ราชันเร้นลับ 426 : 1-42 โดย Ink Stone_Fantasy
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย บุคคลซึ่งเคยสวมหนังมนุษย์ของเจสัน·แพทริค·บีเลียล พลันชะงักฝีเท้าพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบตัวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
มันเริ่มตระหนักว่ามีบางสิ่งกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตน
ปัจจุบัน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายกำลังยืนในมุมลานหญ้าของบ้านหลังหนึ่ง พืชพรรณเหี่ยวเฉาจากสภาพอากาศแห้งผากของฤดูหนาว ด้านล่างจึงเหลือเพียงดินสีน้ำตาลเข้ม
มองไปยังถนนฝั่งขวา ผู้คนสัญจรผ่านไปมาไม่มากนักเนื่องจากเป็นช่วงบ่ายของวันทำงาน อาจมีหลงผ่านไปมาในละแวกใกล้เคียงบ้างสักสองสามคน แต่ก็ไม่มีใครเผยให้เห็นความผิดปรกติ
ทันใดนั้น มุมสายตาของมันพลันเหลือบเห็นประกายแสงสีเงิน เมื่อหันไปมองก็ได้พบกับใครบางคนในชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีเงินกำลังเดินเข้ามาใกล้
เกราะสีเงินเปื้อนคราบเลือดแห้งกรังจากไหล่ซ้ายลงมาถึงช่องท้อง มอบความรู้สึกงดงามและน่าหวาดกลัว มองผิวเผินจะคล้ายกับมีน้ำหนักมาก เพราะทุกย่างก้าวหนักแน่นจนทำให้พื้นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นเกราะเงินเปื้อนเลือดเต็มสองตา ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันรู้สึกคล้ายกับตนหายใจไม่ออกกะทันหัน ประหนึ่งกำลังเผชิญหน้าของแสลงซึ่งมันหวาดกลัวเป็นอันดับหนึ่งในชีวิต
ทำไมถึงมาเร็วแบบนี้…?
พวกมันอ่านกลอุบายของเราออก?
อย่างไรก็ตาม ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายยังคงสุขุมและเลือดเย็น สมาธิจดจ้องไปยังอารมณ์และแรงกระหายของบุคคลในชุดเกราะสีเงินตรงหน้า
แต่เหนือความคาดหมาย เกราะสีเงินกลับมีอำนาจปิดกั้นอารมณ์ของผู้สวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไม่สามารถใช้พลังกระตุ้นทะลวงเข้าไป
คล้ายกับมันกำลังเพ่งมองก้อนหิน คล้ายกับในเกราะสีเงินเปื้อนเลือดไม่มีใครสวมอยู่!
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไม่มีทางเลือก รีบยกแขนขวาขึ้นพร้อมกับสยายปีกค้างคาวออกจากแผ่นหลัง กลุ่มก้อนลูกบอลไฟสีฟ้าจำนวนหลายสิบ กำลังก่อตัวเตรียมถล่มใส่สัตว์ประหลาดชุดเกราะสีเงิน
แต่ทันใดนั้น มือขวาของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันส่องแสงกะทันหัน นิ้วหัวแม่มือของมันถูกตัดขาดและร่วงหล่นลงบนพื้นดิน บาดแผลเรียบเนียนคมกริบจนน่าอัศจรรย์
ท่ามกลางเสียง ‘ฉึบ!’ พร้อมกับการกะพริบวิบวับของริ้วแสงสีเงิน นิ้วอีกเก้าของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันถูกตัดขาดจากฝ่ามืออย่างประณีต กระเป๋าเดินทางหนังใบใหญ่มีอันต้องหล่นกระแทกพื้นดัง ‘ตุบ’
ตาดำของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหดลีบจนเหลือเท่าหัวเข็มหมุด มันรีบกระพือปีกค้างคาวพร้อมกับบินหนีไปยังทิศทางตรงข้าม
ขณะเดียวกัน เงาดำใต้ฝ่าเท้าปีศาจเริ่มหดตัวจนกลายเป็นจุดกลมเล็กโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
แต่หลังจากบินไปได้ไม่กี่อึดใจ ประกายแสงสีเงินได้ระเบิดจากภายในร่างผู้ปลดปล่อยแรงกระหายอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับมีเทศกาลพลุไฟสุดอลังการอยู่ด้านใน
ของเหลวเหนียวข้นสีดำซึ่งเคยปกคลุมลำตัวตลอดเวลา ยามนี้เริ่มสาดกระเซ็นเป็นฝอยคล้ายหยดฝน ปลายแขน ต้นแขน หัวไหล่ ซี่โครง และอวัยส่วนอื่นของร่างกายกำลังถูกกรีดเฉือนอย่างประณีตในลักษณะปากแผลเรียบเนียน
ฉูด! ฉูด! ฉูด!
