ตอนที่ 588

The Divine Nine Dragon Cauldron

ณ ลานนกกระจอกเทวะ

 

ทุกคนมองดูชายแก่ที่ลงมาและหลีกทางให้กับเขา ซือหยูมองชายแก่ที่กำลังเข้ามา

 

เขาดูไม่เหมือนกับร่างเงาไปซะทีเดียว เขาดูเหมือนกับร่างอวตาลมากกว่า ดูเหมือนแม้ผู้ทรงพลังจะสร้างช่องว่างให้พวกเขาเข้ามาได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์ได้ง่ายๆเลย

 

นั่นก็เพราะถ้าหากเป็นไปได้ กระโจมเทพสวรรค์เองก็เป็นสมบัติวิญญาณ ถ้าหากไม่ใช่คนที่เป็นภูติหรือจ้าวเทวะที่ทรงพลังมากๆ เขาก็จะปลดผนึกสมบัติวิญญาณนี้ไม่ได้

 

ความทรงจำระหว่างเขากับลู่จือยี่อธิบายทุกสิ่ง แน่สิ่งที่ไม่แน่ใจก็คือเรื่องของอสูรเนรมิตร ไม่มีใครรู้ว่าพวกนั้นจะได้รับผลจากการโจมเทพสวรรค์หรือไม่

 

ซือหยูรู้สึกอย่างนั้น แต่ความคิดของเขาก็ผ่านมาช่วงหนึ่งและหายไป เพราะกระโจมเทพสวรรค์นั้นมีไว้เพื่อฝึกคนที่มีพลังต่ำกว่าภูติเท่านั้น

 

แม้ว่าทรัพยากรที่นี่จะมีอยู่ล้นหลามและดึงดูดได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะ แต่ของเหล่านั้นก็เป็นดั่งของธรรมดาต่อเหล่าอสูรเนรมิตร ข้อยกเว้นหนึ่งเดียวแห่งกระโจมเทพสวรรค์

 

แล้วเหตุใดพวกนั้นถึงมายังสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเองเล่า?

 

ซือหยูส่ายหน้าและหันไปทางคนที่ลงมา แม้ว่าจะเป็นเพียงเงา ใบหน้าของเขาก็ดูชัดเจนมาก ซือหยูมองทั้งร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

 

ชายแก่ตรงหน้าเขาสวมผ้าคลุมสีแดงที่ล้อมรอบด้วยดาราเพลิง เขาดูเป็นคนแก่ที่ไม่ยิ้มออกมาเลย

 

“เจ้าอยากจะแลกมันกับอะไร?”

 

ชายแก่ถาม ดวงตาสีขาวของเขาไม่ละไปจากกบแก้วเพลิงเนตรขาว เขาไม่มองซือหยูด้วยซ้ำ

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ

 

“แล้วท่านให้อะไรข้าได้บ้างล่ะ?”

 

ชายแก่เงยหน้าเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองซือหยู เขาหยิบเอาหุ่นเชิดออกมาจากตัว

 

หุ่นเชิดนี้มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ มันรูปร่างคล้ายกับสุนัขตัวน้อย มันก็ธรรมดามาก

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูเห็นของสิ่งนี้ เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะสงสัย เขามองสีหน้าท่าทางของคนรอบๆและพบว่าพวกเขามองหุ่นเชิดไม้นี้อย่างนับถือ

 

สำหรับคนอย่างเฮ่ยเยี่ยหลางจุนและหนานอู่ที่มีความรู้มาก พวกเขาตกใจจนถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าชายแก่จะให้สิ่งที่เหนือกว่าพวกเขาคาดคิด ดังนั้นซือหยูจึงเข้าใจว่ามันจะต้องเป็นบางอย่างที่ดี!

