ตอนที่ 214 มาตรการพื้นฐานของศัตรูหัวใจ / ตอนที่ 215 ถ้าหากว่าพวกเราเลิกกันล่ะ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 214 มาตรการพื้นฐานของศัตรูหัวใจ 

 

 

           “งั้นตอนนี้…คุณชายเจียงให้ผมจูบคุณดีๆ สักหน่อยจะได้หรือเปล่า” 

 

 

           ตั้งแต่เขาเริ่มตามหาเจียงมู่เฉิน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้จูบเขาดีๆ เลย กว่าจะง้อเจ้าตัวได้ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องรีบตักตวงรางวัลปลอบใจให้ได้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดนัยน์ตาดอกท้อพราวเสน่ห์ของตัวเองขึ้น “อยากจูบฉัน?” 

 

 

           “อืม ให้จูบหรือเปล่า” 

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงแต่ว่า…” เขาพูดจบก็เข้าไปจูบซือเหยี่ยน “ต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” 

 

 

           ทั้งสองคนอยู่ในเขารกร้างเปล่าเปลี่ยวผู้คน ซือเหยี่ยนกักช่วงเอวของเจียงมู่เฉินไว้แน่น มอบจุมพิตสวาทอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เจียงมู่เฉินพลิกมือมากุมมือซือเหยี่ยนไว้ ทั้งยังเลียนแบบการกระทำของซือเหยี่ยนเช่นกัน ใช้มือกักช่วงเอวของเขาไว้ 

 

 

           เขาพลิกเบี้ยล่างให้กลายเป็นเบี้ยบน เป็นฝ่ายกดจูบซือเหยี่ยนเอง ปกติเขายอมให้ซือเหยี่ยนเป็นฝ่ายรุก เพียงแค่ใจมันอ่อนใจมันยอมให้ทั้งใจก็เท่านั้นเอง 

 

 

           ทุกครั้งที่พูดว่าอยากเป็นรุกบ้าง ก็ไม่พ้นหาเรื่องสนุกให้อีกฝ่ายแทน ถ้ามีวันหนึ่งที่เขาอยากจะกดซือเหยี่ยนบ้าง ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ 

 

 

           ถึงเขาจะต่อยตีไม่สู้ซือเหยี่ยน แต่ถ้าแข็งขืนขึ้นมาจริงๆ จังๆ ซือเหยี่ยนเองก็ไม่แน่ว่าจะหาข้อดีได้ 

 

 

           เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขายอมให้ซือเหยี่ยนทำผิดโดยไม่ห้ามปราม ไม่ขัดขวางถึงขนาดว่าไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไร ขอเพียงแค่อยู่ในหลักการที่ยึดถือไว้ เขาก็สนองความต้องการได้ทั้งนั้น 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธไม่ลง เมื่อถอยออกมาก็ยังไม่ลืมที่จะใช้ฟันกัดซือเหยี่ยนไปหนักๆ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเจ็บที่มุมปาก เขายกยิ้มมุมปากขึ้น พลางหัวเราะ “คุณกัดผมตรงนี้ ถ้าบวมขึ้นมา จะไม่ทำให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างของพวกเราสองคนเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายยังกลัวจะคนอื่นจับได้อยู่เหรอ ฉันเห็นว่านายอยากให้คนจับได้จนตัวสั่นมากกว่ามั้ง เมื่อกี้บนโต๊ะอาหารจงใจพูดว่าฉันใช้แรงงานมือเกินขนาด ไม่ใช่ว่าจะประกาศศักดาครองอำนาจสิทธิ์ขาด บอกซังจิ่งว่าพวกเราเพิ่งจะทำเรื่องอะไรกันมาหรือไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกป้อยๆ “ผมไม่รู้สึกว่าแบบนั้นผมผิดนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “อืม นายไม่ผิด ปฏิบัติกับศัตรู การกระทำต้องตรงจุดและชัดเจนตลอด นี่เป็นหลักการพื้นฐานของนักธุรกิจไม่ใช่เหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะ “ปฏิบัติกับซังจิ่งไม่ได้ใช้หลักการทั่วไปของนักธุรกิจหรอก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “แล้วคือ?” 