ลำไส้เล็กสีซีด เปื้อนคราบเลือดสด หล่นลงมากองบนพื้นอย่างน่าสยดสยอง ตามด้วยถุงกระเพาะอาหารและหัวใจซึ่งกำลังเต้นยุบพอง
พื้นดินใต้จุดถูกโจมตีกำลังเจิ่งนองไปด้วยบ่อเลือดสีแดงข้น ยิ่งมันพยายามหนี เลือดก็ยิ่งหยดเป็นทางยาว ตกกระทบพื้นดินและจนมีลักษณะคล้ายกุหลาบแห่งความตาย
ผู้วิเศษลำดับ 5 สุดทรงพลัง ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย ผู้เพิ่งสำเร็จภารกิจลอบสังหารอันแทบจะเป็นไปไม่ได้ บัดนี้ถูกหั่นแยกชิ้นส่วนอย่างน่าสยดสยองโดยหมดสิทธิ์ขัดขืน
นี่คือความทรงพลังของสมบัติปิดผนึกระดับ 1 แห่งโบสถ์รัตติกาล สมบัติต้องสาปซึ่งเคยพรากชีวิตผู้คนมาแล้วนับแสนราย
1-42
เลียวนาร์ด·มิเชล ผู้กำลังสวมเกราะเงินเปื้อนเลือด ขยับตัวไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมกับเพ่งมองชิ้นส่วนกระจัดกระจายของศพ
ทันใดนั้น มันรีบจะแผดเสียงอย่างตื่นตัว
“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายยังไม่ตาย!”
เลียวนาร์ดเว้นวรรคและรีบเสริม
“ปีศาจต่างชนิดจะมีพลังและความพิเศษแตกต่างออกไป ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายในคราวนี้คือ ‘ปีศาจเงา’ มันเพิ่งสละร่างเนื้อจนเหลือแค่เงาก่อนจะหลบหนี!”
หลังจากออกคำสั่งให้เหยี่ยวราตรีและจิตแห่งจักรกลช่วยกันประชาชนออกจากจุดเกิดเหตุ ‘ผู้ปลอบวิญญาณ’ โซสต์ หันกลับมาสำรวจรอบตัวพลางฟังคำแนะนำของเลียวนาร์ดอย่างตั้งใจ
โซสต์หยิบนาฬิกาพกออกมาเปิดฝาตรวจสอบ ตามด้วยการกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เหลือแค่สิบนาที ทันเวลาไหม? ห้ามฝืนตัวเองเด็ดขาด!”
“ไม่มีปัญหาครับ! 1-42 กำลังล็อกเป้าไปยังคนร้าย ผมสัมผัสความตื่นเต้นของมันได้!”
เลียวนาร์ดกล่าวโดยปราศจากความลังเล
โซสต์ขยับรีบถุงมือแดงเพื่อออกคำสั่งกับเหยี่ยวราตรีคนอื่น
“เตรียมน้ำร้อนติดตัวพวกคุณไปด้วย! คอยตามหลังเลียวนาร์ดอย่างใกล้ชิด หากเห็นท่าไม่ดีให้รีบสลับตัวกับเขาและขุด ‘อ่าง’ ในจุดดังกล่าวทันที! แล้วก็อย่าลืมทิ้งร่องรอย สมาชิกคนอื่นจะได้ตามไปถูกทาง”
กึก! กึก! กึก!
