ตอนที่ 587

The Divine Nine Dragon Cauldron

การปรากฏของสมบัติเทพจำนวนมากมายมหาศาลเช่นนี้ก็คือเครื่องพิสูจน์ว่าเจ้าของสมบัติเหล่านี้ตายแล้ว ถ้าเจ้าของสมบัติเหล่านั้นเจอกับเคราะห์ร้ายบางอย่างและสมบัติถูกชายผู้โชคดีคนนี้เก็บไป นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาโชคดี แต่ถ้าหากสมบัติทั้งหมดถูกเก็บมาจากเขา…มันก็มีแค่คำอธิบายเดียว นั่นก็คือเขาเป็นคนที่สังหารเจ้าของสมบัติเหล่านั้นด้วยตัวเอง!

 

ซือหยูใจเย็นขณะที่ผู้คนส่งเสียงโวยวาย เขาพูดอย่างไม่แยแส

 

“ใจเย็นลงหน่อย”

 

คำพูดของเขามีพลังของอรหันต์แปดอักษรอยู่ด้วย นั่นทำให้เกิดเสียงดังที่ทำให้ผู้คนเริ่มสงบลง

 

“ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร ไม่สำคัญว่าผู้เป็นเจ้าของสมบัติเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเจ้าต้องสนใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และนั่นคือการตัดสินใจว่าพวกเจ้าจะอยากได้ของสิ่งไหน ถ้าเจ้าอยากได้ก็หยิบเอาเศษแก้วของเจ้าออกมา! ราชาสมบัติเทพระดับกลางคือเศษแก้วหนึ่งชิ้น สมบัติเทพระดับสูงราคาสามเศษแก้ว ใครมาก่อนได้ก่อน!”

 

ซือหยูประกาศ

 

ทุกคนตกใจกับคำพูดของเขา คนที่ตัดสินใจได้รวดเร็วรีบตอบ

 

“ข้าต้องการมีดโลหิตกับมีดแล่มัจฉา! ข้าให้เจ้าหกเศษแก้ว!”

 

ทุกคนที่ได้ยินเขากลับมาตั้งสติอีกครั้ง เพราะอย่างไรเรื่องความตายของคนเหล่านั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา สิ่งที่สำคัญกว่าคือพวกเขามีโอกาสอันยอดเยี่ยมที่จะได้สมบัติอันเลื่องชื่อเหล่านั้น!

 

เหล่าผู้คนตื่นเต้นโดยเฉพาะกับสมบัติของโจวฉีหมิงและหยางยี่เต๋า เพราะทั้งสองชิ้นเป็นสมบัติของคนที่โด่งใน ดังนั้นหลายคนจึงเริ่มแข่งราคากันเพื่อแย่งชิงสมบัติเหล่านั้น ท้ายสุด ซือหยูได้เศษแก้วมาสี่สิบชิ้นในการขายสมบัติ ทั้งหมดรวมกันเป็นแก้วสี่ดวง!

 

สีหน้าของเหล่าผู้เฒ่าจากสำนักดังที่นั่งอยู่ในลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวค่อนข้างไม่พอใจเท่าใดนั้น โดยเฉพาะผู้เฒ่าจากตำหนักชิงวิญญาณ

 

นั่นก็เพราะโจวฉีหมิงเป็นศิษย์นอกลำดับสิบของสำนัก เขายังเป็นหนึ่งในคนที่ส่งมาหาสิ่งที่ตู่ม่อทิ้งเอาไว้ แต่พอเห็นว่าสมบัติของเขาถูกนำมาขายก็ทำให้ได้รู้ว่าเขาถูกฆ่าตายไปแล้ว

 

กู้ไทซูสายตาเยือกยเ็น เขาหันไปมองลู่จือยี่และถาม

 

“เขามีแม้กระทั่งสมบัติจากสำนักศีลหวนคืน เขาฆ่าศิษย์สำนักตัวเองงั้นรึ?”

 

เขาเริ่มที่จะสงสัยในตัวซือหยู ลู่จือยี่เองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไปในเรื่องนี้

 

อย่างไรก็ตาม เขาจะฆ่าคนพวกนั้นไปก็ไม่เป็นไร แต่การกล้าขายของเหล่านั้นต่อหน้าผู้เฒ่าของสำนักมันค่อนข้างจะเกินไปหน่อย…

 

ซือหยูไม่กลัวว่าเหล่าผู้เฒ่าจะคิดว่าเขาสังหารศิษย์ในสำนักของพวกเขาหรืออย่างไร?

 

เพราะถ้าหากการมายังกระโจมเทพสวรรค์จบลง เขาจะถูกยักย้ายกลับไป ใครกันจะปกป้องเขาจากความโกรธแค้นของผู้เฒ่าเหล่านั้น?