 

 

           “มาตรการพื้นฐานของศัตรูหัวใจ” ซือเหยี่ยนเอ่ยหน้าซื่อตาใส “แฟนผมใกล้จะโดนอุ้มหนีไปแล้ว ถ้าผมไม่ประกาศศักดาครองอำนาจสิทธิ์ขาด จะรอให้เขาอุ้มคุณหนีแล้วมาเลิกกับผมหรือไง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม “ใครกันจะโดนเขาอุ้มไป ฉันโดนอุ้มง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ผมอุ้มขึ้นมายังง่ายเหมือนปอกกล้วยอยู่” 

 

 

           “…” อยากตีคน อยากฆ่าปิดปาก ทำไงดี ด่วนมาก กรุณารอสักครู่… 

 

 

           …… 

 

 

           “นายออกมาขนาดนี้ ไม่กลัวว่าซูเตอร์จะรู้ แล้วจะไม่เป็นผลดีกับฉันเหรอ” เจียงมู่เฉินหาที่นั่งพิงข้างๆ ทะเลสาบ ก่อนเอ่ยถามอย่างเอื่อยเฉื่อย 

 

 

           “นายออกจากบ้านมา ผมจะมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ได้ที่ไหนล่ะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ทำไมฉันรู้สึกว่านายจัดการทุกอย่างก่อนแล้วถึงค่อยมา” 

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกป้อยๆ “ก็แค่จัดการไปตามสมควร รับประกันว่าตอนนี้ซูเตอร์จะมาสร้างความวุ่นวายให้ผมไม่ได้แน่นอน” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้า “ฉันว่าฉันพบแล้ว ว่าบางทีคนอย่างนายนี่ใจเย็นสุขุมเกินขั้นจริงๆ” ก่อนจะมาหาเขา ยังไม่ลืมจะจัดการทางหนีทีไล่ทั้งหมดไว้ให้ดี ความคิดละเอียดรอบคอบเกินไปไหม 

 

 

           ซือเหยี่ยนแอบอิงข้างกายเจียงมู่เฉิน “มีบางทีก็ไม่ใจเย็น” 

 

 

           “เมื่อไหร่” เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขายังแปลกใจอยู่จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้ซือเหยี่ยนไม่ใจเย็นได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเอียงหัวมองเจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ “ความลับ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรอคำตอบอย่างจริงจังอยู่นานสองนาน สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็มีแค่คำว่า ‘ความลับ’ นี่คือต้องการจะทำให้เขาอกแตกตายแล้วจะยึดสมบัติตระกูลเขาใช่ไหม  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 215 ถ้าหากว่าพวกเราเลิกกันล่ะ 

 

 

           ซือเหยี่ยนคว้าตัวเจียงมู่เฉินที่ใกล้จะระเบิดลงมาไว้ในอ้อมกอด “อย่าพูดเลย พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองตามทางที่เขาชี้ไป พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตกดินทีละนิดตามที่ซือเหยี่ยนบอก ค่อยๆ สลายหายไปท่ามกลางท้องฟ้า แสงอาทิตย์ส่องผ่านกลุ่มเมฆเปล่งรัศมีเรืองรองทอประกาย 

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจเบาๆ “คิดไม่ถึงว่าจะได้มาดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งแรกที่นี่กับนาย” ถึงจะทำลวกๆ เกินไปหน่อย แต่นี่ก็ยังถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเขาที่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่รู้ว่านึกถึงอะไรได้ขึ้นมา เขาสอดมือประสานกันกับมือของเจียงมู่เฉินอย่างแนบแน่น “อยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกกับผมไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “ที่นี่เหรอ” 

 

 

           “พวกเราไปยอดเขากัน ดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกกันจริงๆ จังๆ” 

 

 

           จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็คิดถึงสมัยที่อยู่อเมริกาด้วยกัน ก่อนที่เจียงมู่เฉินจะออกปฏิบัติภารกิจสุดท้าย เขากอดซือเหยี่ยนแน่น แล้วพูดลงที่ข้างหู “ซือเหยี่ยน ถ้าคุณชายมีชีวิตกลับมาได้ คุณชายรับประกันว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับนาย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกะพริบตา แต่น่าเสียดาย ภารกิจแฝงตัวเป็นสายลับครั้งนั้นล้มเหลว 

 

 

พระอาทิตย์ขึ้นที่เขากับเจียงมู่เฉินนัดจะไปดูกันก็ไปดูไม่ได้แล้ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าซือเหยี่ยนที่อยู่ข้างกายเขาอารมณ์ดูไม่ค่อยจะปกติอย่างบอกไม่ถูก “ได้ ฉันจะไปกับนาย” 

 

 

           ความขมขื่นเจ็บช้ำปรากฏรอบๆ ดวงตาของซือเหยี่ยน เขาหลับตาลงเล็กน้อย ปิดบังขอบตาที่เริ่มจะแดงก่ำไว้ เขายกมุมปากขึ้น แกล้งทำท่าทางสบายๆ “ผมได้ยินคุณรับปากแล้ว พรุ่งนี้ห้ามเปลี่ยนใจนะ” 