ชุดเกราะสีเงินเปื้อนเลือดเริ่มออกวิ่งอีกครั้งเพื่อไล่ตามจับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย แม้จะดูเหมือนว่ามีน้ำหนักมาก แต่ความเร็วกลับสูงมากจนน่าทึ่ง
โซสต์ยืนจ้องมองแผ่นหลังของถุงมือแดงสองสามคนกำลังวิ่งตามเลียวนาร์ด จากนั้น มันหันกลับมามองไอคานส์
“อาวุโสเบอร์นาร์ด รบกวนคุณช่วยพาจิตแห่งจักรกลไปยังบ้านหลังเกิดเหตุด้วย คอยจับตามองกลุ่มผู้รอดชีวิตเอาไว้ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวดยุคนีแกน”
“จับตามอง?” ไอคานส์ย้อนถาม
โซสต์พยักหน้าและกล่าวเสียงขรึม
“ลองนึกดูให้ดี ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายสามารถระบุเวลาเดินทางของดยุคนีแกนอย่างแม่นยำเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่ผิดแน่ มันต้องทราบกำหนดการเดินทางล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางหลอกล่อผู้ขับขานแห่งเทพออกจากมหาวิหารได้ในจังหวะเหมาะเจาะ”
ไอคานส์เริ่มกระจ่าง
“คุณกำลังหมายความว่า หนึ่งในคนใกล้ชิดของดยุคนีแกนคือผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย?”
เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น คนร้ายย่อมไม่มีทางทราบกิจวัตรประจำวัน ซึ่งถือเป็นความลับสุดยอดของดยุคแกนได้แน่!
และถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ‘ปฏิบัติการ’ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น!
“ผมบอกได้เพียงว่า นั่นคือความเป็นไปได้สูงสุดในปัจจุบัน แต่พวกเรายังไม่ตัดประเด็นการครอบครองพลังหรือสมบัติวิเศษเกี่ยวกับเส้นทางพยากรณ์ออกไป” โซสต์ไม่อธิบายยืดยาว เพียงออกคำสั่งให้เหยี่ยวราตรีกลุ่มสองตามไปสมทบถุงมือแดงชุดก่อนหน้า เผื่อว่าอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ด้วยใบหน้าสุขุม ไอคานส์นำทีมจิตแห่งจักรกลตรงไปยังบ้านของภรรยาลับทันที
ระหว่างทาง มันแหงนมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าตึงเครียด ไอคานส์มั่นใจมากว่า เหตุการณ์ในวันนี้จะทำให้สถานการณ์ทั่วกรุงเบ็คลันด์ ทั่วอาณาจักรโลเอ็น หรือแม้กระทั่งทั่วโลก เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงชนิดไม่มีวันหวนกลับ
…
ท่ามกลางทางระบายน้ำอันมืดมิด เงาดำกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงไปยังทิศทางหนึ่ง ในลักษณะชิดขอบล่างของผนังหิน
เมื่อประเมินว่าศัตรูสวมเกราะหนักรุ่มร่าม มันจึงชิงความได้เปรียบด้วยการหลบหนีเข้าไปในซอกหลืบคับแคบ เพื่อให้ยากต่อการไล่ตาม จนกระทั่งอีกฝ่ายยอมถอดใจไปเอง
ทุกครั้งเมื่อเงาดำเคลื่อนไหวเป็นระยะทางจำนวนหนึ่ง มันจะหยุดนิ่งสักพัก
จากนั้น เงาดำทำการยืดตัวขึ้นจากพื้นหินคล้ายกับพยายามสร้างร่างเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ อาจเป็นเพราะขาดแคลนวัสดุ ผลลัพธ์จึงออกมาล้มเหลว
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มหายใจหอบ สมองกำลังตระหนักว่า หากตนอยู่ในสภาพนี้ต่อไป อีกไม่นานคงได้คลุ้มคลั่งแน่นอน
หลังจากหยุดพักหายใจ มันรีบเผ่นหนีต่อด้วยความเร็วสูงสุด ไม่กล้าเสี่ยงเสียเวลาขจัดปัญหาหนึ่ง และต้องไปเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่กว่าเดิมแทน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายกำลังกังวลว่าสัตว์ประหลาดเกราะเงินเปื้อนเลือดตนนั้นอาจไล่ตามมาทัน
…