 

ลู่จือยี่เริ่มที่จะสงสัยตัวตนของเขาที่เคยบอกว่ามาจากสำนักศีลหวนคืนเป็นครั้งแรก

 

“หึหึ ยอดเยี่ยมนัก! ฆ่าได้แม้กระทั่งศิษย์สำนักยูเฟิงของเรา”

 

ดวงตาอันน่ามองของสตรีคนหนึ่งเยือกเย็นลงเมื่อนางเห็นมีดคร่าพยัคฆ์ของโจวจิ้งรวมอยู่ในสมบัติอื่นๆ

 

ความโกรธแค้นเช่นนี้กระหึ่มขึ้นในหมู่ผู้เฒ่า ลู่จือยี่บอกได้เลยว่าคนกลุ่มนี้ไม่พอใจเพียงใด นางไม่รู้ว่านางจะทำอย่างไรดี นางตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปกป้องซือหยูหรือไม่ เพราะเขาเองได้ทำความผิดครั้งใหญ่หลวงไปแล้ว

 

ขณะนั้นเอง ที่ลานนกกระจอกเทวะ…

 

หลังจากที่ทุกคนแย่งประมูลสมบัติกันจนจบ…ซือหยูได้สะสมเศษแก้วไปสี่สิบชิ้น

 

“เอาล่ะ ข้าขายสมบัติเทพไปหมดแล้ว ข้าจะเสนออย่างอื่นให้พวกเจ้า”

 

ซือหยูโบกมือ ผลไม้ทองคำสามผลที่เปล่งประกายอยู่ในกล่องหยกปรากฏต่อหน้าผู้คน

 

“นี่คือทับทิมวิญญาณขนนกอายุยี่สิบปี ข้าขายลูกละสามดวง ราคาไม่ได้มีให้ประมูล ใครมาก่อนได้ก่อน!”

 

ทุกคนจ้องมองผลไม้ทองคำอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อซือหยูพูดจบ

 

พวกเขาตกตะลึงเพราะว่าถ้าหากทับทิบวิญญาณขนนกเติบโตแล้ว พวกมันมักจะถูกสัตว์ป่ากินทันที แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเติบโตอย่างปลอดภัยมายี่สิบปี! และแท้จริงแล้วก็ไม่มีใครเคยนำทับทิมวิญญาณขนนกอายุยี่สิบปีมาขายในท้องตลาด!

 

ทับทิมวิญญาณขนนกจะช่วยปรับและชำระล้างพลังวิญญาณของคนที่กินมันเข้าไปได้ และยิ่งมีอายุมากเท่าใด ผลที่ได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เคยมีแม้แต่คนที่พูดว่าหลังจากกินทับทิมวิญญาณขนนกไปแล้ว เขาได้กลายเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงในทันที!

 

ผลของทับทิมนั้นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ดังนั้นทุกคนจึงอยากมีโอกาสที่จะได้มัน! มีอยู่ราวแปดคนที่รีบเข้าไปแย่งทับทิมวิญญาณขนนก

 

แม้แต่หนานอู่กับเฮ่ยเยี่ยหลางจุนก็อยากได้มัน แต่พวกเขาไม่อยากจะเข้าไปแย่งเพราะพวกเขาต้องรักษาหน้าเอาไว้ ซือหยูจึงได้แก้วเก้าดวงไปอย่างราบลื่น!

 

“แค่ก แค่ก เจ้าเข้าใกล้ข้ามากไปแล้ว”

 

ซือหยูโบกมือปัดหลีกจากคนที่โลภในสมบัติ

 

ทุกคนเริ่มตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดวางท่าของซือหยู พวกเขาจ้องมองซือหยูตาเป็นมัน หลายคนเข้ามาล้อมตัวเขาและเข้าใกล้ให้มากที่สุดเผื่อว่าซือหยูจะมีสมบัติอื่นอยู่อีก

 

กู้ไทซูที่อยู่ในลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวแสยะมุมปากเมื่อมองซือหยู

 

“ไอ้พวกขยะชั้นต่ำ”

 

ภูติคนอื่นไม่ได้โต้แย้งอะไร พวกเขาเห็นด้วยกับกู้ไทซู

 

ในตอนนั้นเอง ซือหยูที่อยู่บนลานนกกระจอกเทวะพูดขึ้นมา

 

“ของชิ้นต่อไป ให้พวกเจ้าขานราคาหลังจากที่มองดูมันดีแล้ว”

 

ในตอนนั้น สัตว์ประหลาดสีม่วงที่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือบินออกมาจากมือซือหยูและลอยอยู่ในกลางอากาศ มันเป็นหนอนที่ดูอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก มันให้ความรู้สึกดุร้าย

 

“ซากสัตว์อสูรขอบเขตภูติ! สภาพยังไม่เสียหายเลยด้วยเรอะ?”

 

บางคนร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

“แก้วสามดวง!”

 

คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

 

“ไอ้บ้า! ให้ราคาแค่นั้น เจ้าจะเล่นตลกอะไรกัน! ซากสัตว์อสูรที่อ่อนแอกว่านี้ก็ราคาเกินแก้วสิบดวงไปแล้ว หนอนตัวนี้หายากมาก! มันเป็นหนอนขอบเขตภูติที่มีอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์เท่านั้น! ราคามันต้องสูงกว่านั้น! ข้าจะซื้อในราคาสิบห้าดวง!”