 

“ตกลง”

 

ซือหยูตอบและโยนซากกบแก้วเพลิงเนตรขาวไปให้ชายแก่ ชายแก่รับซากกบและโยนใส่ช่องวางของลานประลองลับสวรรค์

 

“ข้าที่สร้างมันขึ้นมาต้องใช้แก่นโลหิตของสัตว์วิญญาณแห่งจักรวาล แม้ฐานพลังของกบแก้วเพลิงเนตรขาวจะไม่มาก มันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ดังนั้นมันอาจจะไม่มีค่าสำหรับใครอื่น แต่สำหรับข้า มันมีค่าเทียบเท่าหุ่นเชิดสุนัขนรก!”

 

ชายแก่มีคุณธรรมสูงส่ง เขาไม่พยายามจะโกงซือหยู

 

แก่นโลหิตรึ? ซือหยูตาเป็นประกายและหยิบขวดหยกออกมาสองขวด หนึ่งในนั้นมีโลหิตสีแดงทองที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติอรหันต์ ขณะที่อีกขวดมีหยดโลหิตสีดำที่ปล่อยพลังภูติออกมา!

 

แก่นโลหิตแรกคือโลหิตที่เขาได้มาจากแหวนทองปราบมาร ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่ามันเป็นโลหิตของชายแก่หรือใครอื่น

 

ส่วนหยดที่สองคือแก่นโลหิตจากแขนราคาปีศาจ ตามที่ราชาปีศาจบอก แก่นโลหิตของเขามีพลังชำระล้างที่แข็งแกร่งอย่างมากต่อซือหยูที่มีสายโลหิตปีศาจ ดังนั้นมันจะใช้เพิ่มพลังของสายโลหิตได้ แต่ซือหยูก็รอบคอบและไม่เคยใช้มันมาก่อน

 

ชายแก่มองโลหิตของราชาปีศาจอย่างละเอียดเมื่อซือหยูแสดงขวดหยกทั้งสองออกมา เขาเริ่มพูด

 

“นี่เป็นแก่นโลหิตของราชาปีศาจจ้าวเทวะ! แม้พลังจะลดน้อยไปมาก มันก็ยังมีค่ายิ่งนักสำหรับเจ้าที่เป็นกึ่งภูติ”

 

แม้ชายแก่จะดูประทับใจแต่ซือหยูก็บอกได้เลยว่าชายแก่ไม่ได้สนใจมันนัก แต่ชายแก่ค่อยๆหรี่ตามองเมื่อเห็นโลหิตสีทอง สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นมา

 

“ขอข้าดูใกล้ๆได้หรือไม่?”

 

ชายแก่จับจ้องโลหิตทองคำ เขาแปลกใจเล็กน้อย

 

ซือหยูโยนขวดหยกไปให้เขา เขาหยุดคิดอยู่เงียบๆ เจ้าของเดิมของแหวนทองปราบมารไม่ใช่คนธรรมดาๆจริงๆรึ? เพราะเขามั่นใจว่าแก่นโลหิตนี้จะต้องไม่ใช่ของชายแก่ในร่างวิญญาณผู้ล่วงลับ

 

สีหน้าของผู้เฒ่าราวกับคนแปลกหน้าเมื่อมองขวดหยกที่สองใกล้ๆ

 

“หรือว่านี่จะเป็นแก่นโลหิตของอรหันต์เนรมิตร? เจ้าหนู เจ้าไปเอาแก่นโลหิตนี้มาจากไหน? เจ้ายังมีสมบัติที่เป็นของเจ้าของแก่นโลหิตนี้อีกไหม?”

 

ซูม

 

ตอนนั้นเอง ภูติสองคนลงมาจากช่องว่างบนท้องฟ้า

 

“สหายหยู นี่ไม่ดีแน่ ถึงจะเป็นเจ้าก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฎ!”

 

หนึ่งในนั้นพูดกับผู้เฒ่า พูดสองคนนี้สวมชุดสีม่วง

 

ผู้เฒ่าที่ถูกเรียกว่าผู้เฒ่าหยูเงยหน้ามองอย่างเย็นชากับทั้งสอง ขณะนี้เหมือนกับเขาได้มองคนที่เหนือกว่ามากมายผ่านม่านแสง

 

เขาพูดออกมา

 

“พวกเจ้าจะใจร้อนกันไปถึงไหน เจ้ากลัวว่าข้าจะหาแก่นโลหิตของอสูรเนรมิตรเจอแล้วสร้างหุ่นเชิดที่พวกเจ้าหวาดกลัวออกมาเรอะ?”