ณ ห้องพักภายในสโมสรครักซ์ ไคลน์หยิบหนังสือพิมพ์ปึกใหญ่พร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำ
มันกำลังกังวลว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะหลบหนีสำเร็จ และจะทำให้อนาคตของตน ไอเซนการ์ด คาสลาน่า และนักสืบไร้เดียงสาคนอื่นต้องตกอยู่ในอันตราย ดังนั้น ชายหนุ่มจึงส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก เพื่อทำนายถามถึงสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย จะได้วางแผนรับมือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
หลังจากทำตามขั้นตอนเดิม—สร้างร่างปลอมด้วยกระดาษคน ไคลน์นำพาตัวเองมานั่งลงบนเก้าอี้ของเดะฟูล เสกผ้าเช็ดหน้ามายาของเจสัน·บีเลียล และทำนายถึงตำแหน่งปัจจุบันของอีกฝ่าย
ท่ามกลางโลกสีเทาพร่ามัว ไคลน์มองเห็นทางระบายน้ำอันมืดมิด เห็นเงามีชีวิตพยายามสร้างร่างเนื้อของตัวเองขึ้นมาใหม่ แต่ก็ล้มเหลวอยู่ร่ำไป รวมถึงเห็นละอองสีดำขนาดเล็กเริ่มหลุดร่วงจากร่างกายมันทีละนิด
ฉากในนิมิตลอยสูงขึ้นจนกระทั่งพ้นผิวดิน เผยให้เห็นมหาวิหารหลังใหญ่แห่งหนึ่ง
มหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์…
ไคลน์ลืมตาขึ้นพร้อมกับเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายทันที
คนร้ายยังไม่ถูกจับตัว แต่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส…อาการปัจจุบันเข้าขั้นเลวร้ายและเต็มไปด้วยความไม่ปรกติ!
กระเป๋าเดินทางไม่อยู่…คงทำหล่นระหว่างทางขณะหนี และนั่นคงเป็นต้นตอของอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน…
ไคลน์นั่งประเมินสถานการณ์สักพัก สมองกำลังจินตนาการแผนผังของกรุงเบ็คลันด์จากความทรงจำ
เพียงไม่นาน มันเริ่มจินตนาการเส้นทางระบายน้ำภายในกรุงเบ็คลันด์ออก
ในฐานะผู้มีเหตุให้ต้องใช้งานทางระบายน้ำบ่อยครั้ง ชายหนุ่มจึงคอยรวบรวมข้อมูลไว้อย่างเสมอ โดยส่วนมากมักเป็นเส้นทางในเขตตะวันออก เขตสะพานเบ็คลันด์ และย่านใกล้กับเขตเชอร์วู้ดทั้งหมด หลังจากพยายามศึกษาด้วยตัวเองอย่างละเอียดอยู่หลายสัปดาห์ ไคลน์ได้ทราบโครงสร้างอย่างคร่าวของทางระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการเข้าถึงรายละเอียดของเส้นทางทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าต้องใช้เวลาและความอดทนเป็นอย่างมาก แต่ไคลน์เคยคิดวิธีลัดเผื่อไว้แล้ว นั้นคือการลอบเข้าไปในสำนักงานเทศบาลเมืองเบ็คลันด์และแอบดูแผนผังทางระบายน้ำตัวเต็ม
ฉากในนิมิตเมื่อครู่ ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เจสัน·บีเลียล มิได้กำลังหนีไปทางแม่น้ำทัสซอค ตรงกันข้าม มันกำลังหนีไปยังเขตฮิลสตัน อาจมีเป้าหมายเป็นทะเลสาบเทียมในเขตราชินี
หรือในอีกความหมายหนึ่ง มันกำลังเข้ามาใกล้เราทุกขณะ… สมองไคลน์กำลังประมวลผลอย่างหนัก จนเริ่มผุดแนวคิดใหม่
เราอาจไม่ทราบว่ามันเลือกหนีด้วยทางระบายน้ำเส้นใด แต่ก็สามารถระบุตำแหน่งภายหลังด้วยเทคนิคทำนายแท่งวิญญาณได้… อีกฝ่ายบาดเจ็บหนัก แถมยังอยู่ในสภาพไม่ปรกติ คงเหลือฤทธิ์แทรกแซงพลังทำนายไม่มากแล้ว หากอยู่ใกล้กัน เรามั่นใจว่าสามารถพบตัวมันได้ไม่ยาก เพราะเหนือสิ่งอื่นใด เราเคยเผชิญหน้ากับมันโดยตรงมาแล้ว รวมถึงยังจำกลิ่นออร่าได้แม่นยำ… และถ้าเป็นการตามหาคน ไม่มีใครชำนาญไปกว่านักทำนายอย่างเราอีกแล้ว… ปล่อยไว้ไม่ได้! เราต้องทำอะไรสักอย่าง! เรายังมีโอกาส!