 

ไม่รู้ว่ามีใครที่ตะโกนราคาสิบห้าดวงขึ้นมา

 

ซือหยูยิ้ม เขาค่อนข้างพอใจกับราคานี้

 

“สิบหกดวง…”

 

เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกระโดดเข้ามาในสงครามการประมูลอย่างอับอาย

 

หนานอู่มองไปยังซากหนอน

 

“ข้าจะซื้อในราคาสิบเจ็ดดวง”

 

ทั้งสองเข้ามาร่วมประมูลเพราะรู้ว่าซากหนอนตัวนี้จะขายในโลกภายนอกได้ราคาไม่ใช่แค่สิบหรือยี่สิบดวง แต่พวกเขาจะได้แก้วหลายสิบดวง! ดังนั้นถ้าพวกเขาจึงคิดจะใช้โอกาสนี้ซื้อมันมาในราคาถูกเพื่อเอาไปขายเก็งกำไรอย่างง่ายๆในจิวโจว

 

“หนานอู่ เจ้ามีแก้วเท่าใดกัน?”

 

เฮ่ยเยี่ยหลางจุนถอนหายใจแรง

 

“เจ้าอย่าให้ราคาสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่า! ถ้าเจ้าจ่ายไม่ไหว เจ้าจะทำให้ตัวเองขายหน้า!”

 

หนานอู่เดาะลิ้นตอบ

 

“เจ้าก็มองดูกระเป๋าเงินตัวเองซะเถอะ ข้าจะต้องได้มัน!”

 

“ก็ได้! สิบแปดดวง!”

 

เฮ่ยเยี่ยหยางจุนเพิ่มราคาอีกครั้ง

 

หนานอู่ก็เพิ่มราคาอีกเช่นกัน ทั้งสองผลัดกันขึ้นราคากันไปกันมาจนราคาพุ่งไปถึงยี่สิบแปดดวง ท้ายที่สุดแล้ว เฮ่ยเยี่ยหยางจุนให้ราคาต่อไม่ได้อีกจึงพ่ายแพ้ให้กับหนานอู่

 

ซือหยูที่ขายมันได้ในราคายี่สิบแปดดวงดีใจมาก! กำไรครั้งนี้และแก้วสิบสามดวงที่เขาได้มาก่อนหน้า มันจะรวมกันเป็นสี่สิบเอ็ดดวง! จำนวนแก้วมากมายเช่นนี้ควรจะมากพอที่จะช่วยชีวิตหลิงเสี่ยวเทียนได้!

 

กู้ไทซูที่อยู่บนลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวขมวดคิ้วขึ้น

 

“ไอ้เด็กนั่นโชคดีนัก เขาเจอซากหนอนพิษมาด้วย! แต่มันก็ยังเป็นขยะในสายตาข้า”

 

ในตอนนั้นเอง ซือหยูโบกมือและพูด

 

“ข้ายังมีของอย่างอื่นอยู่อีก หลีกทางให้ข้าหน่อย”

 

จากนั้นก็มีกบตัวใหญ่ปรากฏขึ้นมา

 

เฮ่ยเยี่ยหลางจุนตาลุกวาว เขาตะโกน

 

“น้องชาย ข้าอยากได้สัตว์อสูรขอบเขตภูติตัวนี้”

 

หนานอู่โกรธจนหน้าแดง เขาก็อยากได้สัตว์อสูรนี้เหมือนกันแต่ทำได้แค่มองมันอย่างสิ้นหวัง เพราะราคาของหนอนพิษก็ทำให้เงินเก็บของเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว!

 

แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงตะโกนอย่างร้อนรนดังมาจากเบื้องบน

 

“เดี๋ยว! ข้าอยากจะดูสัตว์อสูรตัวนี้ก่อน”

 

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นชายแก่ในขอบเขตภูติลงมาระดับเดียวกับพวกเขา เขาเป็นผู้เฒ่าขอบเขตภูติที่หมายตาสมบัติชิ้นนี้!

 

กู้ไทซูเองก็ตกตะลึง เขาถาม

 

“นั่นมันกบแก้วเพลิงเนตรขาวที่สูญพันธุ์ไปแล้วไม่ใช่รึ? สัตว์ประหลาดเฒ่าหยูถึงกับสนใจมัน!”

 

เมื่อกู้ไทซูมองกบแก้วเพลิงเนตรขาว เขาก็ไม่กล้าจะพูดคำว่าขยะอีกต่อไปแล้ว สีหน้าของภูติชั้นเซียนคนอื่นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน หลายคนอยากจะพูดคุยกันในเรื่องนี้…

 

“ถ้าสัตว์ประหลาดเฒ่าหยูไม่ได้ ข้าก็จะซื้อมันเอง!”

 

“ดูจากท่าทางของตาเฒ่าหยู ข้าคงไม่กล้าจะสู้แล้วล่ะ”

 

ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะค่อนข้างเป็นที่เคารพต่อพวกเขา แม้ว่าฐานพลังของเขาจะอยู่เพียงแค่ภูติขั้นกลาง ภูติขั้นสูงคนอื่นก็ไม่กล้าจะทำให้เขาโกรธ