 

 

           “วางใจเถอะ พรุ่งนี้คุณชายรับรองว่าจะลุกไหว” 

 

 

           เรื่องที่รับปากแล้ว เขาไม่มีทางจะเปลี่ยนใจอยู่แล้ว 

 

 

           เพียงไม่นานท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว ซือเหยี่ยนลุกขึ้นส่งมือให้เจียงมู่เฉิน “ไปกันเถอะ ควรจะกลับกันได้แล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองมือของเขา แล้วยิ้มหัวเราะ ก่อนจะส่งมือไปจับมือเขาไว้ ซือเหยี่ยนกำลังจะเตรียมออกแรงดึงเจียงมู่เฉินขึ้นมา เขาก็โดนเจียงมู่เฉินดึงฉุดลงไป ทั้งตัวค้ำยันอยู่บนร่างเจียงมู่เฉินไว้ 

 

 

           “อะไรกัน ไม่อยากกลับไปเหรอ” 

 

 

           “ตอนนี้ข้างๆ ไม่มีคน ยังเป็นสถานที่ดีๆ ที่มืดไม่มีไฟอีก จะกลับไปทั้งแบบนี้ ไม่รู้สึกเสียดายหน่อยเหรอ” 

 

 

           ท่ามกลางความมืดสลัว ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “อะไรกัน คุณยังอยากทำอย่างอื่นอีกเหรอ” 

 

 

           “เก็บความคิดเลอะเทอะในหัวสมองนายเข้าไปเลย ฉันก็แค่อยากจะคุยต่ออีกสักพักแค่นั้นเอง กลับจากที่นี่ไป จะหาความสงบแบบนี้ได้ที่ไหนกัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ ถือโอกาสนั่งลงข้างกายเขา “ถ้าคุณชอบ วันหลังพวกเรามาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ที่จริงฉันมีที่ที่ดีกว่านี้อีก” 

 

 

           “ที่ไหน” 

 

 

           “คฤหาสน์หลังนั้นตอนที่อยู่อเมริกากัน ฉันชอบที่นั่นมากกว่า” อีกอย่างที่นั่นยังเป็นที่ที่เขากับซือเหยี่ยนตกลงเป็นแฟนกัน อย่างไรก็มีความหมายเป็นที่จดจำอยู่ไม่เบา 

 

 

           “คุณอยากไป เมื่อไหร่ผมก็ไปกับคุณได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง “ตอนนี้นายก็พูดได้น่าฟัง พอวันหลังนายยุ่งขนาดนั้นจะมีเวลามาอยู่กับฉันได้ที่ไหนกัน” 

 

 

           “ไม่ว่าเวลาไหน ขอเพียงแต่คุณอยากไป ผมก็ไปกับคุณได้ทั้งนั้น” 

 

 

           สำหรับเขาแล้ว ซือกรุ๊ปไม่ใช่ปัญหาอะไร หลายปีมานี้เขาขยายบริษัทใหญ่โตออกไปตั้งเท่าตัว ต่อจากนี้ถ้าเจียงมู่เฉินชอบอยากจะทำอย่างอื่น เขาก็ไปกับเจียงมู่เฉินได้เกือบหมด เรื่องบริษัทอย่างมากก็แค่ให้ไป๋จิ่งควบคุมดูแล 

 

 

           ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริงหรือเท็จ แต่เจียงมู่เฉินก็ยังประทับใจอยู่เล็กๆ บ้างในเวลานี้ 

 

 

           เขาเอนหัวซบไหล่ของซือเหยี่ยน “นายว่าถ้าในอนาคตพวกเราเกิดเลิกกันขึ้นมา จะทำยังไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนแข็งทื่อไปทั้งตัว “ผมไม่อยากเลิกกับคุณ” 

 

 

           “ฉันเองก็ไม่อยาก” เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ถ้าหากว่ามีสักวันล่ะ” 

 

 

           “โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืนจีรังและแน่นอนไม่ใช่เหรอ เรื่องบางเรื่อง ใครก็ไม่มีทางจะรับประกันได้” เจียงมู่เฉินดึงมือซือเหยี่ยนมากุมไว้แน่น “แต่ว่านายวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันจะพยายามทุ่มเทล็อกนายไว้อยู่ข้างกายฉัน” 

 

 

           “งั้นคุณต้องล็อกผมไว้ตลอดชีวิตเลยนะ” 

 

 

           นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้ของเจียงมู่เฉินเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด ราวกับได้อธิษฐานความปรารถนาในใจอย่างไม่หวั่นไหวแน่วแน่ที่สุด