 

คำถามของเขาไม่ได้แฝงคำขู่แต่อย่างไร เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด สองคนที่เข้ามาหยุดเขาจะต้องถูกภูติที่เหลือส่งตัวมา

 

ผู้เฒ่าผู้นี้คือตัวตนที่มีเอกลักษณ์ของดินแดนพรสวรรค์ แม้ว่าฐานพลังของเขาจะไม่มากนัก หุ่นเชิดที่เขาสร้างก็เหนือกว่าหุ่นเชิดทั้งปวง

 

ว่ากันว่าหุ่นเชิดสีเขาสร้างขึ้นมามีพลังเทียบเท่ากับจ้าวเทวะ แม้จะใช้ไม่ได้นาน มันก็ทรงพลังมากจนไม่มีใครอยากจะสู้กับเขา

 

และสำนักที่เขาเป็นผู้นำอยู่ก็ได้นับการนับถืออย่างสูงในบรรดาสิบแปดสำนักด้วยเหตุผลบางประการ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังเพื่อผู้เฒ่าหยูกำลังจะได้แก่นโลหิตที่ใช้สร้างหุ่นเชิดที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม!

 

“สหายหยู เจ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าเพียงเป็นกังวลว่าเจ้าจะฝ่าฝืนกฎโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น ที่นี่มีสายตาของคนมากนัก”

 

สองภูติยิ้มทื่อๆ ทั้งสองไม่มีวันยอมรับว่าลงมาที่นี่เพราะคำสั่งจากคนในลานประลองลับสวรรค์ที่อยู่เบื้องบน

 

ทั้งสองภูติหันมามองซือหยู

 

“น้องชาย พวกข้าสนใจแก่นโลหิตอรหันต์นี้ เจ้าจะมอบให้กับพวกข้าได้หรือไม่? คิดเสียว่าเป็นหนี้บุญคุณของพวกข้า เจ้าจะว่าอย่างไร?”

 

ทั้งสองกำลังทำตัวไร้ยางอายมาก! พวกเขาเข้ามาขัดในตอนที่ซือหยูกับผู้เฒ่าหยูกำลังพูดคุยกัน แสร้งทำเป็นขวางไม่ให้ผู้เฒ่าหยูฝ่าฝืนกฎขณะที่ทั้งคู่อยากจะชิงของมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง!

 

หนี้บุณคุณเรอะ? ซือหยูหัวเราะในใจ

 

ช่างเป็นลูกไม้ต่ำช้า! สองคนนั้นควรจะละอายใจ!

 

คำพูดและท่าทางเช่นนั้นทำให้ซือหยูไม่ชอบทั้งสองในทันที ซือหยูหัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ขออภัยท่านสองคน แต่ผู้เฒ่าหยูเห็นมันก่อน หากผู้เฒ่าให้ของที่ข้าพอใจตอบแทน แก่นโลหิตก็จะเป็นของเขา ส่วนท่านสองคนไปต่อแถวรอก่อนเถอะ”

 

ยอดฝีมือทั้งหมดกลั้นหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของซือหยู พวกเขาคิดว่าซือหยูบ้าไปแล้วที่บอกให้ภูติขั้นสูงสองคนไปต่อแถวรอ!

 

ภูติทั้งสองยังคงแสร้งยิ้มต่อไปอย่างเคย เพราะจะเป็นการไม่เหมาะสมที่พวกเขาจะแสดงความโกรธออกมาในที่สาธารณะเช่นนี้ แต่ดวงตาของพวกเขาก็ปล่อยความไม่เป็นมิตรออกมา

 

“น้องชาย เจ้ายังไม่รู้สินะว่าพวกข้าเป็นใคร?”