เมื่อยืนยันระดับอันตรายของภารกิจเสร็จ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงพร้อมกับตัดสินใจหนักแน่น
ชายหนุ่มนำเทียนไขออกมาวาง รีบตั้งแท่นบูชาขึ้นอย่างง่าย ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง และเข้าสู่ห้วงมิติเพื่อตอบสนองตัวเองเสร็จสรรพ
ถัดมาไม่นาน วิญญาณตนหนึ่งได้ปรากฏกายในห้องน้ำของห้องพักสโมสรครักซ์ สวมมงกุฎและชุดเกราะสีดำ ผ้าคลุมสีเดียวกัน ไม่ใช่ใครนอกจากไคลน์ในร่างวิญญาณและพกพาไพ่จักรพรรดิมืด
คราวนี้มันตัดสินใจเพิ่มสมบัติวิเศษชนิดอื่นติดตัวมาด้วย เช่นเข็มกลัดสุริยันและขวดพิษชีวภาพ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในภารกิจ
ชายหนุ่มเดินทางออกจากสโมสรครักซ์โดยปราศจากความลังเล
ไคลน์ในร่างปัจจุบันสามารถบินได้ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง และไม่เกิดสายลมกระโชกตามหลัง เพราะเป็นแค่ร่างวิญญาณ
ทันใดนั้น มันพุ่งตัวใส่ต้นไม้ต้นหนึ่งและฉกกิ่งไม้แห้งติดมือมาด้วยหนึ่งก้าน
สิ่งนี้จะถูกใช้งานต่างแท่งวิญญาณ
เนื่องจากเคยเผชิญหน้าเจสัน·บีเลียลโดยตรง มีข้อมูลจากนิมิตทำนาย และยังมีผ้าเช็ดหน้าของเจสันเป็นสื่อกลาง ไคลน์สามารถทำนายระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ด้วยเทคนิคแท่งวิญญาณ
หลังจากนำพาร่างวิญญาณเข้าไปในจุดมืดมิดและเหม็นอับ ไคลน์ใช้ความเร็วสูงสุดซิกแซกผ่านทางระบายน้ำคับแคบเส้นแล้วเส้นเล่า จนกระทั่งมาถึงบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นทางน้ำและมีทางเดินสองฝั่งค่อนข้างกว้าง
สายน้ำสีดำเข้มยังคงไหลเอื่อย ท่ามกลางกลิ่นเหม็นตลบอบอวลผสมผสานกับอากาศ ไคลน์หักเลี้ยวอย่างต่อเนื่องพลางทำนายถามถึงทิศทางของเจสัน·บีเลียล
…
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเอาตัวรอดจากอาการคลุ้มคลั่งมาได้อีกครั้ง มันรีบเคลื่อนตัวหลบหนีการตามล่าจากสัตว์ประหลาดเกราะสีเงินเป็นระยะ จนกระทั่งหยุดพักหายใจและใช้เงาดำพิงกับผนังหินเย็นเฉียบ ขณะเดียวกันก็ฝืนสะกดจิตสังหารฆ่าฟันไว้อย่างเต็มกลืน
แฮ่ก! แฮ่ก!
เงาดำแผ่นบางเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น มันพลันชะงักและตัดสินใจหันหลังกลับไปมองในจุดเดิมของตน
มุมสายตาเหลือบเห็นวิญญาณสวมเกราะและมงกุฎสีดำสนิท กำลังยืนจ้องกลับมาด้วยกิริยาท่าทางองอาจ
ด้านหลังร่างวิญญาณ ผ้าคลุมสีดำเริ่มขยับแผ่วเบาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเท้า
…
“มันอยู่ไม่ไกล!”
บุคคลในชุดเกราะสีเงินเปื้อนเลือดส่งตัวเองผ่านปากท่อระบายน้ำ ก่อนจะไต่บันไดเหล็กลงมาถึงด้านล่าง
……………………