของเลขาพลันขาวโพลนไปชั่วขณะ ร่างกายอันผอมเพรียวขยับเปิดประตูห้องและวิ่งลงไปข้างล่างตามสัญชาตญาณ ส่งผลให้ ‘ผนึก’ ล่องหนรอบห้องถูกคลายออกในทันที

ผ่านไปราวสองสามวินาที เลขาผมทองได้สติกลับมาพร้อมกับรีบวิ่งกลับมายังห้องใต้หลังคา แต่บุรุษเจ้าของร่างกายสีดำลักษณะคล้ายของเหลวเหนียวข้น ได้อันตรธานหายไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางหนังใบใหญ่เรียบร้อยแล้ว

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายรีบส่งตัวเองออกจากบ้านพักหรู ตรงไปตามเส้นทางหลบหนีซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า

แต่ระหว่างทาง ภาพการมองเห็นของมันพลันเต็มไปด้วยทะเลเลือดกว้างใหญ่กะทันหัน

……………………