 

ภูติทั้งสองหัวเราะเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น รอยยิ้มที่ทั้งสองฉีกออกมาดูไม่เป็นรอยยิ้มอีกแล้ว

 

หึหึ ซือหยูหัวเราะในใจ ทั้งคู่เข้ามากล่าวหาแบบผิดๆว่าผู้เฒ่าหยูกำลังจะฝ่าฝืนกฎ แต่ทั้งสองคือผู้ร้ายตัวจริง! …การกระทำเช่นนี้สมควรได้รับการลงโทษ! แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดมาก่อนลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจว

 

“ใครสนกันเล่าว่าพวกเจ้าเป็นใคร? ของสิ่งนี้เป็นของข้า มันจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ข้าจะให้มันเป็น พวกเจ้ามีสิทธิ์เข้ามายุ่งย่ามตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

ซือหยูตะคอกใส่อย่างเยือกเย็น

 

ไม่สำคัญว่าฐานพลังของทั้งคู่จะอยู่ในระดับไหน พวกเขาก็แค่มาในร่างเงา! ทั้งคู่ไม่มีแม้แต่พลังในสภาพนี้ ทำไมซือหยูจะต้องกลัวเล่า?

 

ทั้งคู่ควรจะได้รับการเคารพนับถือ พวกเขาอัยอาบมากเมื่อถูกตะคอกใส่โดยคนที่เด็กกว่า!

 

“ฮ่าๆๆๆ พูดได้ดี!”

 

ผู้เฒ่าหยูมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น การได้ยินคำพูดเช่นนี้จากเด็กอย่างซือหยูทำให้ผู้เฒ่าอย่างเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

ผู้เฒ่าหยูไม่สนใจภูติทั้งสองและมองซือหยูขณะที่พยายามจะข่มเสียงหัวเราะ

 

“ข้านับถือเจ้าจริงๆที่กล้าแสดงความเป็นเจ้าของในของของเจ้าเอง! เช่นนั้นก็ตามที่เจ้าพูด ถ้าใครในลานประลองลับสวรรค์กล้าจะล้างแค้นเจ้า พวกนั้นจะต้องผ่านข้าไปก่อน!”

 

ซูม

 

ในตอนนั้น ผู้เฒ่าหยูสะบัดเสื้อและหยิบเอาหุ่นเชิดแมงมุมออกมา มันมีขนาดเท่าฝ่ามือและดูเหมือนว่าผ่านการสร้างมาอย่างปราณีต ระดับของมันเหนือกว่าหุ่นเชิดสุนัขนรก แม้แต่วัตถุดิบที่สร้างก็ดูยอดเยี่ยมมาก

 

ภูติทั้งสองคนชักสีหน้า

 

“หุ่นเชิดภูติขั้นสูงเรอะ? ผู้เฒ่าหยู คนอย่างท่านก็มีน้ำใจได้เพียงนี้เชียวรึ!”

 

ซือหยูตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคน

 

หุ่นเชิดแมงมุมนี้มีพลังภูติขั้นสูงงั้นหรือ?

 

หุ่นเชิดสีเงินที่ก่อการนองเลือดในกระโจมเทพสวรรค์เองก็มีพลังภูติขั้นสูง หุ่นเชิดแมงมุมตัวนี้มีพลังขนาดนั้นเชียวรึ?

 

“ผู้เฒ่าหยู สมบัติชิ้นนี้ล้ำค่านัก แม้แก่นโลหิตอรหันต์จะแพงมาก มันก็เทียบไม่ได้กับหุ่นเชิดนี้ ข้ามิอาจรับไว้ได้หรอก”

 

ซือหยูคืนหุ่นเชิดด้วยสองมือ

 

ผู้เฒ่าหยูมองซือหยูด้วยความสงสัย

 

“แปลกนัก ข้าไม่ได้ขายหุ่นเชิดของข้าให้ใครง่ายๆ หลายคนได้แต่ฝันที่จะได้มันมาแต่เจ้ากลับปฏิเสธ! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะคิดอย่างที่พูดหรือไม่หรือเจ้าพูดไปเพื่อเอาใจข้า แต่ข้าจะไม่มีวันนำสิ่งที่ข้าให้เป็นของขวัญกลับคืน เจ้าจะต้องเก็บมันเอาไว้”